เป็นเทศกาลที่คริสตจักรจะใช้เวลาเข้าเฝ้าพระเจ้าเป็นพิเศษ ด้วย 5 ส. ได้แก่

1.             ส.สงบ  จะเป็นเวลาปลีกวิเวก เพื่อใช้เวลาที่เป็นส่วนตัวในการสงบจิตใจในที่สงบเงียบ ทั้งเวลาและสถานที่ เพื่ออ่านพระคัมภีร์ที่ได้กำหนดไว้ในแต่ละวัน และอธิษฐานเผื่อพี่น้องของเราตามรายชื่อระบุไว้ในตารางของเรา อาจเป็นส่วนตัวหรือเป็นครอบครัวก็ได้ 

สดด. 119:147  ข้าพระองค์ตื่นขึ้นก่อนอรุณ ทูลขอความช่วยเหลือ ข้าพระองค์หวังอยู่ในพระวจนะของพระองค์

สดด. 147:8  พระองค์ทรงคลุมฟ้าสวรรค์ด้วยเมฆ พระองค์ทรงเตรียมฝนให้แก่แผ่นดินโลก พระองค์ทรงกระทำให้หญ้างอกบนภูเขา

มก. 1:35  ครั้นเวลาเช้ามืด พระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว และทรงอธิษฐานที่นั่น

2.             ส. สำรวม  จะใช้เวลาสำรวมใจและกาย อาจจะเป็น “การถืออดอาหาร” ระลึกถึงพระเยซูที่ปลีกเวลาไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า มธ. 4:11  แล้วมารจึงละพระองค์ไป และมีเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์    มก. 1:12-13  12 ในทันใดนั้น พระวิญญาณจึงเร่งเร้าพระองค์ให้เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร 13  และซาตาน (ชื่อหนึ่งของมาร หมายความว่า ผู้ขัดขวาง (ปฏิปักษ์)) ได้ผจญพระองค์อยู่ในนั้นสี่สิบวัน พระองค์ทรงอยู่ในที่ของสัตว์ป่า และมีพวกทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์        

ลก. 4:1-13  1 พระเยซูทรงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณได้ทรงนำพระองค์ไป 2  ถึงสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกมารทดลอง ในวันเหล่านั้น พระองค์มิได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว พระองค์ทรงอยากพระกระยาหาร 3  มารจึงทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ ให้กลายเป็นพระกระยาหาร" 4  ฝ่ายเยซูตรัสตอบมารว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้" 5  แล้วมารจึงนำพระองค์ขึ้นไป สำแดงบรรดาราชอาณาจักรทั่วพิภพในขณะเดียวให้พระองค์เห็น 6  แล้วมารได้ทูลพระองค์ว่า "อำนาจทั้งสิ้นนี้ และศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรนั้น เราจะยกให้แก่ท่าน เพราะว่ามอบเป็นสิทธิ์ไว้แก่เราแล้ว และเราปรารถนาจะให้แก่ผู้ใด ก็จะให้แก่ผู้นั้น 7  เหตุฉะนั้น ถ้าท่านจะกราบนมัสการเรา สรรพสิ่งนั้นจะเป็นของท่านทั้งหมด" 8  ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบมารว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว" 9  แล้วมารจึงนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และให้พระองค์ประทับอยู่ที่ยอดหลังคาพระวิหาร แล้วทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงโจนลงไปจากที่นี่เถิด ลก 10  เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ป้องกันรักษาท่านไว้ 11  และเหล่าทูตสวรรค์ จะเอามือประคองชูท่านไว้ มิให้เท้าของท่านกระทบหิน" 12  พระเยซูจึงตรัสตอบมารว่า "มีคำกล่าวไว้ว่า อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน" 13  เมื่อมารทำการทดลองทุกอย่างสิ้นแล้ว จึงละพระองค์ไปจึงโอกาสเหมาะ

และระลึกถึงความอุปถัมภ์ของพระเจ้าที่มีต่อตน และจะคิดถึงผู้อื่น โดยเฉพาะ “เพื่อนบ้านที่ยากไร้ด้อยโอกาส”

สภษ. 14:21  บุคคลที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนก็เป็นคนบาป แต่บุคคลที่เอ็นดูคนยากจนก็อยู่เป็นสุข

ยก 1:27  ธัมมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้า และพระบิดานั้น คือ การเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้า และหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก

โยบ 29:12-13 12 เพราะว่า ข้าช่วยคนยากจนที่ร้องให้ช่วย และเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครอุปถัมภ์เขา 13  พรของคนที่จวนพินาศก็มาถึงข้า และข้าเป็นเหตุให้จิตใจของหญิงม่ายร้องเพลงด้วยความชื่นบาน

3.             ส.สำรวจตน   นับเป็นช่วงเวลาพิเศษที่จะสำรวมตนว่ามีอะไรที่พระเจ้าทรงมี   พระประสงค์ให้เรากระทำแต่เราไม่ได้กระทำ มีอะไรที่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า เรายังกระทำอยู่ เป็นการละเมิดต่อคำสอนของพระเจ้าหรือละเลยต่อพระดำรัสสอนของพระองค์ สำรวจตัวเองตามพระคัมภีร์ที่ใคร่ครวญ

สภษ 3:27-28 27 อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะกระทำได้ 28  อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า "ไปเถอะ แล้วกลับมาอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้" ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว

ลก. 19:1-10  1 ฝ่ายพระเยซูจึงเสด็จเข้าเมืองเยรีโค และกำลังจะทรงผ่านไป 2  ดูเถิด มีชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นนายด่านภาษี และเป็นคนมั่งมี 3  ศักเคียสพยายามจะดูให้เห็นพระเยซูว่า พระองค์เป็นผู้ใด แต่ดูไม่เห็นเพราะคนแน่น ด้วยเขาเป็นคนเตี้ย4  เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าขึ้นต้นมะเดื่อ เพื่อจะได้เห็นพระองค์ เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น 5  เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่นั่น พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดูศักเคียส แล้วตรัสแก่เขาว่า "ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านวันนี้" 6  แล้วเขาก็รีบลงมา ต้อนรับพระองค์ด้วยความปรีดี 7  เมื่อคนทั้งหลายเห็นแล้ว เขาก็พากันบ่นว่า "พระองค์เข้าไปพักอยู่กับคนบาป" 8  ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า "ดูเถิด พระเจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า" 9  พระเยซูตรัสกับเขาว่า "วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย 10  เพราะว่า บุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหา และช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด"

4.             ส.สารภาพ  เมื่อทราบว่าเราได้กระทำผิดต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนบ้านจะเป็นการจงใจหรือกระไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ตาม ที่ออกมาในความคิด คำพูด การกระทำ เราจะสารภาพบาปต่อพระเจ้าเพื่อทูลขอการยกโทษและเชื่อมั่นในพระสัญญา และตั้งใจที่จะไม่กระทำบาปนั้นอีก

1 ยน 1:9  ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

มคา. 7:18-19 18  ใครเล่าจะเป็นพระเจ้าเสมอเหมือนพระองค์ผู้ทรงยกโทษ และทรงให้อภัยการทรยศ แก่คนที่เหลืออยู่อันเป็นมรดกของพระองค์ พระองค์มิได้ทรงถือพระพิโรธเนืองนิตย์ เพราะว่าพระองค์ทรงพอพระทัยในความรักมั่นคง 19 พระองค์ทรงเมตตาเราทั้งหลายอีก พระองค์จะทรงเหยียบความผิดของเราไว้ พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งหลายของเรา ลงไปในที่ลึกของทะเล   

5.             ส.สันติ   ถ้าเราสามารถปฏิบัติตาม “4 ส.” ที่ได้กล่าวมา สิ่งที่จะทำให้ชีวิตจิตวิญญาณของเราได้รับ ก็คือ “สันติสุข” (Peace)

ยน. 14:27  เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย

ข้อมูลจาก คริสตจักร ไทย-เกาหลี ลำพูน

//thai-korean-lamphun.blogspot.com/2012/02/lent.html

Create Date : 06 มีนาคม 2557
Last Update : 6 มีนาคม 2557 13:32:00 น.		0 comments
Counter : 3315 Pageviews.
Share Tweet