Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

@@++>>>>....ลุ้นรักคืนใจ Return to the mind (ครึ่งหลัง)....<<<<++@@



เมื่อกลับมาถึงบริษัทธามแอดเวอร์ไทซิ่ง ธามรินทร์ก็เรียกกีรดาเข้าไปพบในห้องทำงานทันที

“ คนเดียวกันใช่ไหม “ ธามรินทร์เอ่ยทันทีที่กีรดานั่งลง

“ ... “ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงแค่ใบหน้าที่ซีดเซียวพยักหน้าเป็นการตอบรับเท่านั้น

“ ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องทำก็ได้กิ่ง “ ขณะพูดก็มีสีหน้าเครียดเล็กน้อยจนกีรดาเห็นได้ชัด

“ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ธาม “

“ อ๋อ ไม่มีอะไร เดี๋ยวพี่จัดการเองก็ได้ ถึงไม่ได้งานนี้งานอื่นก็ยังมี “

“ แสดงว่าเขาต้องพูดอะไรมาแน่ “

“ ก็แค่ไม่ให้เปลี่ยนครีเอทีฟที่ต้องไปคุมงาน แต่จากที่ดูวันนี้กิ่งคงไม่อยากจะทำแล้ว “ มือกุมขมับขณะตอบ

“ พี่ธาม กิ่งทำได้ “ กีรดาตอบอย่างหนักแน่น

ใช่...เธอต้องทำได้ ไม่อย่างนั้นพี่ธามที่เธอเคารพจะต้องมาเสียหายจากงานนี้ไม่น้อย

“ จะดีหรือกิ่ง งานหน้ายังมีนะ งานนี้ถึงเราจะเสียเครดิตหน่อยแต่ไม่ใช่เค้ารายเดียวที่เป็นลูกค้าเรา “

“ ดีค่ะ พี่ธามจะต้องไม่เสียหายจากงานนี้กิ่งรับรอง “

“ เอางั้นหรอ “

“ ค่ะ ว่าแต่เขาว่าไงบ้างคะ “

“ ให้อาทิตย์หน้าเริ่มงานถ่ายจริง “

เฮ้อ...แล้วเธอต้องเจอกับอะไรอีกบ้างนะ



หลังจากคุยงานเสร็จและใกล้เวลาเลิกงานแล้ว หญิงสาวเก็บของก่อนที่จะเอ่ยขอธามรินทร์กลับก่อนเวลานิดหน่อย ธามรินทร์เองก็เข้าใจดีว่าเธอยังต้องเจออะไรอีกมาก จากที่ดูแล้วสองคนนี้คงจะมีเรื่องอะไรที่ลึกซึ้งและดูจะเจ็บปวดมาก เขาควรที่จะให้เวลาเธอได้เตรียมใจรับมือจึงไม่ได้ว่าอะไรที่กีรดาจะขอตัวกลับก่อนเวลา

“ กลับมาแล้วค๊า “ กีรดาเอ่ยขณะที่เดินเข้ามาภายในบ้าน แต่ไม่เห็นใครเลย

“ อ้าว คุณกิ่ง ทำไมกลับมาไวจังคะ “ แสงคำที่เดินออกมาจากหลังบ้านเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ ขอพี่ธามกลับมาก่อนน่ะค่ะ “ เธอว่าอย่างเหนื่อยๆ

“ มีอะไรหรือเปล่าคะ ป้าเลี้ยงคุณกิ่งมาป้ารู้ว่าสีหน้าแบบนี้มันต้องอะไรใช่ไหมคะ “ คนที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดผู้สูงวัย

ระหว่างเธอกับป้าแสงคำไม่เคยต้องมีอะไรปิดบังกัน และคราวนี้ก็เหมือนกันเมื่อเจอคำถามแบบนี้หญิงสาวจึงยอมรับได้อย่างง่ายดาย

“ มีอะไรคะ บอกป้าได้มั้ย “ แสงคำเอ่ยพร้อมกับลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ ป้าแสงคะ จำเตชินท์ได้มั้ยคะ เขา...กลับมาแล้ว “ ปลายเสียงนั้นแผ่วเบาลง ส่วนคนที่นั่งฟังการบอกเล่าถึงกลับตกใจ

“ วันนี้กิ่งเข้าไปเสนองาน เจอเขาเป็นเจ้าของงานและเจ้าของบริษัทที่ลงมาดูความเรียบร้อยด้วยตัวเอง ทุกท่าทางที่เขาพูดกับกิ่งมันดูเปลี่ยนไปหมด “

“ เปลี่ยนไป? ยังไงคะ “ แสงคำเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ ก็...ดูเหมือนจะวางตัวไม่สนใจอะไรด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่พอกิ่งพูดแค่ว่ากิ่งลืมเขาไปแล้ว เท่านั้นแหละคะ เขาก็เกรี้ยวกราดใส่กิ่งทันที กิ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ “

“ ป้าว่าถ้าคุณกิ่งต้องกลับมาด้วยสีหน้าอมทุกข์แบบนี้ คุณกิ่งถอนตัวจากงานนี้เถอะค่ะ “

“ ไม่ได้หรอกค่ะป้าแสง “ ว่าพลางยันตัวขึ้นมามองแสงคำโดยที่แขนทั้งสองข้างก็ยังจับที่เอวท้วมๆ ของนางอยู่

“ ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณกิ่งยังรักเขาอยู่ “ ผู้สูงวัยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นถ้ากิ่งถอนตัวจากงานนี้พี่ธามคงเสียหายไม่น้อย กิ่งควรทำอย่างนั้นหรือคะ “

“ เฮ้อ...” แสงคำทอดถอนใจอย่างไม่รู้จะว่าอย่างไรดี

“ กิ่งรักเขาค่ะป้า สามปีที่ผ่านมากิ่งไม่เคยลืมเขาได้เลย “ พูดไปน้ำตาที่มาจากไหนไม่รู้ก็ขึ้นมาเต็มหน่วยตาแต่หญิงสาวพยายามกลั้นมันอย่างสุดความสามารถ

“ แล้วเขาล่ะคะคุณกิ่ง เขายังรักคุณกิ่งอยู่หรือเปล่า “

“ กิ่ง...ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะป้า ตอนแรกเขาบอกว่าเขาไม่ชอบงานกิ่ง แต่ตอนหลังกลับเปลี่ยนใจ กิ่งพอจะเข้าข้างตัวเองได้ไหมคะว่าเขาอาจจะยังรักกิ่งอยู่เหมือนกันจึงรับงานนี้ “ แล้วน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลรินออกมาอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกแล้ว เห็นแบบนี้แล้วแสงคำก็อ่อนใจกอดหญิงสาวแน่นก่อนจะเอ่ย

“ งั้นก็ทำตามที่ใจต้องการนะคะคุณกิ่ง แต่หากวันใดคุณกิ่งเจ็บ ป้าแสงคนนี้จะเป็นกำลังใจให้และเป็นคนที่รักคุณกิ่งโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเสมอนะคะ “ ลูบศีรษะเบาๆ อย่างถนุถนอม

“ กิ่งขอบคุณมากนะคะป้า ขอบคุณมากจริงๆ “ แล้วกีรดาก็กระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นอย่างจะหาที่พักพิงใจสักพัก



หนึ่งอาทิตย์ต่อมา วันนี้เป็นวันที่เธอต้องเข้าไปคุมงานกองถ่าย เพราะวันนี้ทุกฝ่ายนัดกันเผื่อที่จะถ่ายหนังโฆษณาตัวจริงที่จะต้องออกอากาศ

กีรดาเลี้ยวรถเข้าไปในสตูดิโอที่ได้จองไว้แถบย่านชานเมือง หญิงสาวกดล็อครถก่อนที่จะเดินไปที่ทางเข้าของสตูดิโอ ระหว่างที่จะเดินเข้าไปเธอก็เจอะเข้ากับเตชินท์ที่กำลังเดินออกมาจากสตูดิโอพอดิบพอดี ทั้งสองชนกันอย่างจัง

“ เป็นไงบ้างคุณ “ เตชินท์เอ่ยถามพร้อมกับพยุงหญิงสาวไม่ให้เซล้ม ถ้ากีรดาจะสังเกตเห็นสักนิดว่าเขาดูจะตกใจและมีสีหน้าอ่อนโยนกว่าเมื่อครั้งก่อนมากนักที่เห็นเธอเกือบจะลงไปจับกบ

“ ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณ...ค่ะ “ ปลายประโยคที่กว่าจะหลุดคำลงท้ายมาได้ก็เล่นเอาเหงื่อแทบตก เนื่องจากอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นที่พยุงเธอไว้ทำให้สติที่มีแทบจะกระเจิง

“ ไม่เป็นอะไรก็ดี เพราะคุณต้องอยู่คุมงานอีก “ ว่าแล้วก็ปล่อยมือออกจากตัวของกีรดา สีหน้าที่ปรับมาเป็นเรียบเฉยทำให้กีรดาต้องกัดริมฝีปากแน่น

“ เอ้า เร็วสิคุณ ผมต้องการให้มันเสร็จไวๆ นะ “

“ งั้นคุณก็ช่วยหลีกทางสิ ฉันจะได้เข้าไป “ กีรดาว่าอย่างหัวเสีย สายตาคมตวัดค้อนส่งไปให้คนตรงหน้า ก่อนที่จะเดินชนคนตัวใหญ่ที่หลีกทางให้แค่นิดเดียว

ปฏิกิริยานั้นเรียกให้เตชินท์อมยิ้มได้ไม่น้อยกับท่าทีนั้นของหญิงสาว ก่อนหน้านี้เขากำลังรอกีรดาอยู่ภายในกองถ่ายซึ่งนานมากแล้ว จะว่าไปเขาก็มาก่อนเวลานั่นแหละ เมื่อเห็นว่าคนที่รอยังไม่มาจึงเดินออกมาดู ปรากฏว่าเจอเข้าอย่างจังๆ แบบนี้

เขารู้...รู้ว่าที่เขารับงานนี้เพราะเธอ เธอที่เข้ามาอยู่ในหัวใจตั้งแต่แรกพบเมื่อสามปีก่อน เธอคนที่เขาเป็นคนบอกเลิกด้วยเหตุผลที่เพิ่งจะมารู้ว่ามันแสนจะงี่เง่า แต่ด้วยความโมโหบวกกับได้ยินจากปากคนอื่นว่าเธอกับเขานั้นต่างกันราวฟ้ากะดิน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รังเกียจและคบกับเขามาได้สักระยะหนึ่งแต่ลูกผู้ชายที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีก็เริ่มทนกับคำครหานั้นไม่ไหว แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการที่ถูกคนที่รักหลอก นั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาบอกเลิกเธอไปในตอนนั้นและก็คิดเสียใจจนมาถึงทุกวันนี้

การได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง สามปีที่พยายามทำเหมือนว่าจะทำให้เธอหายออกไปจากชีวิตนั้นไม่มีผลอะไรเลย เพราะเพียงแค่พบกันอีกครั้งก็ทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบและเรียกร้องให้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ และวิธีเดียวที่เขาเห็นตอนนี้คือ การทำงานร่วมกับเธอ
การที่ได้พบกันครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้

ใช่...เขายังรักเธออยู่

แต่จากที่ดูเหตุการณ์มันเหมือนจะกลับตาลปัตร เพราะทุกครั้งที่เจอเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้โมโหเธอได้เลย

“ อ้าว...คุณเตชินท์ สวัสดีครับ “ ธามรินทร์เอ่ยทักหลังจากนำรถไปจอดและเดินมาเพื่อจะเข้าไปในสตูดิโอแต่พบว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากประตูทางเข้า

“ สวัสดีครับ คุณธามรินทร์ “ เขาเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่ได้บ่งบอกอะไรมากไปกว่าใบหน้าที่คงความเรียบเฉย

“ ทำไมไม่เข้าไปด้านในล่ะครับ คงจะเริ่มจัดฉากกันแล้ว “

“ กำลังจะเข้าไปพอดีครับ งั้นเราเข้าไปพร้อมกันเลยแล้วกัน “ ว่าพลางเดินนำธามรินทร์เข้าไป


ภายในสตูดิโอตอนนี้ทางทีมงานเริ่มเซ็ทฉากทีละฉาก ส่วนทางด้านตากล้องก็กำลังตั้งกล้องเตรียมถ่ายกันอย่างขะมักเขม้น ทีมงานทุกคนดูจะเต็มที่กับงานนนี้มากเพราะมันเป็นงานที่ใหญ่พอสมควรด้วยงบที่มีมาสูง บวกกับเจ้าของงานลงมาดูด้วยตนเองแบบนี้ ทำให้ทุกคนกระตือรือล้นมากขึ้นเป็นสองเท่า

หลังจากที่ดูความเรียบร้อยจนเรียกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กีรดาก็เดินตรงเข้าไปหาตากล้องที่เป็นคนกำกับงานโฆษณาชิ้นนี้พร้อมแจกแจงรายละเอียดขั้นตอนในแต่ละฉากให้ตากล้องรู้มุมในแต่ละซอต ก่อนที่จะเดินมาหานักแสดงนำชายที่ตอนนี้แต่งตัวและทำผมเรียบร้อยแล้ว

“ คุณอาร์ตคะ เดี๋ยวเราจะถ่ายฉากที่คุณยืนฉีดน้ำหอมก่อนนะคะ แล้วจากนั้นค่อยเป็นฉากที่ถ่ายกับสาวๆ จำบทตอนท้ายได้แล้วใช่มั้ยคะ “

อาร์ต หรือ อาตยะ นายแบบหนุ่มที่กำลังเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ในตอนนี้ โดนเรียกตัวให้มาเป็นนักแสดงนำของเรื่อง โดยที่เจ้าตัวไม่ได้อิดออดแต่อย่างใดออกจะเต็มใจเสียด้วยซ้ำที่มีงานโฆษณาเข้ามาให้ได้ท้าทายความสามารถของตนเอง

“ ครับคุณกิ่ง ว่าแต่เราจะถ่ายกันนานมั้ยครับ ผมไม่เคยถ่ายโฆษณามาก่อนด้วย รู้สึกกังวลจังครับ “ อาตยะเอ่ยเสียงนุ่ม มองกีรดาด้วยสายตาที่เป็นมิตร

“ ก็ถ้าออกมาดีสองวันก็คงเสร็จค่ะ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น “

“ ขอโทษนะครับ “ เขาเอ่ยขอโทษก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบใบไม้ใบเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงผมของกีรดาออกให้ แม้จะเอ่ยขอโทษก่อนแล้วแต่ปฏิกิริยานั้นก็ทำให้เธอรีบถอยตัวออกห่างก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณเบาๆ

“ ขอบคุณนะคะ แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ “ ว่าพลางยิ้มแหยๆ ก่อนที่จะรีบเดินออกมาจากตรงนั้น

การกระทำของสองคนนั้นไม่ได้พ้นสายตาของเตชินท์แม้แต่น้อย เขาขบกรามแน่นขึ้นเพื่อคลายอาการโมโห แต่ยิ่งเห็นอาตยะเอามือมาจับผมของคนที่เขารักมากเท่าไหร่ก็ทำให้เลือดของบุรุษในตัวยิ่งสูงปี๊ดขึ้นไปเท่านั้น เขาเดินตรงไปหาหญิงสาวทันทีที่เธอผละจากนายแบบผู้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ

“ ว่างมากจนต้องมาอี๋อ๋อกันในกองถ่ายเลยหรือไง “

“ อะไรของคุณ ถ้าอยู่ว่างมากแล้วปากชวนหาเรื่องล่ะก็ ฉันว่าคุณกลับไปทำงานของคุณที่บริษัทเถอะ ถึงอยู่นี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่แล้ว “ พูดขณะที่มือก็หยิบจับของที่เตรียมเข้าในฉาก

“ พูดกับผมน่ะกรุณามองหน้าผมหน่อย “ เขาว่าเสียงเข้ม

“ ทำไมฉันต้องมองด้วย คุณมีอะไรให้น่ามองอย่างนั้นหรอ “

“ อ๋อ ไอ้หมอนั่นคงมีอะไรน่ามองมากกว่าผมงั้นสิ “ เขาว่าด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ คุณหมายถึงใคร “ กีรดาหันหน้ามาถามอย่างงงๆ

“ ก็อาตยะนายแบบหนุ่มหล่อนั่นไง แต่ดูไปดูมารู้สึกจะอ่อนกว่าคุณอยู่หลายปีนะ หรือว่าคุณจะหันมาชอบแบบนี้แล้ว “

“ นี่คุณ! “

“ ทำไม ผมพูดอะไรแทงใจดำคุณหรือยังไงถึงทำหน้าว่าอยากจะกินผมอย่างนั้นแหละ “

“ คุณมันก็คิดได้แต่เรื่องพวกนี้ แต่จะว่าไปอาตยะก็ดูดีกว่าคุณเยอะเหมือนกันนะ “ เอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่เป็นนัยๆ

เธอรู้ดีว่า เธอกับอาตยะไม่เคยมีอะไรมากไปกว่าผู้ร่วมงานและส่วนอาตยะเองเธอก็คิดว่าเขาคงคิดแบบนี้เช่นกัน แม้ว่าเมื่อครู่จะทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อยกับการที่เข้ามาใกล้ชิดเกินไป แต่อย่างน้อยเขาก็พอเป็นสุภาพบุรุษที่เอ่ยขอโทษก่อนที่จะเอื้อมมือมาหยิบใบไม้เล็กๆ นั้นออกให้ แต่คงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น

แต่ทว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือมาขวาง หญิงสาวคงลืมคิดข้อนี้ไป ดังนั้นถ้อยคำนั้นที่หลุดออกมาจากปากของกีรดาก็ทำให้อารมณ์ที่มีมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วขาดผึง ชายหนุ่มเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวทันที เขาดันเธอติดกำแพงตามด้วยมือใหญ่กดมือเล็กไว้ก่อนที่จะโน้มตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับริมฝีปากอุ่นกดทับริมฝีปากบางอย่างรุนแรงเป็นเวลานาน

กีรดาที่ถูกคุกคามก็ดิ้นรนจนสุดแรงเกิด ทุบก็ไม่ได้ ตีก็คงทำไม่ได้อีกเพราะมือทั้งสองข้างถูกกดไว้ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ อาวุธที่มีตอนนี้คงมีแค่ริมฝีปากเพียงอย่างเดียวเธอจึงกัดปากชายหนุ่ม ในที่สุดเตชินท์ก็ปล่อยให้กีรดาเป็นอิสระ เขาเอามือจับที่ปากที่มีเลือดออกซิบๆ ของตัวเอง ขณะที่หญิงสาวเอามือเช็ดแต่ปากไม่ยอมหยุด ดีที่หญิงสาวเข้ามาเอาของในห้องจึงไม่มีใครได้เห็นฉากหฤหรรษ์นี้ ทำให้ไม่ต้องแบกหน้ารับกับความอายในครั้งนี้

เสียงประตูห้องที่เปิดออกทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันโดยอัตโนมัติราวกับหุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้อย่างไงอย่างงั้น

“ กิ่ง พี่ให้มาเอาของน่ะได้หรือยัง “ ธามรินทร์เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าคนที่รับอาสาไปเอาของเข้าฉากหายเงียบไปนานเลยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาดูเอง แต่พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็ต้องตกใจนิดหน่อยที่เห็นว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขารู้ดีว่าเบื้องหลังนั้นของทั้งคู่คือ คนรักกัน

“ เอ่อ ได้แล้วค่ะพี่ธาม “ พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับธามรินทร์โดยไม่ได้เหลียวมองใบหน้าที่งอง้ำของเตชินท์แม้แต่น้อย ทำให้คนที่ไม่ได้รับความใส่ใจถึงกับขบกรามแน่น

หรือว่าเขาจะคิดไปเองว่าเธอยังรักเขาอยู่เหมือนกัน...



“ เอ้า เริ่มถ่ายกันสักทีนะ “ ผู้กำกับเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว

“ เอานะ ฉากนี้คุณอาร์ตยืนอยู่ท่ามกลางสาวๆ ในขณะที่แดดร้อนจัด แล้วคุณก็ฉีดน้ำหอมที่เป็นกลิ่นเย็นสดชื่นให้ทั่วตัว พร้อมกับหลับตาเงยหน้าเล็กน้อยแล้วอ้าแขนออก เข้าใจใช่มั้ยครับ “

“ ครับ “ อาตยะรับคำก่อนจะเตรียมพร้อม

“แอ็คชั่น “

สิ้นเสียงผู้กำกับสั่งเดินกล้องอาตยะก็เริ่มแสดงทันที บทบาทของชายหนุ่มมาดแมนหุ่นหล่อล้ำที่สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มเผยให้เห็นแผงอกที่กำยำกำลังยืนฉีดน้ำหอมทั่วตัวด้วยความรู้สึกเย็นสดชื่นกับกลิ่นหอมนั้นอย่างมืออาชีพ

“ คัท “ แล้วเสียงผู้กำกับคนเดิมก็เป็นคนสั่งหยุดการถ่ายทำ รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้านั้นบ่งบอกได้ว่าพอใจกับผลงานเมื่อกี้ ก่อนที่จะเริ่มถ่ายฉากต่อไป


เวลาที่ร่วงเลยเกือบจะหมดวันนั้นก็พาเอาทีมงานหลายๆ คนดูจะหมดพลังงานไปเยอะกับการทำงานตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมาที่ต้องอยู่กับแสงไฟที่สาดมาตลอดเวลา พอสิ้นเสียงผู้กำกับสั่งคัทฉากสุดท้ายทุกคนต่างพากันเฮลั่นด้วยความดีใจ

ตอนแรกไม่คิดเลยว่างานนี้จะเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะตามจริงน่าจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป บางทีอาจจะเป็นที่ตัวนักแสดงเอง ผู้กำกับรวมไปถึงทีมงานทุกคนที่ทำงานอย่างแข็งขันบวกกับความเป็นมืออาชีพจึงทำให้งานนี้เสร็จไวขึ้น

“ เอ้าทุกคน ปิดกล้อง เสร็จงานแล้วเก็บของได้ ที่เหลือก็แค่เอาไปตัดต่อ ไปๆ จะได้กลับบ้านกัน “

หลังจากที่ผู้กำกับร้องบอกทางทีมงาน ทุกคนต่างพากันทยอยเก็บข้าวของ ระหว่างที่ทุกคนกำลังเก็บของอยู่นั้น กีรดาที่กำลังเดินมาจากมุมห้องสตูดิโอที่เดินตรงมาเพื่อจะมาหาธามรินทร์นั้นต้องเดินผ่านขาตั้งไฟที่สูงพอควรและน้ำหนักก็เรียกว่าพอใช้ได้เลยทีเดียว ตอนที่เธอกำลังเดินผ่านนั้นมีผู้ชายวัยรุ่นที่กำลังเก็บขาตั้งไฟที่ยังมีหลอดไฟอยู่พร้อมทั้งที่บังแสงในตัวคงไม่ได้ทันระวัง ขาตั้งตัวนั้นล้มลงมาพอดีกับการก้าวเท้าของกีรดาทำให้มันหล่นโดนเธอเข้าพอดี เสียงร้องของชายวัยรุ่นที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบสองปีส่งเสียงร้องตะโกนลั่นสตูดิโอ ทำให้ทุกคนต่างหันมามองกันเป็นสายตาเดียว

“ พี่กิ่ง... “ ชายวัยรุ่นร้องเสียงหลงพร้อมกันกับรีบเข้าไปเอาขาตั้งไฟออกจากตัวกีรดา

“ ช่วยด้วยครับพี่กิ่งโดนขาตั้งไฟล้มทับ “ ชายคนเดิมร้องบอก

ในขณะที่ทุกคนต่างตะลึงงันกับภาพเหตุการณ์หวาดเสียวตรงหน้า เตชินท์ที่ได้สติก่อนใครเพื่อนรีบตรงเข้าไปดูเธอเป็นคนแรก

“ กิ่ง คุณเป็นยังไงบ้าง “ เขาว่าพลางร้อนรน

“ ฉัน...ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย “ ว่าอย่างเข้มแข็ง หากทว่าคนที่ร้องถามกลับเหลือบไปเห็นเลือดที่ออกมาจากกลุ่มผมตรงด้านข้างศีรษะ ทำให้เขาเอ่ยอย่างตกใจ

“ เลือดนี่กิ่ง “

ถ้อยคำแค่นั้นที่หลุดจากปากของเตชินท์ทำให้คนที่เสียงเข้มแข็งเมื่อกี้ยกมือขึ้นแตะศีรษะด้านข้างของตัวเองทันทีโดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะแตะแล้วเอามาดูว่าเขาพูดเล่นหรือเปล่าก็ทำให้ตาที่มองเห็นเลือดในมือตัวเองถึงกับมือไม้สั่น อาการนั้นเรียกให้ชายหนุ่มไม่รีรอรีบอุ้มเธอขึ้นทันที

“ ผมจะพาคุณไปหาหมอ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร “

แล้วเตชินท์ก็อุ้มเธอเดินตรงไปที่รถของตัวเองทันที ในขณะที่อุ้มเดินไปยังรถ เขาก็ต้องชะงักเมื่อเจอธามรินทร์ที่ดูเหมือนจะตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้ดีขึ้นและเอ่ยบอกเตชินท์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้สั่น

“ ผม...ฝากกิ่งด้วยนะครับคุณเตชินท์ ถ้าทางนี้จัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ผมจะตามไป “

“ ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลเธอเอง “ พูดจบเขาก็พาเธอไปยังรถทันทีก่อนที่จะตรงไปโรงพยาบาล

ระหว่างที่เขาขับรถพาเธอมาโรงพยาบาลนั้น ชายหนุ่มพยายามชวนคุยกับหญิงสาวเพื่อไม่ให้เธอสลบ รอยยิ้มที่ฉายบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นทำให้เขานึกกร่นด่าตัวเอง ถ้าเกิดเขาจะเห็นเธอก่อน คงจะเข้าไปช่วยได้เร็วกว่านี้แล้วหญิงสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขาคงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้

“ ขับรถดีๆ สิคะ มองแต่หน้ากิ่ง หน้ากิ่งไม่ใช่เส้นทางถนนนะ “

คนเจ็บที่พยายามทำตัวให้เข้มแข็งดูไม่เป็นภาระของใครเอ่ยล้อเตชินท์ก่อนที่จะอมยิ้ม ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนเจ็บพยายามฝืนยิ้มแค่ไหน เขารู้ว่าเธอทำให้เห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่สำหรับเขาไม่ว่ามันจะเป็นบาดแผลที่เล็กหรือใหญ่ก็ทำให้ใจเขากระตุกวูบและหล่นไปอยู่ตาตุ่มได้เสมอถ้าแผลนั้นจะมาอยู่บนร่างกายของกีรดา



รถเมอร์ซิเดส-เบนซ์สีน้ำเงินเข้มขับเข้ามาจอดที่ลานหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสตูดิโอ บุรุษพยาบาลนำคนเจ็บนอนลงที่เตียงก่อนที่จะรีบเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน

ระหว่างทางที่เข็นไปห้องฉุกเฉินนั้น เตชินท์จับมือกีรดาไว้ตลอด ทำให้หญิงสาวอมยิ้มกับปฏิกิริยานั้นไม่น้อย

เขา...ห่วงเธอใช่ไหม แต่จะรักเธออยู่มั้ยนั้น เธอจะไม่คิดอีกแล้วขอแค่ตอนนี้เธอมีเขาอยู่ข้างๆ ก็คงพอแล้ว

“ คุณจะต้องไม่เป็นอะไรนะกิ่ง ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้ สัญญานะว่าจะเข้มแข็ง ผมมีอะไรจะบอกคุณมากมายเลยนะ “ เขาพูดพลางบีบมือของหญิงสาวแน่นเป็นการยืนยัน ขณะเดียวกันหญิงสาวก็พยายามยิ้มให้กว้างที่สุดแม้ตอนนี้ตาเริ่มจะหรี่ลงเรื่อยๆ เพราะการเสียเลือด เธอพยายามบีบมือของเตชินท์ให้แน่นพอๆ กับที่เขาบีบเธอ ก่อนจะพยักหน้าเป็นการให้สัญญา

และเมื่อถึงหน้าห้องฉุกเฉินเขาก็ต้องปล่อยมือจากเธอ ประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลงโดยพยาบาลคนหนึ่ง เตชินท์ก็ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดเรี่ยวแรง เสื้อผ้าชั้นดีถูกเปลี่ยนสีไปด้วยเลือดของหญิงสาวที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน

เขาเอาศีรษะพิงกำแพงอย่างหมดแรง ดวงตาถูกเจ้าตัวปิดสนิท ในใจเขาได้แต่ภาวนาให้หญิงสาวไม่เป็นอะไรมาก เพราะเท่าที่ดูจากเลือดที่ออกก็ทำให้เขาใจเสียไม่น้อย

ใช่...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร เขายังมีเรื่องราวหลายอย่างที่ต้องบอกให้เธอรับรู้

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

เสียงโทรศัพท์มือถือของเตชินท์ดังขึ้น ทำให้เจ้าตัวพยายามค้นหามันเมื่อรู้ว่ามันสั่นและดังมาจากกระเป๋ากางเกง เขาก็ล้วงโทรศัพท์เครื่องจิ๋วออกมา ชายหนุ่มมองเบอร์โทรศัพท์ที่หน้าจอก่อนที่จะเดินออกมาจากหน้าห้องฉุกเฉินและเดินมาตรงที่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ก่อนที่จะกดรับ

“ เตชินท์พูดครับ “

“ ผมธามรินทร์นะครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหนครับ ทางสตูดิโอเรียบร้อยดีแล้วผมจะได้ไปหา “

แล้วเตชินท์ก็บอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งให้ธามรินทร์ทราบ เมื่อคนทางปลายสายรับรู้ก็วางโทรศัพท์ทันที



ราวสิบห้านาทีธามรินทร์ก็มาอยู่ที่โรงพยาบาล เขาเดินตรงมายังห้องฉุกเฉินและเห็นว่าเตชินท์เองดูจะร้อนรนมากมาย เพราะชายหนุ่มนั้นเดินไปเดินมาและคอยชะเง้อมองผ่านประตูห้องฉุกเฉินตลอดเวลาแม้จะไม่เห็นภาพข้างในก็ตามเพราะที่ประตูติดฟิล์มไว้

“ คุณเตชินท์ครับ “ ธามรินทร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่เดินไปเดินมายังไม่รับรู้การมาถึงของตนเอง

“ อ้าว คุณธาม “ คนโดนทักเอ่ยตกใจเล็กน้อย

“ กิ่งเป็นยังไงบ้างครับ “

“ เข้าไปได้สักพักแล้วครับ นี่ยังไม่ออกมาเลย “ เขาพูดอย่างกระวนกระวาย

“ ผมขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยได้ไหมครับ “

“ ครับ “


ร้านกาแฟภายในโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ทั้งคู่มาคุยกัน บนโต๊ะตรงหน้าของชายหนุ่มทั้งสองมีกาแฟร้อนอยู่คนละแก้วพร้อมทั้งขนมปังคนละชิ้นแต่ดูเหมือนว่ามันมีไว้เพื่อประกอบฉากเท่านั้นเพราะทั้งคู่ไม่แม้แต่จะแตะเครื่องดื่มหรือขนมปังนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“ ผมถามคุณตรงๆ นะครับคุณเตชินท์ “ ธามรินทร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าถ้าไม่เริ่มบทสนทนานี้คนตรงหน้าก็ยังคงไม่เอ่ยอะไร

“ ครับ จะถามอะไรหรือครับ “

“ คุณยังรักกิ่งอยู่หรือเปล่าครับ ผมรู้ว่าคุณทั้งสองคนเคยรักกัน “ เมื่อถามออกไปแล้วคนถามเองดูจะโล่งใจอยู่ไม่น้อย

“ คุณรู้ได้ยังไงว่าผมและกิ่งเราเคยรักกัน “ เตชินท์ถามอย่างงงๆ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะรู้

“ กิ่งเป็นน้องสาวที่ผมรักมากที่สุด ไม่ว่าเรื่องอะไรคนเป็นพี่ย่อมจะรู้ แม้ว่าเราจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ก็ตาม แต่ผมรักกิ่งเหมือนน้องสาวแท้ๆ และที่ผมถามก็เพื่ออยากจะรู้ว่าคุณรู้สึกกับเธอย่างไรในตอนนี้ คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าคนเป็นพี่ชายจะห่วงน้องสาว “ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรีบแต่คงความน่าเกรงขามไว้

“ ผมยังรักเธออยู่ และตลอดเวลาสามปีที่จากกันผมไม่เคยลืมเธอได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองน่าจะลืมเธอไปนานแล้ว แต่พอได้มาเจอเธออีกครั้งทำให้ผมรู้ทันทีว่า หัวใจของผมไม่เคยไม่รักเธอ และผมกะว่าเสร็จงานนี้ผมจะคุยกับเธอ แต่ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน นี่คงจะพอทำให้คุณสบายใจขึ้นมาได้บ้างนะครับคุณธาม “

“ ถ้าอย่างนั้นผมจะขออะไรคุณสักอย่างไรได้มั้ย “

“ ครับถ้าผมทำได้ “ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ อย่าทำให้กิ่งเสียใจอีก เท่านี้แหละที่ผมอยากจะบอกคุณ “

“ ครับ ผมคงจะไม่มีวันที่จะทำให้เธอต้องเสียใจอีกแน่นอน ไม่ใช่ด้วยสัญญา แต่เป็นเพราะผมไม่อยากเห็นเธอต้องร้องไห้และจากผมไปอีก “


ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกพร้อมกับชายในชุดกราวน์ที่เดินออกมา ทำให้ทั้งเตชินท์และธามรินทร์รีบลุกจากเก้าอี้ทันที

“ คุณหมอครับ กิ่งเป็นยังไงบ้างครับ “

“ คนไข้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ หมอได้เอาเศษแก้วที่ศีรษะออกให้หมดแล้วทำการเย็บไปห้าเข็ม ตอนนี้คนไข้เสียเลือดมากทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย หมอจะให้น้ำเกลือและให้คนไข้ได้นอนพักที่นี่สักคืน พรุ่งนี้สายๆ ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ “ คนเป็นหมอบอกเสร็จก็เอ่ยขอตัว

เมื่อรู้ว่ากีรดาไม่เป็นอะไรแล้วทั้งคู่ก็โล่งใจ ก่อนที่จะเดินไปรอที่ห้องพักพิเศษของผู้ป่วย



หลังจากที่รู้ว่ากีรดาไม่เป็นอะไรแล้วและเห็นว่าเธอนอนหลับอยู่ ธามรินทร์ก็เอ่ยขอตัวกลับเพื่อจะไปบอกคนทางบ้านของกีรดาให้รู้ก่อนที่จะเอ่ยฝากดูแลกีรดากับเตชินท์ ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะดูแลกีรดาให้เอง ธามรินทร์ได้ยินดังนั้นจึงเบาใจและกลับออกไป

ภายในห้องพักตอนนี้บนเตียงมีหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้ม แพขนตายาวงอนน่ามอง คิ้วเรียวสวยตวัดได้รูป จมูกที่โด่งรับกับริมฝีปากบางน่าถนุถนอม แก้มทั้งสองข้างดูมีเลือดฝาดกว่าตอนที่พามาโรงพยาบาล ทำให้คนที่เฝ้ามองดูใบหน้าสวยนั้นถึงกลับอดใจไม่อยู่แตะริมฝีปากทาบทับลงบนแก้มอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าแรงไปจะทำให้คนที่นอนหลับตื่นขึ้นมา

ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียง สองมือกุมมือหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความเพลียจัด



ที่บ้านเรือนไม้รัณสยา รถนิสสัน ซันนีสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาจอดทำให้แสงคำที่นั่งรอกีรดาอยู่นั้นลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่มามีเพียงแค่ธามรินทร์คนเดียวเท่านั้น

“ อ้าว คุณธามเองหรอคะ แล้วนี่เสร็จงานแล้วใช่ไหมคะ ทำไมคุณกิ่งเธอไม่มาด้วย “

“ ป้างแสงครับ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย ป้าแสงใจดีๆ นะครับ “ เขาว่าพลางจับมืออวบๆ

“ ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น “

“ พอดีขาตั้งไฟล้มไปทับกิ่ง แต่นี่ส่งโรงพยาบาลแล้วครับ “

“ เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ “ ถามอย่างร้อนรน

“ เย็บที่ศีรษะห้าเข็มครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอให้น้ำเกลือหนึ่งขวดครับพรุ่งนี้สายๆ ก็กลับบ้านได้แล้ว “

“ แล้วคุณธามมาอย่างนี้ใครดูคุณกิ่งล่ะคะ “

“ ป้าจำคนชื่อเตชินท์ได้มั้ยครับ “ ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะที่พาป้าแสงคำมานั่งที่ริมระเบียง

“ คนนี้อีกแล้ว พักนี้ทำไมป้าได้ยินแต่ชื่อคนๆ นี้นะ “ แสงคำว่าอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากชายหนุ่มทิ้งกีรดาไปแล้ว แต่ทำไมยังกลับมาอีก

“ เตชินท์เขาเป็นคนที่พากิ่งไปโรงพยาบาลและเป็นคนเฝ้าไข้ให้ด้วยครับ ผมว่าเราน่าจะปล่อยให้เขาได้ทำความเข้าใจกันนะครับ ดูแล้วเหมือนสองคนนี้จะยังรักกันอยู่แต่เหมือนกับมีอะไรบางๆ ยังกั้นเอาไว้ เราคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากให้เขาปรับความเข้าใจกันเองนะครับป้า “

เหตุผลของชายหนุ่มทำให้ผู้สูงวัยเริ่มจะเห็นด้วย นางรู้ดีว่ากีรดารักผู้ชายคนนี้มากเพียงไร เห็นทีคงจะต้องทำอย่างที่ธามรินทร์ว่า ให้เขาปรับความเข้าใจกันเองถ้าทั้งคู่มีใจตรงกัน



เช้าวันรุ่งขึ้นกีรดาลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ตาที่ลืมขึ้นมานั้นต้องหรี่ลงเมื่อมีแสงเข้ามากระทบหลังจากที่หลับตาไปนาน นัยน์ตาใสเริ่มปรับสภาพให้เข้าที่ก่อนที่จะเหลียวมองซ้ายและขวา แล้วก็มาสะดุดเข้าที่เตชินท์ ตอนนี้เขาหลับสนิทดูเหมือนจะอ่อนเพลียจากเมื่อวาน หญิงสาวมองใบหน้านั้นพร้อมรอยยิ้ม มือของเธอนั้นโดนกุมไว้ด้วยมือใหญ่ ส่วนอีกข้างที่เป็นอิสระก็เอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่มเบาๆ แต่ทว่าคนหลับเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนทำอะไรกับใบหน้าของตนจึงลืมตาตื่นขึ้นทันที

กีรดารีบหลับตาทันทีให้เหมือนกับว่าเธอยังนอนหลับอยู่ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มตื่นก่อนนานแล้วเพียงแต่พอตื่นมายังเห็นเธอหลับอยู่เลยกะว่าจะหงีบเอาแรงอีกสักหน่อย แต่ไปๆ มาๆ ก็ทำได้เพียงแค่พักสายตาไม่ได้หลับจริงๆ ชายหนุ่มขำกับผู้หญิงตรงหน้า ในเวลานี้เธอช่างน่ารักจริงๆ

เตชินท์รู้ว่ากีรดาแกล้งหลับจึงเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม

“ เอ่...เจ้าหญิงยังไม่ตื่นสักที อย่างนี้เจ้าชายจะทำอย่างไรดีน๊า “ ปลายประโยคเขาลากเสียงยาวแต่ไม่มีทีท่าว่าเจ้าหญิงจะยอมลืมตาตื่นขึ้นมา

“ อย่างนี้สงสัยจะต้องใช้จุมพิตปลุกเจ้าหญิงซะหน่อยแล้วมั้ง “

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เลื่อนตัวเข้าไปใกล้ หวังจะแกล้งคนที่ทำเป็นหลับ แล้วมันก็ได้ผลเพราะคนที่แกล้งหลับรีบลืมตาขึ้นทันที แต่ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มนั้นอยู่ใกล้เหลือเกิน เตชินท์ยิ้มขำๆ กับหญิงสาวที่ทำหน้าเหวอที่เห็นเขาเข้ามาใกล้ขนาดนี้

“ นี่คุณแกล้งฉันหรอ “ เมื่อรู้ว่าโดนแกล้ง กีรดาก็ตีแขนของชายหนุ่มอย่างไม่ยั้ง จนเขาต้องเอ่ยปากบอก

“ ผมเจ็บนะกิ่ง แน่ใจนะว่านี่คือคนเจ็บ “ เตชินท์ลูบแขนตัวเองป้อยๆ ทำหน้าไม่เชื่อว่านี่คือคนที่เจ็บจริงๆ

“ เจ็บค่ะ แต่มันเจ็บที่ศีรษะ ไม่ได้เจ็บที่มือซะหน่อย “ เอ่ยยิ้มๆ

“ กิ่ง...ผมมีเรื่องจะขอโทษคุณและมีอะไรอยากจะบอกคุณด้วย “ อยู่ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างเคร่งเครียด รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของกีรดาเริ่มจางหายทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนี้

นี่คงหมดช่วงเวลาที่เธอจะมีความสุขแล้วหรือ...เขาจะไปจากเธออีกครั้งใช่ไหม...

“ ผมขอโทษที่บอกเลิกคุณ ทั้งๆ ที่ผมเองก็รักคุณ แต่ด้วยความโมโหและเสียใจที่โดนคนที่รักหลอก ผมเจ็บ...เจ็บเหลือเกินกิ่ง สามปีที่ผ่านมาผมไม่เคยลืมคุณได้เลย ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองคงจะลืมได้นานแล้วแต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย พอได้มาเจอคุณอีกครั้งทำให้ผมอยากจะจับมือและกอดคุณไม่อยากจากคุณไปไหนอีกเลย “ เขาระบายความในใจทั้งหมดที่มี ในขณะที่หญิงสาวกำลังตะลึงงันไม่คิดว่าเขาจะยังรู้สึกเหมือนเธอ หัวใจดวงน้อยๆ ก็รู้สึกพองโตขึ้น

“ แล้วที่คุณบอกว่างานฉันไม่ดีแล้วรับทำไมล่ะคะ “ กีรดาเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ มันไม่ใช่ไม่ดี มันทีดีเดียวครับกิ่ง แต่ผมแค่อยากจะเอาคืนคุณบ้างที่เห็นผมเป็นคนโง่และที่จริงวันนั้นผมอยากคุยกับคุณมากกว่าแต่แค่เอ่ยปากทุกอย่างดูจะตรงข้ามกับใจไปเสียหมด “

“ ฉัน... “ กีรดาพูดได้แค่นั้นเตชินท์ก็ทำเสียงจุ๊ๆ ขัดขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยบอก

“ เรียกเหมือนเดิมได้ไหมกิ่ง แทนชื่อคุณกับผมเหมือนที่คุณเคยใช้ ถ้าคุณไม่โกรธหรือเกลียดผมไปซะก่อน “ เขาอ้อนวอน

“ กิ่งไม่ได้เห็นคุณเป็นคนโง่ เพียงแต่กิ่งไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่ดีที่เราเหมือนจะแตกต่างกัน ที่กิ่งคบคุณเพราะกิ่งเชื่อว่าคุณสามารถดูแลกิ่งได้แม้จะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ขาดแคลนนี่คะ แต่คุณไม่ยอมฟังเหตุผลของกิ่งเลย “ แววตาที่เธอพูดมีรอยเศร้านิดๆ

“ ผมขอโทษ กิ่งจะให้อภัยผมได้มั้ย เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ ผมรักคุณนะกิ่ง “ เตชินท์กระชับมือหญิงสาวแน่นบอกให้รู้ว่าเขาจริงจัง

“ ค่ะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ กิ่งสัญญาว่ากิ่งจะไม่ปิดบังอะไรคุณอีก “ กีรดาเอ่ยทั้งรอยยิ้มที่ระบายอบู่บนใบหน้า

เธอ...มีความสุข และดีใจที่ได้รักจากเขาคืนมาอีกครั้ง

“ ผมก็เหมือนกัน จะไม่ใจร้อนและจะฟังเหตุผลของคุณ ขอบคุณนะกิ่ง ขอบคุณที่ให้โอกาสผม “ แล้วเตชินท์ก็เข้าไปสวมกอดกีรดาอย่างแนบแน่น เขาก้มลงหอมแก้มเธอทั้งสองข้างก่อนที่จะกอดซ้ำอีกครั้ง เช่นเดียวกันกีรดาเองก็กอดเขาแน่น รอยยิ้มฉายทั้งในดวงตาและที่มุมปากอย่างมีความสุข





 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2551
0 comments
Last Update : 1 พฤษภาคม 2551 19:02:59 น.
Counter : 881 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ดาวเหงา_Lonely Star
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Lonely Star เป็นนามปากกาที่ใช้สำหรับเขียนนิยาย (มือสมัครเล่นค่ะ) ^__^
ถ้าจะเรียกกันตามจริงแล้วนั้นก็สั้นๆง่ายค่ะ คือ นิ่ม (NIM)
เป็นคนอารมณ์แปรปรวนและปรวนแปร ฮา ติ๊งต๊องไปวันๆ แต่ก็แฝงไปด้วยบางอย่างที่พอจะมีสาระอยู่บ้าง กรั่กๆ
อยากรู้จักกันมากขึ้นก็แวะมาทักทายกันได้นะคะ ^^


°PoisonFlowers°

คำคมๆ สำหรับวันนี้ "Love looks not with the eyes,But with the mind..."



Friends' blogs
[Add ดาวเหงา_Lonely Star's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.