คำโปรยปกหลัง...อลิสซานด์ เอดเจอร์ตันต้องตกเป็นนักโทษอยู่ในบ้านของลุงผู้เลี้ยงดูหล่อนอย่างกดขี่ข่มเหง การแต่งงานเท่านั้นที่จะทำให้หล่อนได้อิสระดังที่ปรารถนา แต่หล่อนจะจับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบสักคนได้อย่างไรลอร์ดเวียร์เคยเจอกับดักที่เย้ายวนใจมานักต่อนักจนคุ้นเคยดี ในฐานะสายลับของรัฐบาล เขากำลังตามร่องรอยอาชญากรที่เจ้าเล่ห์ที่สุดในลอนดอน โดยหน้าฉาก เขาเป็นชายหนุ่มที่ไร้อันตราย...และปัญญาอ่อน...ที่สุดของสังคม แต่เขาไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมารับมือกับเอลิสซานด์ และเรื่องเสื่อมเสียจากแผนการของหล่อนเอลิสซานด์กับเวียร์ต้องแต่งงานกันเพื่อลบคำติฉินนินทา แล้วต่างฝ่ายต่างก็ค้นพบว่า พวกเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีความลับ บัดนี้ ความลับจากอดีตกำลังเป็นอันตรายต่อชีวิตของทั้งสอง พวกเขาจะเรียนรู้ที่จะไว้วางใจซึ่งกันและกันแม้ในขณะที่ยอมแพ้ต่ออารมณ์เร่า ร้อนที่ปฏิเสธไม่ได้หรือไม่...ความเห็นส่วนตัว...หน้ากากมายา เป็นผลงานเล่มที่สามของเชอร์รี่ โทมัธ แต่เป็นเล่มที่สองที่เราได้มีโอกาสอ่านต่อจาก ข้ามขอบฟ้าตามหาหัวใจ ซึ่งเล่มนั้นเป็นเล่มที่ชอบมากมาย นักเขียนเขียนออกมา สื่อออกมาได้ดีจริงๆ เลยพลอยทำให้ความคาดหวังในเรื่องต่อไปสูงขึ้น และสูงขึ้นมากๆ เนื่องจากกระแสตอบรับของนักอ่านนั้นค่อนข้างล้นหลามด้วยตัวพล๊อต ขอบอกว่าถูกใจมากค่ะ เพราะนานแล้ว ที่ไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่คาแรคเตอร์ของพระเอกแปลก แหวกแนวออกไปจากพระเอกแนวมาตรฐาน ที่หล่อ รวย เข้ม มีปม อะไรแบบนี้ จริงๆ เรื่องนี้ พระเอกก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ แต่เขามาในคราบของผู้ชายหล่อ รวย สมบูรณ์แบบ แต่มีความบกพร่องทางสมอง หรือพูดอย่างธรรมดาๆ ก็คือ พระเอกเป็นคนปัญญาอ่อน (ในสายตาของคนทั่วไป) แต่จริงๆ แล้วพระเอกนั้นเป็นสายลับที่ปลอมตัวและใช้ชีวิตเป็นคนปัญญาอ่อนมาตั้ง 13 ปี หลังจากเกิดอุบัติ เพื่อปกปิดฐานะการทำงานของตนชอบนะ แต่จะชอบมากกว่า ถ้าบทพระเอกเป็นคนปัญญาอ่อนจริงๆ...กระแสตอบรับของนักอ่านทั้งหลาย บอกว่าสุดยอดมาก และภาษาละเมียดละไมสะกดใจ (อันนั้นอ้างอิงมาจากเวปบอร์ดของแก้วกานต์ค่ะ) แต่สำหรับเรา ไม่รู้สิ ไม่ถึงกับประทับใจมาก เรากลับชอบข้ามขอบฟ้าตามหาหัวใจมากกว่า เพราะเรื่องนั้น ให้อารมณ์ลึกซึ้ง ห่วงหาอาทร และเข้าถึงหัวใจมากกว่า....แต่อาจจะเป็นเพราะ มันเป็นพล็อตที่ต่างกันมากก็ได้ ดูท่านักเขียนจะต้องการความแตกต่างมากๆ เรื่องนี้จะออกมาเป็นแบบนี้ มันให้ความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ เช่น-การทำงานของพระเอก ....-ปมของพระเอกในวัยเด็ก มันไม่ชวนให้เรารู้สึกเจ็บปวดร่วมไปกับเขาซักเท่าไหร่-ความรักของนางเอก เริ่มต้นที่เจอพระเอก นางเอกตกหลุมรัก(หน้าตา)ของพระเอกเลยทีเดียว แต่ต่อมา เมื่อรู้ว่าพระเอกปัญญาอ่อนเธอก็เบนเป้าหมายไปหาน้องพระเอกแทน ในส่วนนี้เราเข้าใจค่ะ เพราะว่านางเอกก็มีปมปัญหาเช่นกัน จึงพยายามจะแต่งงานกับใครซักคนเพื่อตนเองจะได้หนีออกไปจากลุงใจโฉดได้ เธอคิดว่า ถ้าแต่งกับคนปัญญาอ่อนอย่างพระเอก เขาคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่สุดท้ายเธอก็ตกกะไดพลอยโจร (ด้วยความตั้งใจหลังเกิดความผิดพลาด) แต่งงานกับเขาอยู่ดีแต่ว่าส่วนที่ไม่ปลื้มเท่าไหร่ คือในนิยาย ไม่ได้แสดงให้เห็นลึก ว่านางเอกนั้นรักพระเอกลึกซึ้งมาตั้งแต่เป็นคนปัญญาอ่อน ความรู้สึกส่วนตัว คืออยากให้นางเอกรักและอ่อนโยนกับพระเอกในช่วงที่ยังไม่รู้ความจริงมากกว่า เพราะแรกๆ เธอเอาแต่หลีกเลี่ยงเขา...แต่พอตอนหลัง ที่นางเอกเริ่มรู้ว่าพระเอกแกล้งทำเป็นคนปัญญาอ่อน จริงๆ เขานั้นสุดจะสมบูรณ์แบบ...เธอก็เหมือนมาใกล้ชิด ตามตอแย จะให้พระเอกสารภาพความจริง...มันเหมือนเธอเพิ่งรักเขาจริงๆ ก็ตอนนั้นเอง-ปมเรื่องพลอยที่สืบสวนกันอยู่ ปมของกำเนิดที่แท้จริงของนางเอกก็นะ...แต่คู่ของน้องชายพระเอกและเพื่อนเก่าของเขา ที่แอบรักกันมาน๊านนาน ในที่สุดก็ได้เผยใจออกมา ส่วนนี้น่ารักดี เกือบจะชอบแล้ว เพราะโผล่ออกมาทีไร ก็แอบขโมยซีนทุกที แม้จะดำเนินความสัมพันธ์ต่อกันได้ช้ามากไปหน่อย ... และบิ้วไม่ค่อยถึงใจ ทำให้เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่า พวกเขารักกันนะ แต่ทำไมพวกเขาถึงปล่อยให้เวลาที่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ยืดยาวไปไม่รู้จบ จนฝ่ายหนึ่งต้องแต่งงานไปแล้ว...นานมาก กว่าพวกเขาจะรู้ว่า หัวใจพวกเขาต้องการอะไรอย่างแท้จริงสรุปว่า...นิยายเรื่อง หน้ากากมายา เป็นนิยายที่สนุกดีค่ะ เพียงแต่ว่าเราชอบแนวซึ้งๆ แบบ ข้ามขอบฟ้าตามหน้าหัวใจ มากกว่ามากๆตอนอ่านจบก็คิดว่าสนุก ก่อนนั่งเขียนรีวิวก็คิดว่าจะเขียนแต่ส่วนดีๆ ในนิยายที่น่าสนใจ เขียนในส่วนที่ชอบ แต่เขียนไปเขียนมา อ่านรีวิวซ้ำ เพิ่งเห็นว่ามีแต่ส่วนที่ตัวเองไม่ชอบเยอะแยะเลยถ้ารีวิวไม่ถูกใจใคร ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ...เราว่าหนังสือน่ะดี เพียงแต่การดำเนินเรื่องมันไม่ถูกจริต ไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังและอยากอ่านเท่านั้นเอง...ปล. แต่เชอร์รี่ โทมัธ จะยังเป็นนักเขียนอันดับต้นๆ ที่จะติดตามนิยายของเธอต่อไปค่ะ...ปปล. สารภาพอีกอย่าง ว่า ณ ตอนนี้ จูดิธ แมคนอธ เอาหัวใจเราไปทั้งดวงแล้วค่ะ เพราะเมื่ออ่านหนังสือนิยายของเธอจบ มันกลายเป็นมาตรฐานและกลายเป็นความคาดหวัง ว่าหนังสือเล่มต่อไปที่ได้อ่าน มันควรจะดีเทียบเท่า ไม่น้อยกว่าความรู้สึกที่ได้จากจูดิธ แมคนอธซึ่งความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีเลย ทำให้หยิบอะไรมาอ่าน มันก็ดูบางเบาในความรู้สึกไปหมด