...จุกในอก...
คำๆ นี้ ฉันชอบนำมันมาใช้ในการเขียนของตัวเอง
เพื่อแสดงถึงความรู้สึกเสียดๆ ในอก อัดแน่นตรงหัวใจ
เพราะเกิดจากการได้รับรู้สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย
...ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง...
สุภาษิตคำพังเพยนี่ ฉันได้ยินในชั่วโมงภาษาไทยอยู่บ่อยๆ
ตั้งแต่เรียนประถมมาแล้ว ฉันควรจะเริ่มชินกับมันหรือเปล่า
แต่...เปล่าเลย...
เคยคิดว่า คงจะมีแต่คนที่รักกันเท่านั้น
ที่จะทำให้คนๆ นึง รู้สึก จุกในอก ได้...แต่เปล่านะ
คนที่เราให้คำว่า มิตรภาพ ไป ก็ทำลายใจเราได้เหมือนกัน
...วันนี้เป็นอีกวันของวันหม่นๆ หมองๆ
วันที่ฉันยกมือขึ้นกุมสองข้างแก้ม...แล้วได้แต่อุทานว่า
...โอ้ว...จริงเหรอ เธอคิดกับฉันแบบนั้นจริงๆ เหรอ...
...ไม่จริงใช่ไหม ...ปลอบใจตัวเองเบาๆ
...ไม่อยากเชื่อเลย...หลอกตัวเองอีกนิด
หน้าม่าน...เธอยิ้ม เธอกอด (ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเสแสร้ง)
หลังม่าน...เธอเอามีดกรีดเบาๆ เป็นริ้วๆ โดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว
...มารู้ตัวอีกที ก็ จุกในอก ซะแล้ว
...เจ็บใจจัง...
น้ำคำที่แสร้งว่า....มันทำร้ายหัวใจ
ยิ่งกว่าโดนเอาน้ำครำ...มาสาดใส่หน้ากันตรงๆ เสียอีก
ทุกๆ วันก่อนหน้านี้ที่ฉันเคยยืนอยู่ข้างเธอ
ไม่รู้ว่าเธอ(เคย)เห็นฉัน เป็นเพื่อนของเธอหรือเปล่า
...ถึงทำลายกันด้วยน้ำคำ... ลับหลัง อย่างนั้นได้
จากวันนี้...ถึงฉันจะยังยืนอยู่ข้างๆ เธอ
แต่เธอรู้ไหม...เธอได้สูญเสียเพื่อน (ที่เธอไม่จริงใจ) ไปแล้ว
....วูบหนึ่ง ที่ฉันรู้สึกเหมือนใบไม้ร่วงหล่น...
วันนี้เธอยังยืนอยู่ข้างฉัน...ฉันรู้ว่าฉันจะยังยิ้มให้เธอ
แต่ฉันเสียใจกับตัวเอง...ที่ฉันสูญเสียเพื่อน(คนหนึ่ง)ในหัวใจไปแล้ว
เธอไม่ผิดหรอก...ฉันผิดเอง...ที่มองไม่เห็นให้ลึกลงไปในใจของเธอ
ไม่เป็นไร พรุ่งนี้จะเป็นวันเริ่มต้น...ฉันเลือกที่จะถอยออกมาอย่างเงียบๆ เอง
...2 สิงหาคม 2553...บันทึกไว้ ในวันที่หัวใจเต้นแบบไม่ค่อยปกติ
ฉันเองก็คงไม่ต่างอะไรจากเธอใช่ไหม เพราะวันนี้ฉันกำลังกล่าวถึงเธอหลังหน้ากากเหมือนกัน
ไม่เป็นไรเนอะ สิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดมีอีกหลายอย่างในโลกใบนี้
มันก็เป็นอีก 1 ความจริงที่เราได้รับรู้
ไม่รู้วันนี้ วันหน้าก็ต้องรู้ .. สู้รู้ไปเลยคงดีกว่า
จะได้ไม่ต้องบวกระยะเวลาความผูกพันให้ยิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีก
.
.
ทีเขาว่าไว้ไม่ผิดหรอก
จิตมนุษย์นี่ไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง
หายจุกแล้วยิ้มต่อ สู้ ๆ ^^