โปรดอ่านอย่างเข้าใจ มันเป็นความเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น...เอ่อ...เริ่มต้นบล็อกมา ก็ต้องเอ่ยคำนี้ก่อนเลย มันเป็นความรู้สึกเหมือนลังเลใจ ว่าจะรีวิวดีไหม...ปกติ ในบล็อกเรา ถ้าใครติดตามอ่านรีวิวนิยายของเรา จะเห็นได้ชัดเลย ว่าเรามักจะพูดถึงนิยายที่ชอบมากๆ หรืออ่านแล้วอยากแนะนำต่อ หรือถ้าเป็นนิยายที่เราไม่ชอบ มันก็ต้องมีอะไรสะดุดใจ หรืออยากจะแชร์...แต่เล่มนี้ มันไม่ใช่เหตุผลทั้งสองข้อด้านบน มันไม่ใช่ที่หนังสือ แต่มันเป็นที่อารมณ์ของเราเองมากกว่า...ว่าทำไมต้องมีทำไม ทำไม ในหัว เวลาอ่านทุกทีได้เล่มนี้มา เพราะว่าเคยอ่านรีวิวของใครคนหนึ่งในบล็อก บอกว่าสนุกมาก รักมาก...เราก็เลยเม้นท์ไว้ว่าน่าสนใจจัง น่าซื้อมาลองอ่าน ทีนี้ ก็คุยหลังไมค์กับเพื่อนบล็อกอีกคน ว่าจะซื้อเรื่องนี้มาอ่าน (คนคนนั้นคือใคร คุณคงรู้ตัวนะคะ อิอิ)...เพื่อนท่านนี้ก็บอกว่า มันก็สนุกระดับนึงทีเดียวนะ แต่ว่าแต่...ถ้าเราอยากทดลองอ่านจริงๆ เพื่อนจะส่งไปให้อ่านก่อน ชอบไม่ชอบค่อยว่ากันอีกที เพราะมันก้ำกึ่ง...อธิบายไม่ถูก...และ บลา บลา บลา...(ขอสงวน บลา บลา บลา ไว้...ในจุดนี้ค่ะ)แต่เราเกรงใจเนอะ...อีกอย่างก็มีโอกาสกลับไทย ผ่านร้านหนังสือพอดี ซื้อมาซักเล่มคงไม่เป็นไร...ซื้อเสร็จก็เริ่มอ่านตั้งแต่คืนนั้นเลย (เดือนตุลาคม)...เปิดอ่านไปได้ซักพักก็ปิด...หอบใส่กระเป๋ากลับมาอิตาลี่ เอามาเปิดอ่านต่อ ...ตุลา-พฤศจิกา-ธันวา-มกรา-กุมภา- ก็ยังอ่านไม่จบ จนเมื่อต้นมีนา เริ่มทะลายกองดองจริงๆ จังๆ ...ในที่สุด เล่มนี้ก็จบลงจนได้โปรยปกหลัง..."เรากลับมาที่ไอ้คำว่า 'รัก' บ้าๆ นี่อีกแล้วหรือไง" วศินโมโหหนัก"ไม่ใช่คำว่ารักบ้าๆ" เรไรโกรธจัด "เมื่อกี้ถ้าพี่โกหกหนูก็เชื่อ แต่ตอนนี้แค่คำพูดไม่ต้องเอามา หนูต้องการทั้งหมด""โธ่โว้ย!""ไม่ใช่คำนี้" เด็กสาวตวาดแว้ด "หนูอยากได้ 'ความรัก' กับ 'หัวใจ' ของพี่ เอามา!"^^ เราไม่ชอบนิยาย ที่มีคำโปรยปกหลังเป็นประโยคสนทนาที่ตัดมาจากด้านใน...ไม่ใช่เฉพาะเล่มนี้นะคะ แม้แต่นิยายของดวงตะวัน (คนเขียนคนโปรดของเราเอง) เราก็ยังไม่ชอบปกหลังเท่าไหร่ ...แต่ของดวงตะวัน คำสนทนาของนิยายเธอ ลึกซึ้งกินใจ และมีนัยสื่อถึงเรื่องราว ดึงดูดอยู่นะคะแต่โดยส่วนตัว ชอบโปรยปกหลังที่ใช้โปรยให้ดึงดูดหรือไม่ก็อธิบายเรื่องย่อนิดๆ มากกว่าPhoto from Internetความเห็นส่วนตัว...หลังจากที่ใช้เวลานาน อ่านจนจบจนได้ เราก็แอบไปเสิร์จในเนทมา ถึงกระแสตอบรับของผู้อ่าน ซื้อเรื่องนี้มีแต่คนชอบทั้งนั้นเลย แต่ทำไมเราถึงไม่ชอบและไม่อินหว่าเรื่องราวย่อๆ ก็ประมาณว่า นางเอกเป็นเด็กสาววัยใส ที่โดนแฟนพี่สาวลวนลาม พี่สาวมาเห็นเข้าก็เข้าใจผิด ตบตี พ่อแม่ก็เมินเฉยเหมือนไม่รัก เธอจึงหนีออกจากบ้านไปหารุ่นพี่คนหนึ่ง และประชดชีวิตโดยการขายตัว !!!!!!!! คนแรกและครั้งแรกของการขายตัว ก็ได้พระเอกนี่แหล่ะมาซื้อไป นอนกัน อะไรกันไป...อยู่ด้วยกันไปซักพัก เธอก็เริ่มหลงรักเขา อยากได้ความรักจากเขา แต่เขาเย็นชา ไม่เคยพูดคำนั้น เธอเลยหนีจากเขา เขามาตามกลับ ไม่รัก (รักแบบไม่รู้ตัว) แต่อยากยืดตัวเอาไว้ มีเซ็กส์ด้วย และเรื่องก็ดำเนินไป บลา บลา บลาอาจเป็นเพราะอคติกับพล็อต เริ่มต้นมา ก็เปิดฉากเข้าประเด็นเรื่องเลย พี่สาวนางเอก โง่เขลา น่ามืดตามัว หลงเชื่อผู้ชาย ตบตีด่าทอน้อง ...นางเอกเลยประชดชีวิต มาขายตัวซะเลย ยิ่งเวลาอยู่กับพระเอก เธอก็กระเง้ากระงอดตามประสาเด็กสาว แจ๊ดๆ ทุ่มเถียงพระเอก เรียกร้องจะเอาความรัก (ตามโปรยปกหลัง)...อ่านแล้ว ภาพในจิตนาการของเรา พลอยนึกถึงสาววัยรุ่นสกอยส์ที่เราเห็นกันทั่วไปน่ะค่ะ ตัวขาวๆ บองบาง ใส่กางเกงยีนต์สั้นๆ เสื้อยืดสายเดี่ยวจุดพีคทางอารมณ์ที่ขัดแย้งกันของพระเอก นางเอกมันก็ไม่ถึงใจน่ะค่ะ มันดำเนินไปเรื่อยๆ ...แบบตอนแรก นางเอกเรียกร้องจะเอาความรัก ทั้งๆ ที่อยู่กันแป๊บเดียว แต่พระเอกน่ะรู้แล้วว่าเธอรักเขา พอตอนหลัง พระเอกทำทุกอย่าง ตามใจนางเอกทุกอย่าง นางเอกมองเห็นความรักในแววตาพระเอก ถึงตอนนี้ นางเรียกร้องอยากจะได้ยินคำรัก...(ไม่รู้นะ จริงๆ เราเคยอ่านนิยายแนวนี้บ่อย ประเภทนางเอกเป็นเมียเก็บพระเอก ต่างคนก็ต่างรัก แต่ไม่ยอมพูด ได้แต่ทะเลาะกัน สร้างแรงกดดันให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่เรื่องนี้มันไม่เป็นอย่างนั้น อธิบายไม่ถูก)..บทจะรักกันก็รักกันง่ายจังตอนพระเอกพานางเอกงานคุณย่าใหญ่ แล้วมีเรื่องกับเมียของลูกพี่ลูกน้องพระเอก ยัยคนนั้นเข้ามาตบตี นางเอกกลายเป็นสนิมสร้อยไปเลย ทั้งๆ ที่เวลาอยู่กับพระเอก ก็ร้ายเอาการอยู่...ส่วนเมียตัวร้าย(ไม่เชิง)...จริงๆ ก็มีปมชีวิต แต่อ่านแล้วแบบมันร้ายแบบ ละครทีวีเปี๊ยบเลย มาถึงก็ตบ ตบ ตบ ด่าทอ ..ตอนกแรกนึกว่าเข้าใจผิด เปล่าค่ะ...ไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ก็เห็นความจริงอยู่ทนโท่ ว่าสามีตัวเองลวนลามนางเอก แต่ใจมาแค้นอีหนูของปั๋วตัว เลยมาลงที่นางเอก ....ซะงั้น!!!!!!!เรื่องปมพ่อ-แม่ไม่รัก...นางเอกน้อยใจสารพัด อยู่ๆ มาวันนึง เหมือนสติบังเกิด นางเอกอยู่ดีๆ ก็สำนึกได้เอง ว่าที่พ่อ-แม่เมินเฉย ไม่ใช่ไม่รัก แล้วก็คิดได้เองทุกอย่าง อ้าว...ว..ว..ปมนี้ลงตัวพี่สาวหน้ามืดตามัวคนเดิม...เจอเพื่อนนางเอกพาไปดูความเลวของฝ่ายช่าย ตาสว่าง สำนึกได้...อืม...ปมนี้ก็ลงตัวพระเอกอยากให้นางเอกเคลียร์กับพ่อแม่ โทรหา...พานางเอกกลับมา...พ่อแม่ลูก เข้าใจกัน...พ่อกับว่าที่ลูกเขยขัดใจกันนิดหน่อย เพราะพ่อก็อยากจะยึดลูกสาวไว้ที่บ้าน แต่พระเอกก็หวง จะเอาเมียกลับกรุงเทพฯ กับตัว...(เฮ้ย..ย..)...แต่สุดท้ายก็ลงตัว พระเอกกับนางเอกจัดงานแต่งงาน ...ตัวร้ายคุณย่าเล็ก+เมียตัวร้าย(ไม่เชิง)...ก็มาด้วย... คุ้มคลั่ง คลั่งแค้น หยิบปืนมายิงนางเอกเสียเลย พระเอกรับกระสุนแทน ...อืม...เหมือนจะซึ้ง...นะตัวร้ายเข้าคุก พระเอก+นางเอกแต่งงานกันอย่างมีความสุข มีลูก 3 คน...จบเลิฟซีนเยอะมาก มากจริงๆ (สำหรับนิยายไทย) ..แต่เราเฉยๆ ไม่หวาบหวิว ไม่เขิน ... ไม่หลงรักพระเอก อารมณ์คุณศินก็ขึ้นๆ ลงๆ ตามสไตล์พระเอกนิยายนั่นแหล่ะค่ะ แต่เราไม่รู้สึกถึงเสน่ห์ของเขา...ส่วนไรเร ไม่เห็นน่าเอ็นดูเลยปล.ไม่ใช่ว่านิยายไม่ดีนะคะ คิดว่านิยายคงดีนั่นแหล่ะ ไม่งั้นจะมีแต่คนชอบมากมายเหรอ...(อ้างอิงจากการสำรวจในเนทและในบล็อกแก็งค์ค่ะ ..ดุจรักดุจดวงใจ เล่มนี้ ฮ๊อตฮิตติดลมบนเลยทีเดียวค่ะ)แต่โดยส่วนตัว เราคิดว่าตัวเราเองคงไม่ถูกจริตกับสำนวนการบรรยาย การดำเนินเรื่องราว การสร้างบุคลิกตัวละครแต่ละคน และปมขัดแย้งของแอลลี่ค่ะ ดังนั้นเราจึงอ่านโดยไม่มีอารมณ์ร่วมไปด้วย ถ้าเล่มนี้คือเล่มที่ดีที่สุดของเธอ...เราคิดว่า ต่อไป เราคงไม่ได้ติดตามงานของแอลลี่แล้วค่ะ
อย่างที่คุณแจงว่า ไม่ใช่ว่านิยายของเธอไม่ดีหรือไม่สนุก (ไม่งั้นก็คงจะไม่มีแฟน ๆ ติดตามอ่านเยอะแยะอย่างนี้หรอกเนอะ) เพียงแต่ว่าไม่ใช่แนวของเราก็เท่านั้นเองค่ะ