Japan First Time (Part I - Tokyo Aishiteru)
ญี่ปุ่นครั้งแรก

ตอนที่ 1 โตเกียว ฉันรักเธอ



ประเทศอะไร แค่ลงจากเครื่องบินเหยียบพื้นรันเวย์ก็ตกหลุมรักแล้ว


………………………………………………………………………………



อย่าไปนับระหว่างทางที่เรียกแท็กซี่ไปสนามบิน แต่ดันบอกที่อยู่ผิด

จนต้องลากกระเป๋าปุเลงๆ มาโบกคันใหม่หน้าปากซอยเองแบบเหนื่อยหอบ

การต่อคิวเช็กอินยาวนาน จนเราเก็บกระเป๋าเงินคนอื่นได้

และตามหาเจ้าของจนเจอแล้ว ก็ยังไม่ได้เช็กอิน

การอยากกินเบอร์เกอร์คิงกับช็อปปิ้งดิวตี้ฟรี แต่อด เพราะเช็กอินช้า

แต่ปรากฏว่า พอกระหืดกระหอบไปถึงเกท ไฟลท์แม่มดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง (--”)

การไปแกร่วอยู่สนามบินที่ไม่มีอะไรเลยอย่างโฮจิมินห์ เวียดนาม 

เพื่อเปลี่ยนเครื่อง แล้วเราไม่มีอะไรทำ ไม่มีอินเทอร์เน็ต 

ทำได้แค่แอบถ่ายเพื่อนที่นอนหลับเพื่อแบล็กเมล์ 555




กระเป๋าใบนี้ หนัก 15 กิโลค่ะ โควต้า 20 กิโล

จะรอดหรือไม่ รอดูวันขากลับนะคะ



………………………………………………………………………………



เรามาถึงสนามบินนาริตะแล้ว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้แบบชิลๆ 

(ตม.เกาหลีโหดเหี้ยมกว่านี้เยอะ บอกเลย)

จากนั้น พวกเราก็ไปแลกบัตร JR PASS สำหรับใช้เที่ยวทั่วญี่ปุ่น 

แต่วันนี้ ซื้อตั๋วรถต่างๆไปก่อน

เริ่มจากการซื้อตั๋ว Keisei เพื่อเดินทางเข้าเมือง ขอบอกว่านานมาก 

แต่ไม่กล้าหลับเพราะกลัวนั่งรถเลย

ลงที่ Nippori เพื่อเดินไปที่ Ueno First City Hotel

โรงแรมเล็กๆ ที่มีชาวต่างชาติกับคนไทยพักกันเต็ม

พวกเรามาที่นี่เพื่อฝากกระเป๋า เพื่อรอเช็กอินตอนบ่ายสาม และไปเที่ยวต่อค่ะ



อาหารบนเครื่องมื้อแรก กินหมดเกลี้ยง

ทั้งๆ ที่ก่อนขึ้นเครื่อง กิน Aunty Anne มาแล้วด้วยนะ



อาหาร Japanese Style บนเครื่อง ถ้าไปญี่ปุ่นจะเจอคำนี้ตลอด



ขอขอบคุณสายการบิน Vietnam Airline ค่ะ 

มันโอเคมากกกกกกกก กับค่าตั๋วไปกลับ 17,000 กว่าๆ



………………………………………………………………………………



จุดมุ่งหมายแรกหลังจากออกจากโรงแรมคือเซเว่น – อีเลฟเว่น (ห๊ะ!)

ขอบอกว่าเซเว่นบ้านเค้าโคตรน่าตื่นตาตื่นใจในเรื่องสินค้า

แบบ...อาหารมันน่ากิน สกินแคร์ก็เริ่ด เครื่องสำอางก็พร้อม

สิ่งแรกที่ซื้อคือ ปลาหมึกแห้งๆ กับน้ำชาแบบขวด

น้ำชาญี่ปุ่นนี่จืดและขมมาก ไม่มีการใส่น้ำตาลแบบบ้านเรานะคะ



………………………………………………………………………………



เอาล่ะ ผ่านจุดหมายแรกไปแล้วจุดหมายต่อไปคือ Ameyyokokosho

หรือตลาดอาเมะโยโกะ 

(สารภาพว่าได้ยินชื่อครั้งแรก นึกว่ายานวดไหล่ แอมเมลท์ โยโกะโยโกะ)

พอไปถึงก็ตะลึงในความหนาแน่นของประชากรชาวไทย

คือเห็นแม้กระทั่งครอบครัวนายห้างค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเป็นกลุ่มอ่ะ

ถ้าเป็นสมัยยังทำงานนิตยสารนะ อู๊ยยยยย คิดเนื้อหาคอลัมน์ในหัวติ๊งๆๆๆๆ

ตอนนี้ทำงานก่อสร้าง ไปหาข้าวเที่ยงกินดีกว่า 

เพราะอาหาร Japanese Style บนเครื่องไม่พอยาไส้

เดินกันจนดิฉันเสยสตรอว์เบอร์รี่เข้าไปปากไป 1 ไม้ถ้วน 

ก็ลงเลยที่ร้านข้าวหน้าปลาดิบ ซึ่งดิฉันเลือกกินข้าวหน้าปลาย่างค่ะ (อ้าว) 

เพราะไม่ชอบกินข้าวหน้าปลาดิบเท่าไหร่

ขอบอกว่า อร่อยมากกกกกก ฟินกินหมดภายในสิบนาที

และซ้ำเติมความฟินด้วยสตรอว์เบอร์รี่อีก 1 กล่องใหญ่

ในราคา 1,200 เยน ที่ใช้เวลากินสองวันถึงจะหมด 

มันสดและฉ่ำกว่าที่ซื้อในวิลล่ามาร์เก็ตแบบไม่ได้คิดไปเอง

จากนั้นพวกเราก็ย่ำต็อกไปที่ Ueno Park เพื่อชมซากุระที่ยังพอเหลืออยู่

เห็นหนุ่มน้อยมานั่งเฝ้าเสื่อเปล่าๆ เพื่อจองที่ ก็อยากจะไปจองกับเขาบ้าง

เดินชมสวนไปมาสักพัก ก็ได้เวลากลับโรงแรมไปเช็กอินแล้วค่า



สีหน้าแห่งความฟัน เอ๊น ฟิน (ถ้าฟันจะน่าสะพรึงขนาดนี้)



ข้าวหน้าปลาย่าง ชี้เอาตรงรูปที่ผนังเลยว่าเอาอันนี้เด็ทสึก๊ะ



โชคดีที่ตอนไปยังมีซากุระอยู่ กินยาแก้แพ้ไว้รอท่าด้วยยยยยยย



ซากุระจัง คิเรเนะ



………………………………………………………………………………



กลับมาถึงโรงแรมก่อนเวลาบ่ายสามก็ต้องรอนะคะ

นิกกี้เลยไปเดินเล่นที่แฟมิลี่มาร์ท เพื่อฆ่าเวลาและหาอะไรกิน (อีกแล้ว)

ขอบอกว่า กรี๊ดแฟมิลี่มาร์ทมาก เพราะแผนกบิวตี้เค้าเริ่ดดดดดดด

โดยเฉพาะสินค้า Muji ไซส์เล็กกระจิ๋วหลิว มาเต็มทั้งแชมพู สบู่ ครีมนวด 

ล้างหน้า สครับ เสื้อผ้า ถุงเท้า กระเป๋าเล็ก สำลี คอตต้อนบัด โทนเนอร์ ฯลฯ

แต่เรายังไม่ซื้อเพราะสำเหนียกได้ว่าเพิ่งทลายเงินไปเป็นหมื่น (เยน) 

ที่ร้าน Matsumoto Kiyoshi

เลยซื้อเยลลี่รสพีชถ้วยบักเอ้กมาไว้กินกับสตรอว์เบอร์รี่พรุ่งนี้



………………………………………………………………………………



เช็กอินแล้วก็ต้องตะลึง

Front Lobby นี่ว่าเล็กจนห้ามรับรองแขกเกิน 12 คนไม่งั้นจะระเบิดตัวเองตาย

เข้าไปในห้องนอนยิ่งจะตกใจในความเล็กแต่มีครบทุกอย่าง

ทั้งเตียงสี่ฟุตที่นอนเบียดๆ กันสองคนผอมๆ พอไหว

และแอบพิศวงว่าฝรั่งตัวใหญ่มากจะนอนกันไปได้ยังไง

โต๊ะเครื่องแป้งที่ใช้แต่งหน้า เขียนหนังสือด้วย ดูทีวีพร้อม กินอาหารได้

หลังประตูห้องมีรูตู้เสื้อผ้า(ใช้คำว่ารู เพราะเป็นช่องใส่ไม้แขวนได้ 5 อันถ้วน)

อาบน้ำแล้วต้องปิดกระเป๋าเดินทางไม่งั้นจะเปิดประตูห้องน้ำไม่ได้

และห้องน้ำที่มีชักโครกพร้อมอ่างอาบน้ำแบบย่อขาแช่

ซึ่งคุณนี้ดผู้ชายหนึ่งเดียวของทริปนี้ สูง 180 กว่าๆ ยืนเต็มที่แล้วหัวชนเพดาน

เอาเหอะนะ พื้นที่บ้านเขาน้อยใช้สอยอย่างประหยัด

พวกเราอาบน้ำแล้วนอนเล่นเอาแรงสักหน่อยเพื่อตะลุยต่อค่ะ


………………………………………………………………………………


จุดหมายต่อไปของเราก็คือวัดเซ็นโนจิ กับศาลเจ้าอาซาคุสะ

นั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีอาซาคุสะเลย มีคนมารอต้อนรับเพียบ

นักท่องเที่ยวก็เพียบบบ คนไทยก็เพียบบบบบบบบบบบบบบบ

ถ่ายรูปยังไงก็ติดคน แถมเราไปวัดค่อนข้างเลท ควันธูปก็หมด

จะเสี่ยงเซียมซีก็อ่านไม่ออกเพราะเป็นภาษาอังกฤษ แหง่ว

ฟินตรงได้ถ่ายรูปกับโคมแดงใหญ่หน้าวัด และกินซาละเปาทอด 1 ชิ้น

เพราะต้องสงวนพื้นที่ในท้องไว้กินข้าวหน้าปลาไหลค่ะ

แต่พอเราเดินไปถึงร้าน............................................

ร้านปิดปรับปรุงว่ะ ฮืออออออ นัชชิเสียใจอย่างหนัก

สรุปก็มาลงเอยกันที่ร้านเทมปุระ ซึ่งอร่อยมากเลยล่ะ

ขนาดเราไม่ชอบกินเทมปุระยังว่าอร่อยเลย



ถ่ายกับโคมไฟ เอาฤกษ์เอาชัย



คนเยอะจริงๆๆๆๆ



กับสาวปุ้ม เพื่อนร่วมทริปและรูมเมท ขอบคุณที่นางผอมมาก

เราเลยมีที่นอนเยอะเลย ขอโทษที่เบียดแกนะ 



มีคุณนี้ดไปด้วย มีการถ่ายรูปลงคอลเลกชั่น Girl Group กันทู้กกกกวัน



ข้างบนเป็นเทมปุระ อาหารมื้อเย็นของเรา

ด้านล่างเป็นของหวาน มื้อเช้ามื้อแรกของเราค่ะ (หล่อนมีมื้อเช้ากี่มื้อกันยะ)



………………………………………………………………………………



ปิดท้ายค่ำคืนที่ยังไม่อยากกลับโรงแรม ด้วยการฝ่าอากาศหนาวไปเดินเล่น

ชมวิว Tokyo Sky Tree และตึกขี้ Asahi 

(ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ เค้าเรียกแบบนี้จริงๆ)

คือมันไม่เหมือนฟองเบียร์สีทองผ่องอำไพเลยอ่ะ เหมือนอุนจิมากกว่า

และเราก็สวาปาม Sweet Potato Cake เข้าไปอีกชิ้น แช่น้ำอุ่น นอน

เพราะพรุ่งนี้เราต้องไปหาคุณฟูจิซังแต่เช้า

...

...

...

เฮ้อออออ ประเทศอะไรไม่รู้ อยู่แค่หนึ่งวันก็ตกหลุมรักแล้ว




ปิดท้ายด้วยรูปนี้ค่า ชอบมาก



………………………………………………………………………………


โอฮาโยะ โกไซอิมัตชิต่าาาา

กว่าจะได้ฤกษ์อัพบล็อกไปเที่ยวญี่ปุ่นเวลาก็ล่วงเลยไปเป็นเดือน

สัญญาว่าจะอัพให้เสร็จก่อนสิ้นปีค่ะ (ห๊ะ!!!)

และถ้าอยากได้รีวิวละเอียด มีสาระ ภาพสวย คนเขียนน่ารัก

อัญเชิญที่บล็อกของนัชชิ ผู้ก่อตั้งทริปของเราได้เลยค่า ตามลิงค์ข้างล่าง

//nat-chi.exteen.com/20140508/japan-trip-01-tokyo-ueno-asakusa

(ก๊อปไปวางกันเอานะคะ พยายามทำลิงค์แล้วล่มจมเละเทะหมดเลย)

………………………………………………………………………………





Create Date : 06 มิถุนายน 2557
Last Update : 13 มิถุนายน 2557 20:48:42 น.
Counter : 3043 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NickyOkawa
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



นักเขียน นักอ่าน และเจ้าของร้านฝึกหัด
มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
7
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
6 มิถุนายน 2557