ค่าออกกำลังกายของฉัน

หลายครั้ง หลายหนที่เดินผ่านฟิตเนสเ...... แล้วไม่เคยสนใจเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่ตามที่พนักงานขาย เชิญชวน และแล้ววันนี้ฉันก็โดนเรียกอีกตามเคย และฉันก็ส่ายหัวปฏิเสธอีกเช่นเคยๆ แต่วันนี้ ...

เจ้ากรรม เพื่อนชายฉันเกิดอยากเข้าชมตามคำเชิญ ดิฉันก็บอกไม่เอา เพราะสวนสาธารณะออกกำลังกาย อยู่ห่างบ้านฉันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร และฉันก็ไม่มีเวลาหรอก ทุกวันนี้วันไหนกลับบ้านเร็วหน่อยก็จะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเดินออกกำลังกาย ซึ่งหากจะเฉลี่ยแล้ว มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ แค่อาทิตย์ละ 2 วันเท่านั้น

ฉะนั้นเรื่องการที่จะมาออกกำลังกายในฟิตเนสเ.... ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะฉันไม่ได้มีรถยนต์ขับเหมือนคนอื่น หากจะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสจริงๆ ก็ต้องนั่งรถ 2 แถว ไปถึงห้างก็คงจะเวลา ประมาณ 2 ทุ่ม ข้ามฝั่งถนน เดินขึ้นชั้น 3 ของห้าง เพื่อไปออกกำลังกาย ไปถึงหน้าฟิตเนส คงจะได้ไปใช้อุปกรณ์แค่ จับอุปกรณ์ก็หมดเวลาซะแล้ว

ฉันเดินตามพนักงานขายช่างพูดคนหนึ่งไป พร้อมเพื่อนชายที่ทำท่าเหมือนจะไม่เข้า เอาซิ ถ้าคุณไม่เข้า ฉันก็ไม่เข้า เพราะฉันไม่คิดจะเข้าอยู่แล้ว ตกลงเพื่อนชายก็เลยต้องเข้า

พนักงานขายพาเดินชมสถานที่ และอุปกรณ์ในฟิตเนส จบท้ายด้วยการตรวจวัดมวลกาย อะไรประมาณนี้ หลังจากตรวจเสร็จ ก็เป็นอันจบขั้นตอนการเยี่ยมชม

ซึ่งหากใครจะเพ่นออกไปตอนนี้ ก็จะดีเลย แต่พนักงานขาย เชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งยังมุมโซฟา ที่จัดมาอย่างดี เป็นมุมเล็กๆ หนีออกไปไหนไม่ได้
เธอชี้ชวนเราด้วยเอกสารการสมัคร ว่าเราจะต้องเสียค่ารายเดือน รายปี ค่าดำเนินการ ต่างๆนาๆ เป็นจำนวนเงินเท่าไร เราก็ฟังไว้ก่อน ในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะสมัครแต่อย่างใด แต่ด้วยมารยาทเราก็ต้องนั่งฟัง

เผื่อบางทีเธออาจจะได้เปอร์เซ็นต์ในการนำเสนอกับลูกค้าจากทางฟิตเนสก็ได้ (ฟังไปอย่างนั้น การตัดสินใจคงจะอีกนาน) จากนั้นก็มีพนักงานตัวจริงเข้ามาชี้ชวนด้วยคำพูดที่คล่องแคล่ว ว่านล้อมสารพัด ว่าสมัครภายในวันนี้ได้ส่วนลดเท่านั้น เท่านี้ หากวันนี้ไม่สมัคร อีก 2 วันข้างหน้า ค่ารายเดือนจะขึ้นอีกแล้ว

เบ็ดเสร็จแล้ว ฉันปฏิเสธไม่สนใจ เพราะไม่มีเวลา พนักงานขายชี้ชวนให้เราสมัครต่อ โดยบอกว่าลูกค้าที่มาเล่นตอนแรกก็พูดอย่างนี้ทั้งนั้น พอสมัครเรียบร้อย เขาก็มีเวลามาจนได้ ฉันไม่ได้สนใจเลย เพราะไม่มีเวลาจริงๆ

แต่คราวนี้คนใกล้ตัว แปรพรรคกลายเป็นพวกเขาไปแล้ว หันมาเชียร์ฉันอีกแรง โดยการประนามว่าฉันพุงยื่นต้องออกกำลังกาย เดี๋ยวค่าใช้จ่ายตรงนี้เขาจะออกให้เอง พนักงานขายเลยได้จังหวะเสริมทัพเสร็จ ว่ามีโปรแกรมในการลดสัดส่วนสำหรับลูกค้าทุกประเภท

พนักงานยื่นใบสมัครให้กรอก ฉันกับเพื่อนชายกรอกอย่างว่าง่าย แล้วเราก็มาฟังเรื่องงบประมาณจริงๆ จังกันอีกครั้ง

สรุปว่า ค่ารายปี 6,000 กว่า ค่ารายเดือนอีก ประมาณ 2,000 บาท เงื่อนไขจ่ายเรียกเก็บผ่านบัตรเครดิต 12 เดือน หากเดือนไหนคุณไม่มาและไม่แจ้งให้ทางฟิตเนสทราบล่วงหน้า คุณก็ต้องโดนเรียกเก็บ 2,000 ไปเปล่าๆ
หากมีการแจ้งล่วงหน้า ทางฟิตเนสจะเก็บค่ารายเดือนเพียง 20% หยุดกี่เดือน ก็ได้รับการชดเชยไปเท่านั้นเดือน


หลังจากเซนต์เอกสารเสร็จแล้ว มานั่งคิดจำนวนเงินเบ็ดเสร็จแล้ว 2 คน ประมาณ 60,000 บาท เพื่อนชายฉันถึงกับอึ๊งกิมกี่ ฉันนั่งสมน้ำหน้า เขา บอกแล้วว่าไม่เอา ยังจะแปรพรรคกลายเป็นพวกเขาเฉยเลย

หลังจากที่เราอึ้งกันไปพักหนึ่ง ฉันบอกกับเพื่อนชายฉันว่ายกเลิกเถอะยังทัน ไม่เอาแล้ว

เมื่อพนักงานเห็นดังนั้น เลยยื่นข้อเสนออีก ลดเหลือเงื่อนไขจ่ายผ่านบัตรเพียง 5 เดือนแล้วกัน เราจึงต้องเซ็นตเอกสารกันวุ่นวายอีก แต่ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี

สรุปออกมาว่า ค่ารายปี พร้อมค่ารายเดือน 5 เดือน ของคน 2 คน อยุ่ที่ 26,000 บาท ซึ่งมันก็ยังมากอยู่ดี ฉันบอกให้เพื่อนชายยกเลิกเขาก็ไม่ยอม จนทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อย
ถึงมาคิดได้ว่า "เราทำอะไรลงไปวะ" แล้วที่สำคัญหันมากระซิบกับฉันว่า เราออกคนละครึ่งนะ

นั่นไง! ความซวยเข้ามาเยือนแล้ว ตังค์หายจากกระเป๋าเป็นหมื่นทั้งๆ ที่ เราไม่ได้มีความสมัครใจเลย

กลับมานั่งเสียดาย ตังค์ฉันกว่าจะเก็บมาได้แต่ละบาท แต่ละร้อย แต่ละพัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ

ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะใช้เงินเปลืองอยู่บ้าง แต่นั่นฉันซื้อสิ่งที่ฉันชอบ ฉันรัก ที่ฉันพอใจ
แต่นี่ ฉันต้องมาเสียค่าออกกำลังกาย ที่ฉันเคยวิ่งฟรีอยู่ตรงสนามข้างบ้าน ไม่มีค่าใช้จ่าย มาจ่ายกับค่าอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันไม่ต้องการเลย

หรือแม้แต่ แอร์โรบิคที่ฉันลองไปกระโดดกับเขาอยู่ไม่กี่ที เขาเดินมาเก็บเงิน 5 บาท ฉันยังนึกเสียดายเลย เพราะฉันเต้นไม่เป็นเพียงแต่ แค่ลองไปเซิฟๆ กับเขาดู ก็เดินมาเก็บตังค์เฉยเลย (นึกในใจ แหม น่าจะดูลูกค้าหน่อยนะ ว่ามันแค่ลองเริ่มๆ ยังไม่รู้ท่าทางเลย มาเก็บตังค์ไปซะแล้ว) จากนั้นฉันก็ท้อเดินออกมาจากที่เขาเต้นเพราะเต้นตามไม่ถูก



มันน่าจริงๆ แค้นที่ตัวเองต้องมาออกตังค์เองนี่แหละ