ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
1 พฤศจิกายน 2554

ทำไมต้อง...”อึ”...ในตอนเช้า

“ความสัมพันธ์ของอวัยวะกับเวลา”

ช่วงเวลา / 03.00-05.00 น. / 05.00-07.00 น. / 07.00-09.00 น. / 09.00-11.00 น. / 11.00-13.00 น. / 13.00-15.00 น. / 15.00-17.00 น./

เป็นเวลาของ / ปอด / ลำไส้ใหญ่ / กระเพาะอาหาร / ม้าม / หัวใจ / ลำไส้เล็ก / กระเพาะปัสสาวะ/

ช่วงเวลา / 17.00-19.00 น. / 19.00-21.00 น. / 21.00-23.00 น. / 23.00-01.00 น. / 01.00-03.00 น. /

เป็นเวลาของ / ไต / เยื่อหุ้มหัวใจ / พลังงานรวม / ถุงน้ำดี / ตับ /


จากตารางนี้จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลา 05.00-09.00 น.
จะเป็นช่วงเวลาที่อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบชับถ่ายจะทำงาน




ไม่ขับถ่ายตอนเช้า จะเกิดอะไรขึ้น?


ในช่วงเวลา 05.00-07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้ายังไม่ยอมขับถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00-09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหาร แล้วไม่ยอมกินข้าวเช้าอีก

อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ ที่ไม่ขับถ่ายออกจะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาหารก็จะถูกดูดซึมอีกครั้ง

สังเกตมั้ยว่า เมื่อเรามีอาการท้องเสีย หรือ ถ่ายท้องในช่วงกลางคืนอาการจะทุเลาขึ้นเมื่อสายๆวันต่อมา (ในกรณีที่ไม่ได้เป็นอาหารเป็นพิษ) ทั้งนี้ เพราะจะมีขั้นตอนการทำงานของระบบอวัยวะดังกล่าวเข้ามาช่วยให้มีการหยุดถ่ายเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทีนี้เมื่ออุจจาระเข้ามาที่กระเพาะอาหารอีกครั้ง

ในอุจจาระเก่าที่มีแก๊สที่เสียแล้ว เกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อน 37 องศา ตลอดเวลา ไม่เหมือนตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะฉะนั้นแก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด
เลือดจึงไม่สะอาดถ้าเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิวหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษไปด้วย

ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอน เพราะเลือดที่ไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็อ่อนล้า ไม่สดชื่น มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ก็มาจากเลือดที่ไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนัง และลมหายใจ ตัวเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00-07.00 น. นานๆเข้าเป็นเวลาหลายๆปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมอง และไม่กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา 07.00-09.00น. สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์
เมื่อแก่ตัวความจำจะเสื่อมเร็ว ปวดเข่า เมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร



สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย


  • กระดูกข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
  • กินอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยๆเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เพราะระบบดูดซึมเสีย และถุงน้ำดีข้น
  • มีพยาธิในลำไส้ หรือพยาธิที่ผิวหนังจะกัดกินเลือดในร่างกาย
  • การไม่กินอาหารเช้าก็เป็นสาเหตุ ถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ หรือเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย จะเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้
  • ผมร่วง
  • หน้าแก่เร็ว
  • คออักเสบง่าย
  • นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางดึกบ่อยๆ
  • ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา
  • เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น
  • ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย หลังเท้า วิตกกังวล
  • อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน
  • สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง อยู่กันคนละส่วน แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วนเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
  • วันข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม
  • ปัสสาวะบ่อย
  • หน้าเป็นฝ้า หน้าดำ
  • เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
  • จะมีอาการง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน
  • ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • ปวดส้นเท้าขี้โมโห
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม
  • เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจำระยะยาว คือเรื่องเก่าๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้น คือเรื่องใหม่ๆ ในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ
  • พูดวนไปวนมา
  • จะมีอาการแขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้งจะมีอาการแขนขาตายเหมือน”ผีอำ” ขยับตัวขยับแขนขาไม่ค่อยได้

วิธีแก้มีวิธีง่ายๆ
เมื่อตื่นนอนตอนเช้า บ้วนปาก ล้างหน้าแล้ว ให้ดื่มน้ำเปล่าทันทีก่อนจะทำกิจกรรมอื่นปริมาณอย่างน้อยสัก ครึ่งลิตร หรือ 2-3 แก้ว เพื่อไปล้างและกระตุ้นกระเพาะอาหาร และระบบขับถ่าย (ทำทุกวัน จะทำให้การขับถ่ายคล่องตัวขึ้นเนื่องจากมีน้ำเป็นตัวช่วยนั่นเอง) พยายามใช้เวลานั่งขับถ่ายช่วงเช้า สักครึ่งชั่วโมงทุกๆวัน(แม้ไม่ปวดก็ตาม) เพื่อเป็นการสร้างความเคยชินในการขับถ่ายในช่วงเช้า ควรกินอาหารเช้าช่วงเวลา 07.00-09.00 น. เป็นประจำ

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า
การไม่กินอาหารเช้า เป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป
คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฎิบัติอยู่เป็นประจำ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00-09.00 น. ระหว่างนี้สมองและใบหน้าของคนเราที่ต้องการเลือดและออกซิเจน เป็นอาหารบำรุงส่งไปเลี้ยงสมอง ถ้าไม่กินข้าวเช้า ก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์สมองรวมถึงวิตามิน บี1 และ บี12 มื้อเช้าถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ควรกินสูตร โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว และกล้วย 1 ลูก โดยเวลาจะกิน ให้ผสมสูตรนี้สัก 15-20 นาที ก่อนกิน เพื่อให้จุลลินทรีย์ ขยายตัวเพิ่มจำนวนขึ้นจะได้ช่วยให้ระบบการย่อย และการขับถ่ายดียิ่งขึ้น




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 21:12:40 น. 0 comments
Counter : 1638 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ข่าวดี
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]