พระราชวังพญาไท เป็นพระราชวังที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในปัจจุบันวังเก่ากลางกรุงแห่งนี้ กลับชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แม้ว่าจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากรแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้มีงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม คนกรุงเทพฯ บางส่วนอาจจะเคยเห็นวังพญาไทจากการนั่งรถผ่าน แต่ผมเชื่อว่ายังมีคนกรุงอีกจำนวนมากที่ไม่รู้จักหรืออาจไม่เคยได้ยินชื่อพระราชวังแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นวังที่ถูกลืมไปเสียแล้ว ..... แต่ยังดีที่มีกลุ่มบุคคลผู้รักและหวงแหนในโบราณสถานของชาติกลุ่มหนึ่ง รวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในชื่อ "ชมรมคนรักวัง" ขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พระราชวังพญาไทให้เป็นที่รู้จัก และจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูความมีชีวิตชีวาให้กลับคืนสู่สถานที่แห่งนี้ รวมทั้งเพื่อรณรงค์หารายได้สมทบทุนโครงการบูรณะพระราชวังอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระราชวังพญาไทค่อยๆ กลับมาเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น ..... +++ วันนี้ผมจะขออาสาพาคุณๆ ไปทำความรู้จักกับวังพญาไท วังเก่ากลางกรุงกันนะครับ +++ ผมเองยอมรับว่าเพิ่งรู้จัก "พระราชวังวังพญาไท" มาได้เพียงปีเดียว โดยทราบจากในหน้า webboard แห่งหนึ่งว่ามีวังเก่าที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามน่าสนใจ ซ่อนตัวอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ จากที่ได้เห็นภาพของวังแห่งนี้ในครั้งนั้นทำให้ผมตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปเที่ยวชมสักครั้ง แต่ก็ติดภารกิจต่างๆ จนหลงลืมไป เพิ่งจะได้ไปจริงๆ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง ..... การไปเที่ยวชมพระราชวังพญาไท แนะนำให้ไปวันเสาร์อาทิตย์ เพราะจะมีการนำชมภายในตัวอาคารและให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชวังโดยอาสาสมัครชมรมคนรักวังเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แบ่งเป็นสองรอบคือเวลา 9.30 น. และ 13.30 น. หากไปวันอื่นๆ ก็จะสามารถเดินเยี่ยมชมได้เฉพาะภายนอกวังเท่านั้น .....+++ พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ด้านหน้าวัง เพิ่งมีพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันมหาธีรราชเจ้า 25 พย.53 ++++++ พระราชวังพญาไท อยู่ในเขตโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ใจกลางกรุงเทพฯ เลยครับ +++ "พระราชวังพญาไท" ตั้งอยู่ในเขตโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ใกล้ๆ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินี่เอง การเดินทางแนะนำให้เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ไปลงอนุสาวรีย์ฯ แล้วค่อยเดินต่อไปอีกนิดน่าจะดีกว่า เพราะแถวๆ นั้นรถติดมากเหลือเกิน พระราชวังแห่งนี้ มีประวัติอันยาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ เคยเป็นที่ประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ..... เริ่มจากเป็นโรงนาหลวงอันเป็นที่ทดลองทำนาทำสวนเลี้ยงไก่ เป็นพระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวงและเจ้านายใกล้ชิดหลายพระองค์ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง และต่อมาได้เป็นที่ทำการของกองทัพบกในการรักษาพยาบาล จนเป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าซึ่งเอำนวยประโยชน์เป็นอย่างมากแก่ทหารและประชาชนที่ป่วย .....+++ หอคอยสูงที่เห็นในภาพ เป็นส่วนหนึ่งของพระที่นั่งพิมานจักรี นับเป็นจุดเด่นของวังพญาไทแห่งนี้ +++ ภายในพระราชวังแห่งนี้ มีพระที่นั่งสำคัญอยู่ 5 แห่ง โดยตั้งชื่อให้คล้องจองกันดังนี้ ไวกูณฐเทพยสถาน พิมานจักรี ศรีสุทธนิวาส เทวราชสภารมย์ อุดมวนาภรณ์ และยังมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจอื่นๆ เช่นพระตำหนักเมขขลารูจี สวนโรมัน และอาคารเทียบรถพระที่นั่งซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นร้านกาแฟนรสิงห์ ในวันที่ผมไป มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมวังกันมากพอสมควร ผมไปถึงช่วงบ่ายเศษๆ ซึ่งวิทยากรกำลังนำชมวังกันอยู่พอดี ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามกลุ่มเขาไปด้วย เลยพลอยได้ความรู้เกี่ยวกับวังพญาไทเพิ่มขึ้นเยอะเลยล่ะครับ .....+++ พระราชวังพญาไท ในมุมมองแปลกตาจากเลนส์ ultrawide tokina 11-16 mm (ยืมเขามาลองใช้) ++++++ จากมุมนี้จะเห็นพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน โดดเด่นอยู่ท่ามกลางตึกสูงสมัยใหม่ +++ สถาปัตยกรรมของพระราชวังพญาไทเป็นรูปแบบที่พัฒนาจากตะวันตกยุคฟื้นฟู เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม และมีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับภูมิอากาศของเมืองไทยได้อย่างลงตัว เห็นได้จากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานและพระที่นั่งพิมานจักรีซึ่งมีหน้าต่างเปิดกว้างรับลมได้ทุกด้าน ลักษณะที่เด่นของพระราชวังแห่งนี้ คือ มียอดโดมสูงสำหรับชักธงมหาราช เจ้าพนักงานจะอัญเชิญธงมหาราช (ธงครุฑ) สู่ยอดเสาขณะที่ประทับอยู่ที่พระราชวัง จากด้านหน้าจะมองเห็นได้ชัดว่าเป็นหมู่พระที่นั่ง 4 องค์ เชื่อมต่อกันทั้งหมด เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูนมีความสูงเพียง 2 ชั้น นอกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานซึ่งได้ต่อเติมชั้นที่ 3 ภายหลังเป็นห้องพระบรรทมและห้องสรงส่วนพระองค์ .....+++ พระที่นั่งแต่ละแห่งจะอยู่ติดกัน มีทางเดินต่อเนื่องถึงกันได้ตลอด ++++++ อีกมุมหนึ่งของวังพญาไท จะเห็นอาคารเทียบรถพระที่นั่งอยู่ด้านขวามือของภาพ ++++++ พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส จากด้านนี้จะมองไม่เห็นยอดหอคอยด้านบน ++++++ ชมวังภายนอกกันทั่วแล้ว เข้าไปชมด้านในพระราชวังกันบ้างดีกว่าครับ ++++++ ป้ายแสดงประวัติความเป็นมาของพระราชวังพญาไท ติดต่อขอเข้าชมภายในวังได้ที่จุดนี้ ++++++ ก่อนวิทยาการจะพาชมวัง จะมีการบรรยายสรุปสั้นๆ เข้าฟังได้ที่ห้องประชุมนี้ครับ ++++++ ฟังบรรยายเสร็จแล้ว ก็เชิญขึ้นบันได้ไปชมด้านบนกันได้เลย ++++++ โถงด้านบนชั้นสอง ภายในพระที่นั่งพิมานจักรี ++++++ ห้องนี้อยู่กลางพระที่นั่งพิมานจักรี ใช้เป็นท้องพระโรงกลาง เปิดไฟแล้วสวยมากๆ ++++++ เตาผิงภายในห้องท้องพระโรงกลาง ++++++ เก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อย ++++++ ห้องพระบรรทมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ตรงข้ามกับห้องท้องพระโรงกลาง ++++++ ห้องพระบรรทมแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นห้องสวีทราคาแพง เมื่อครั้งที่มีการปรับปรุงพระราชวังให้เป็นโรงแรมหรู ++++++ วันนี้สองเด็กดื้อได้มาเยี่ยมชมวังพญาไทด้วยครับ ++++++ ภายในห้องพระบรรทมมีห้องน้ำในตัว(ห้องสรง) มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ด้วย ++++++ ออกไปดูห้องอื่นกันต่อ ในภาพเป็นทางเดินภายในวังครับ ++++++ รูปหล่อทองแดงของพระวรุณ เทพแห่งฝนและสัตว์น้ำ อยู่ภายในพระที่นั่งพิมานจักรี ++++++ ส่วนที่เหลืออยู่ของเมืองดุสิตธานีจำลอง เคยใช้เป็นเมืองจำลองศึกษาเรื่องประชาธิปไตย ++++++ ภายในห้องทรงพระอักษร อยู่ใต้โดมบนชั้นสองของพระที่นั่งพิมานจักรี ++++++ ขึ้นบันไดต่อไปที่ชั้นสามของพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน ไปชมห้องพระบรรทมของรัชกาลที่ 6 กันครับ ++++++ ภายในห้องพระบรรทมอีกห้องของรัชกาลที่ 6 ห้องนี้เคยถูกใช้เป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงด้วย ++++++ ภาพจิตรกรรมสีปูนเปียก (fresco secco) วาดเป็นภาพเทวดาน้อยสี่องค์ อยู่บนเพดานห้องพระบรรทม ++++++ ภาพจิตรกรรมรูปชายหญิงและแกะ ภาพนี้อยู่บนเพดานห้องหนึ่งในพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส ++++++ จารึกอักษรพระปรมาภิไธย ร.ร.๖ พบได้บริเวณเหนือบานประตูของทุกห้อง ++++++ (ซ้าย) บ้านนก สร้างเลียนแบบหอคอยของพระที่นั่งพิมานจักรี ++++++ มุมต่างๆ ภายในพระราชวังพญาไท +++ ส่วนหน้าของพระที่นั่งพิมานจักรี มีอาคารชั้นเดียวเป็นที่เทียบรถพระที่นั่งและที่พักคอยขอเฝ้า ทางทิศตะวันออกของหมู่พระที่นั่งค่อนมาทางด้านหน้า คือ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ มีรูปแบบแตกต่างจากพระที่นั่งองค์อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด แสดงลักษณะสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ทางด้านตะวันตกของหมู่พระที่นั่งมีอาคารไม้หลังน้อยซึ่งสร้างขึ้นเป็นที่ประทับชั่วคราวระหว่างการก่อสร้างพระราชมณเฑียร ต่อมาได้พระราชทานนามว่าพระตำหนักเมขลารูจี ใช้เป็นที่ทรงพระเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ซึ่งเป็นพระราชประเพณีสืบเนื่องมาแต่โบราณกาล .....+++ จากภาพด้านซ้ายเป็นพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ ด้านขวาเป็นอาคารเทียบรถพระที่นั่ง ++++++ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ เป็นสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ++++++ พระตำหนักเมขลารูจี กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะ ++++++ นั่งพักผ่อนในมุมสงบ ด้านข้างพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ +++ บริเวณด้านหลังหมู่พระที่นั่งเป็นพระราชอุทยานซึ่งจัดเป็นรูปสวนแบบเรขาคณิต ตามแบบสถาปัตยกรรมอิตาเลียนสมัย "เรอเนซองต์" แต่เรียกกันว่า "สวนโรมัน" จากศาลากลางสวนมีบันไดทอดลงในแนวเดียวกับสระน้ำรูปยาว กลางสระมีรูปหล่อทองแดงของพระวรุณ เทพแห่งฝนและสัตว์น้ำฐานสูงที่รองรับมีรูปปูนปั้นพญานาคด้านละตัว เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงออกแบบ ..... ท้ายสวนด้านเหนือของพระราชวังใกล้คลองสามเสนเป็นที่ตั้งศาลท้าวหิรันพนาสูร มีตำนานว่าเป็นอสูรผู้ติดตามอารักขาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่ครั้งยังทรงเป็นมงกุฎราชกุมาร ครั้งพระราชมณเฑียรแล้วเสร็จได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปสัมฤทธิ มีพิธีบวงสรวง เชิญท้าวหิรันพนาสูรเข้าสิงสถิต เพื่อเป็นเทพารักษ์ประจำพระราชวังพญาไทสืบไป .....+++ รูปปั้นเทพีในสวนโรมันด้านหลังหมู่พระที่นั่ง ปัจจุบันอยู่ในสภาพชำรุด ++++++ มองจากสวนโรมัน จะเห็นสระน้ำรูปทรงเป็นแนวยาวอยู่ด้านตรงข้าม ++++++ รูปหล่อทองแดงของพระวรุณ เทพแห่งฝนและสัตว์น้ำ อยู่กลางสระตรงข้ามสวนโรมัน ++++++ ประติมากรรมนูนต่ำภาพพญามังกรถือพระวชิราวุธ อยู่ที่มุมหนึ่งด้านหลังพระที่นั่ง +++ หลังจากเที่ยวชมพระราชวังพญาไทจนทั่วแล้ว เราไม่ลืมแวะชิมกาแฟในบรรยากาศคลาสสิค ที่ "ร้านกาแฟนรสิงห์" (Cafe de Norasingha) ซึ่งเปิดขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงร้านกาแฟแห่งแรกของประเทศไทย ที่สร้างขึ้นในสมัยปลายรัชกาลที่ 6 ตั้งอยู่ภายในรั้วสนามเสือป่า ภายในร้านกาแฟนรสิงห์ได้มีการนำเฟอร์นิเจอร์เก่าเลียนแบบสมัยรัชกาลที่ 6 มาจัดตกแต่งให้มีบรรยากาศเป็นร้านกาแฟ และยังคงรักษาศิลปสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของตัวอาคารไว้อย่างสวยงาม เช่น เก้าอี้ประทับตราอักษรย่อ "รร.๖" มาจากคำว่ารามราชาธิบดี ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาพถ่ายเก่าแก่ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตในอดีต และลวดลายศิลปะบนฝาผนังและเพดานที่เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 .....+++ ชมพระราชวังเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะดื่มกาแฟในบรรยากาศคลาสสิคที่ร้านกาแฟนรสิงห์กันด้วยนะครับ ++++++ ภายในร้านกาแฟนรสิงห์ ยังรักษารูปแบบการตกแต่งแบบเก่าๆ ไว้อย่างสวยงาม ++++++ ได้ดื่มกาแฟในบรรยากาศแบบนี้ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ++++++ โคมไฟสวยหรู ภายในร้านกาแฟนรสิงห์ ++++++ ตราอักษรย่อ "รร.๖" ประทับอยู่บนเก้าอี้ทุกตัวในร้านกาแฟ ++++++ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟ ที่คอกาแฟตัวจริงไม่ควรพลาด ++++++ ดื้อเล็กกำลังรอทานขนมเค้กอร่อยๆ ++++++ ดื้อใหญ่เลือกดื่มโกโก้เย็น ที่ร้านกาแฟนรสิงห์ครับ ++++++ เฟอร์นิเจอร์คลาสสิคที่ถูกเลือกมาตกแต่งร้านกาแฟนรสิงห์ +++ จากที่ผมได้ใช้เวลาครึ่งค่อนวันไปกับการเที่ยวชม "พระราชวังพญาไท" ผมอดที่จะรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ว่าพระราชวังเก่าแก่ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าอยู่หัวของไทยถึงสองพระองค์ ในปัจจุบันกลับอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม แม้จะมีบางส่วนได้รับการบูรณะแล้ว แต่หลายๆ ส่วนก็ยังคงอยู่ในสภาพเก่าคร่ำคร่า บางห้องพื้นยังเปิดเป็นช่อง ลวดลายเขียนสีบนเพดานหลุดร่อน ก็ได้แต่หวังว่าซักวันทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคงจะเห็นความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้ และจัดสรรงบประมาณมาบูรณะพระราชวังให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที มิใช่ปล่อยให้วังเก่าแห่งนี้ต้องทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา สำหรับทริปนี้ก็คงต้องขอลากันเพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ .....
พระราชวังพญาไทอลังการงานสร้างมาก
และยิ่งมามีสาวน้อย 2 สาวเอ๊ะ 3 สาว
พระราชวังยิ่งงดงามเข้าไปใหญ่เลยค่ะ
แหล่มค่ะแหล่ม