++ด้วยพลังแห่งศรัทธา งานมาฆปูรมีศรีปราจีน ครั้งที่ 24 ประจำปี 2553++
หลังจากที่ผมได้พาไปเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดปราจีนบุรีมาหลายแห่งในบล็อกที่ผ่านๆ มา วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาแนะนำงานเทศกาลประเพณีที่สำคัญของจังหวัดปราจีนบุรีกันบ้างนะครับ งานที่ว่านี้ก็คือ "งานมาฆปูรมีศรีปราจีน" ซึ่งเป็นงานใหญ่ของจังหวัด จัดขึ้นทุกปีในช่วงวันมาฆบูชา มาจนถึงครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 24 แล้ว สำหรับปีนี้งานจัดขึ้นในช่วงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มีนาคมที่ผ่านมา ณ วัดสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ถึงตอนนี้ก็คงไปเที่ยวกันไม่ทันแล้วสำหรับปีนี้ แต่ก็ขอมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับงานนี้กัน เพราะเป็นงานเทศกาลประเพณีที่น่าสนใจแต่ยังมีคนรู้จักกันไม่มากนัก เผื่อวันมาฆบูชาปีหน้าผู้ที่สนใจจะได้ไปชมงานนี้กันได้+++ วันนี้ขอชวนไปชมงานมาฆปูรมีศรีปราจีนกันนะครับ ++++++ ตามเข้ามาในวัดกันเลยครับ +++ประวัติความเป็นมาของงานมาฆปูรมีศรีปราจีน จังหวัดปราจีนบุรี ได้เริ่มจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ มูลเหตุที่มีการจัดงานเทศกาลนี้ขึ้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ได้มีการขุดพบรอยพระพุทธบาทคู่ ณ วัดสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีขนาดความกว้าง ๑.๓๐ เมตร ยาว ๓.๓๐ เมตร ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย+++ งานนี้จัดขึ้นทุกปีที่โบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ วัดสระมรกต +++ ในช่วงนั้น นายจำเนียร ชวนะพงศ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และมีนายประมวล รุจนเสรีเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ได้เห็นความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ จึงได้ดำริให้มีการจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งทางจังหวัดปราจีนบุรีและประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี เห็นพ้องต้องกันว่าจะส่งเสริมดำเนินการประเพณีวัฒนธรรมด้านพระพุทธศาสนา และส่งเสริมการปฎิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยให้มีการจัดงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาของทุกปี ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นประจำทุกๆปี โดยใช้ชื่อว่า "งานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน"+++ วันเพ็ญเดือนสามของทุกปี เป็นวันงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน +++ กิจกรรมของงานในปีนี้มีหลากหลายตั้งแต่ การเดินธุดงค์ของพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสผู้ปฎิบัติธรรม ระยะทางกว่า 91 กิโลเมตร, การนำเที่ยวโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ-ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์-หลวงพ่อทวารวดี ด้วยบริการรถพ่วง, การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน, และกิจกรรมโดดเด่นที่ผมจะพาไปชมกันในวันนี้ก็คือ "การแสดงแสง สี เสียง เรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาและวิถีชีวิต" ที่จัดได้ยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้างานแสงสีเสียงในที่อื่นๆ เลยล่ะครับ ในส่วนของงานแสงสีเสียง จะมีจัดงานสองวัน ในวันศุกร์และวันเสาร์ (26-27 ก.พ.) ก่อนวันมาฆบูชา และเฉพาะในเย็นวันศุกร์ (26 ก.พ.) จัดให้มีการรับประทานอาหารแบบพาแลงชิมอาหารพื้นบ้านด้วยครับ ในส่วนของงานแสดงแสงสีเสียง เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนการทานอาหารพาแลงต้องซื้อบัตรทานอาหารพาแลงที่หน้างาน+++ ชุดอาหารพื้นบ้านแบบพาแลง ตระเตรียมไว้พร้อมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ++++++ บรรดานักแสดงกำลังทำพิธ๊บวงสรวงก่อนทำการแสดงในคืนนี้ ++++++ น้องๆ นักแสดงตั้งใจเต็มที่เพื่องานนี้ ++++++ นักแสดงทั้งหลายล้วนแต่เป็นประชาชนชาวปราจีนบุรี มาร่วมแสดงด้วยใจ ++++++ พอเวลาย่ำค่ำมาถึง บรรดาแขกเหรื่อและนักท่องเที่ยวก็ทยอยมาร่วมงานกันแล้ว ++++++ นักแสดงถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ++++++ ได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดก็กล่าวเปิดงาน ++++++ ท่านต่อมาเป็นนายก อบจ.กล่าวถึงความเป็นมาของงาน ++++++ บางท่านก็เป็นนักแสดงกิตติมศักดิ์ อย่างท่านนี้ (คนที่สองจากซ้าย) เป็นประธานหอการค้าจังหวัด ++++++ บรรดานักแสดงเตรียมพร้อมกันแล้ว ++++++ วันนี้สองเด็กดื้อของผมก็มาชมการแสดงแสงสีเสียงกับเค้าด้วย +++ การแสดงแสง สี เสียงในปีนี้ มีหลายชุดด้วยกัน เท่าที่จำได้ ชุดแรกเป็นการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ถัดมาเป็นการแสดงจินตลีลาประกอบเพลงเทิดพระเกียรติในหลวง ชุดถัดมาก็เป็นประวัติเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรยาตราทัพผ่านมาทางเมืองปราจีนบุรี ถัดมาก็เป็นการแสดงสงครามกู้ชาติของสมเด็จพระเจ้าตากสิน การแสดงวิถีชีวิตของชาวบ้านเมืองศร๊มโหสถในสมัยโบราณ และชุดสุดท้ายแสดงความเป็นมาของวันมาฆบูชา ได้ทราบข้อมูลคร่าวๆ กันไปแล้ว ไปดูภาพกันเลยดีกว่าครับ แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ไปดูของจริงจะสวยและตื่นตากว่าที่เห็นในภาพหลายเท่าเลยนะครับ +++ การแสดงชุดแรกเป็นการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ในภาพเป็นพระรามกับพระลักษณ์ ++++++ หนุมานและบรรดาวานร ทหารเอกของพระราม ++++++ วานรทหารพระรามอีกภาพ ตัวที่ใส่มงกุฏน่าจะเป็น "องคต" นะครับ ++++++ ภาพนี้เป็นฝ่ายทศกัณฐ์และบรรดายักษ์ลูกสมุน ++++++ เมื่อทั้งสองฝ่ายมาเจอกันก็ต้องมีการสู้รบกัน ++++++ ภาพการต่อสู้ระหว่างฝ่ายพระรามและฝ่ายทศกัณฐ์ ++++++ ฝีมือการแสดงโขนไม่แพ้มืออาชีพเลยครับ ดูอย่างในภาพนี้สิครับ น่าตื่นตามาก ++++++ โขนชุดถัดมาเป็นการเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ++++++ นางสุพรรณมัจฉา นางเอกของค่ำคืนนี้ ++++++ ส่วนพระเอกก็ยกให้เป็นของหนุมาน ++++++ นางสุพรรณมัจฉาจะคอยงอนหนีหนุมาน ++++++ หนุมานก็ต้องคอยตามง้อ ++++++ สุดท้ายก็สมรสสมรัก ++++++ ชุดถัดมาเป็นจินตลีลาเทอดพระเกียรติในหลวง ++++++ จินตลีลาอีกภาพ ++++++ การแสดงวิถีชีวิตของชาวเมืองศรีมโหสถในสมัยโบราณ ++++++ การแสดงร่ายรำโคมไฟ อ่อนช้อยมาก ++++++ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสงครามกู้ชาติ ++++++ ทหารไทยรบกับทหารพม่า ดูน่าตื่นเต้นสมจริงมาก ++++++ การแสดงชุดสุดท้าย แสดงความเป็นมาของวันมาฆบูชา +++สำหรับใน "วันมาฆบูชา" ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. นั้น ในช่วงค่ำจะจัดให้มีการแสดงโอวาทปาติโมกข์โดยคณะสงฆ์ มีพิธีเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และมีจุดตะคันตามประทีปและปล่อยโคมสวรรค์เพื่อเป็นพุทธบูชาด้วย+++ โบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ ประดับไฟสวยงามในวันมาฆบูชา ++++++ การแสดงโอวาทปาติโมกข์โดยคณะสงฆ์ในค่ำคืนวันมาฆบูชา ++++++ บรรดาพุทธศาสนิกชน ร่วมฟังธรรมก่อนเริ่มพิธีเวียนเทียน +++ หลังจากฟังธรรมแล้ว ก็จะเริ่มพิธีเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ ซึ่งผมก็ได้เข้าร่วมพิธีเวียนเทียนนี้ด้วย เพื่อเป็นพุทธบูชาในโอกาสวันมาฆบูชาแบบนี้ ก็เลยไม่ได้มีภาพช่วงเวียนเทียนมาให้ชม แต่ขอบอกว่าเป็นพิธีเวียนเทียนที่ดูเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะประชาชนชาวปราจีนบุรีหลายพันคนพร้อมใจกันมาร่วมเวียนเทียนกันอย่างแน่นขนัด บ่งบอกถึงความศรัทธาในพุทธศาสนาของชาวปราจีนบุรีได้เป็นอย่างดี สำหรับวันมาฆบูชาปีหน้า ผมก็อยากจะขอเชิญชวนมาร่วมงาน "มาฆปูรมีศรีปราจีน" ด้วยกันนะครับ รับรองว่าได้อิ่มบุญกลับไปอย่างแน่นอน สำหรับบล็อกนี้ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีครับ
แต่งตัวกันเต็มยศเรยนะคะ เด็กดื้อ2คนชอบเรยสิคะนี่ ทั้งแสง สี เสียง แถมมีช้างอีก ที่แปดริ้วไม่มีการแสดงแบบนี้เรยค่ะ อยากไปดูบ้างจัง
เด๋วพอดื้อใหญ่รับ บัณฑิตน้อย คุณNETเห็นเด็กๆแต่งตัวกันแล้วจะสุขใจค่ะ มันน่ารักน่าเอ็นดูกันไปหมดคร่า