space
space
space
 
กุมภาพันธ์ 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
space
space
24 กุมภาพันธ์ 2560
space
space
space

เครื่องสำอางค์และเคล็ดลับความงามข้ามศตวรรษ





รื่องเก่าเล่าใหม่

ตอนที่ 14 : เครื่องสำอางค์และเคล็ดลับความงามข้ามศตวรรษ




แน่นอนว่าคงจะไม่มีผู้หญิงคนใดที่ปฎิเสธเรื่องความสวยความงามการบำรุงผิว หรือการใช้เครื่องสำอางค์มาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าหากเราลองย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยยุคกลาง ผู้หญิงฝรั่งเศสเองก็สนใจเรื่องนี้ไม่น้อยเรามารับฟังเรื่องราวของเครื่องสำอางค์ฝรั่งเศสกันดีกว่าค่ะ ว่าพวกเธอมีค่านิยมและมีวิธีเพิ่มความสวยงามกันอย่างไรที่สำคัญคือกว่าผู้หญิงจะสวย ผู้หญิงต้องผ่านกรรมวิธีใดบ้างบทความนี้ให้คำตอบแก่ท่านได้แน่นอนค่ะ


เริ่มต้นในสมัยยุคกลาง ผู้หญิงฝรั่งเศสมีค่านิยมที่ต้องมีผิวและฟันขาวจั๊วะแต่การแต่งหน้าแต่งตานั้นเป็นสิ่งที่กระทำกันเฉพาะในหมู่ผู้หญิงที่ชอบหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายและเนื่องด้วยความเคร่งครัดทางศาสนาที่มองว่าการแต่งหน้าถือเป็นเรื่อง «หลอกลวง» อย่างหนึ่ง ผู้หญิงส่วนใหญ่ในสังคมจึงต้องบำรุงผิวด้วยวิธีธรรมชาติเช่น ดื่มเบียร์เพื่อให้หน้าแดง หรือดื่มน้ำแตงกวาเพื่อลดรอยแผลเป็น ส่วนเรื่องฟันนั้นยากเกินกำลังที่จะทำให้ขาวดังนั้นใครอยากฟันขาวโอโม่แล้วล่ะก็ ให้ใส่กระดูกของวัวแทน


ในสมัยศตวรรษที่ 16 เริ่มมี «มาร์คหน้าใส»เข้ามาเป็นครั้งแรก ผู้หญิงจะใช้เลือดไก่หรือเลือดนกพิราบมาร์คบนใบหน้าเพื่อช่วยลดรอยแดง เมื่อได้หน้าขาวสวยตามธรรมชาติราวกับผลงานประติมากรรมจากพระเจ้าแล้วถัดมาผู้หญิงก็เริ่มดูแลองค์ประกอบอื่นบนหน้า นั่นคือ «ริมฝีปาก» ปรากฎการใช้ลิปสติกสีแดงเป็นครั้งแรก


ต่อมาในศตวรรษที่ 17 «ความงามของดวงตาและแววตา» เริ่มมีอิทธิพลต่อทัศนคติของผู้หญิงฝรั่งเศสอย่างมากพวกเธอเชื่อกันว่า ความสวยงามขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่สื่อออกมา นอกจากนั้นแล้ว «ไฝ» ตามจุดต่างๆบนใบหน้า ยังถือว่าจ๊าบซะไม่มี ถึงกับตั้งชื่อไฝแต่ละจุดกันเลยทีเดียวเช่น ไฝบนหน้าผากเรียกว่า «เจ้าหญิง» ไฝใกล้ตาเรียกว่า «ความน่าหลงใหล»ไฝข้างจมูกเรียกว่า «ใจกล้า» เป็นต้น


ในศตวรรษที่ 18 แก้มแดงๆนั้นบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของผู้หญิงแต่ละคนหากเป็นหญิงสูงศักดิ์ในราชสำนัก มักทาแก้มเป็นสีแดงเข้มแต่หากเป็นหญิงจากครอบครัวไฮโซมีเงิน ก็จะทาแก้มสีแดงอ่อนๆ นอกจากนี้การทาแก้มแดงยังถือเป็นการเบี่ยงเบนสายตาผู้มองแทนที่จะจ้องแต่ตรงฟันผุจากการกินของหวานๆหรือปากซีดไม่ได้ทาก็ให้มองแก้มแดงๆไปแทนแล้วกัน


พระนางมาครี-อองตัวแน็ต (Marie-Antoinette) เข้ามามีบทบาทสำคัญเรื่องเทรนด์ความสวยงาม พระนางเป็นเจ้าหญิงมาจากประเทศออสเตรียจึงนำแนวคิด «งามอย่างธรรมชาติ» เข้ามาเผยแพร่ดังนั้นผู้หญิงสมัยนี้จึงกลับมาหน้าสดกันอีกครั้งภายใต้เทรนด์ «ซีดเสน่ห์» ปราศจากการทาแป้งใดๆทั้งสิ้น


เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 (นับตั้งแต่ค.ศ.1830 เป็นต้นมาแนวโน้มความงามกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าไม่ชอบผิวพรรณหน้าตาเปล่งปลั่งเพราะดูเหมือนคนมีอันจะกิน หากอยากสวยจะต้องเผยหน้าโทรมและผอมแห้งจนทำให้ผู้หญิงในสมัยนั้นดื่มเพียงน้ำส้มสายชูและรับประทานเพียงมะนาวเพื่อประทังชีวิต


แต่เพียงไม่นาน ค่านิยมนี้ก็ผ่านพ้นไปและมีเทรนด์ความสวยงามใหม่มาแทนที่นั่นคือการแต่งหน้าโดยใช้เครื่องสำอางค์มืออาชีพผู้หญิงมักเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆจากรูปลักษณ์แพกเกจจิ้งที่สวยงามโดยไม่ได้สนใจอันตรายที่อาจเกิดจากสารประกอบหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต


จนกระทั่งกาลเวลาล่วงเลยมาถึงศตวรรษที่ 20 ค่านิยมของผู้หญิงในสังคมก็เปลี่ยนไปอีกครั้งพวกเธอคิดว่าความสวยงามนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเทรนด์เดียวกันหมด ผู้หญิงแต่ละคนมีสิทธิ์เลือกความสวยในแบบของตัวเองเลือกเครื่องสำอางค์หรือแนวทางการแต่งหน้าที่เหมาะกับโครงหน้าของตนจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด


ช่วงก่อน ค.ศ.1910 เครื่องสำอางค์และการแต่งหน้ายังถูกมองในแง่ลบกล่าวคือ มักเป็นผู้หญิงอย่างว่าที่ชอบแต่งหน้าทาปาก แต่หลังจากนั้นมาสิทธิเสรีภาพในเรื่องการแต่งหน้าก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถือเป็นการพลิกโฉมแนวคิดของคนในสังคมกระแสการใช้เครื่องสำอางค์แพร่หลายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หรือสถาบันเสริมความงามทั้งหลายที่วางขายเครื่องสำอางค์หลากหลายรูปแบบในราคาแสนถูก


นอกจากนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1906 เป็นต้นมาการผลิตเครื่องสำอางค์ต่างๆ เริ่มได้รับการควบคุมดูแลจากหน่วยงานเฉพาะให้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในวงการเครื่องสำอางค์


ต่อมา เทรนด์ผิวแทนเริ่มฮิตกันอย่างมากผู้หญิงนิยมไปอาบแดดเพื่อให้ผิวกลายเป็นสีแทน ไม่ใช่ซีดขาวเหมือนสมัยก่อนอีกทั้งยังนิยมแต่งตาและปากให้เข้ม นับเป็นที่มาของเครื่องสำอางค์ยี่ห้อดัง Maybelline ที่ได้ผลิต «มาสคาร่า» ขึ้นเป็นครั้งแรกในค.ศ.1913 และยังออกลิปสติกสีแดงแจ๊ดรุ่น «Baiser» เมื่อ ค.ศ.1927 เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจสาวๆกันอย่างมากทีเดียว


หลังจาก ค.ศ.1920 เป็นต้นมา ผู้หญิงฝรั่งเศสมองว่าเครื่องสำอางค์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขพวกเธอเริ่มใช้โลชั่นบำรุงผิวที่ขา


ในช่วงปี 90 กระแส «งามอย่างธรรมชาติ» ก็กลับมาฮิตอีกครั้ง ผู้ผลิตเครื่องสำอางค์เริ่มมองว่าหากเพียงแต่งหน้าแต่ไม่ได้บำรุงผิวพรรณ ก็ไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควรดังนั้นบริษัทเครื่องสำอางค์ยักษ์ใหญ่ L’Oréal จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างคะกับแนวคิดเรื่องความงามของสาวฝรั่งเศสในทุกยุคสมัยในอนาคตหากมีเทรนด์แต่งหน้าหรือแนวคิดใหม่ๆเกี่ยวกับความสวยความงามเนสจะนำมาฝากท่านผู้อ่านแน่นอนค่ะ


Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


สร้างสรรค์บทความโดย..เนส

- เจ้าของเพจ facebook : ปอกเปลือกฝรั่งเศส nesinfrance

- Instagram : nesinfrance

- //www.nesinfrance.wordpress.com




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2560
0 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2560 19:02:16 น.
Counter : 954 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

space

Nesinfrance
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บทความเหล่านี้เขียนโดย " เนส "
ผู้สัมผัสกับประเทศฝรั่งเศสมากว่า 13 ปี เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเบื้องลึกเกี่ยวกับการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวฝรั่งเศสในแง่มุมที่น่าสนใจ

space
space
space
space
[Add Nesinfrance's blog to your web]
space
space
space
space
space