จะฝันถึงเธอทุกคืนที่มีแสงดาว
"จะฝันถึงเธอทุกคืนที่มีแสงดาว เป็นนวนิยายเล่มแรกของคุณประภัสสร เสวิกุล ในโครงการวรรณกรรมเพื่ออาเซียน ซึ่งผ่านการลงพิมพ์เป็นตอนๆในนิตสารสกุลไทยรายสัปดาห์ และจัดรวมเล่มโดยสำนักพิมพ์นานมีบุคส์ นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ในวัยเยาว์ระหว่างเพื่อนชาวไทยและอินโดนีเซีย ที่ไม่ได้เปี่ลยนแปลงตามกาลเวลา ขณะเดียวกันก็บอกเล่ากลายๆถึงประวัติศาสตร์และความเป็นมาของประเทศอินโดนีเซียในช่วงที่ถูกปกครองโดยฮอลันดา การถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชของประธานาธิบดีซูการ์โน จนถึงเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองซึ่งทำให้ประธานาธิบดีซูฮาร์โตก้าวขึ้นมาสู่อำนาจ ซึ่งเชื่อว่าผู้อ่านจะได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินไปได้ในเวลาเดียวกัน" เป็นส่วนหนึ่งจากคำนิยมของคุณหญิงลักษณาจันทร เลาหพันธ์ นายกสมาคมอาเซียน-ประเทศไทย
นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ ชานนท์ เด็กชายชาวสยามที่อพยพตามพ่อซึ่งเป็นครูฆ้องวงในวงพิณพาทย์ของสมเด็จฯเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ คราวที่ทรงลี้ภัยทางการเมืองมาอยู่ที่บันดุง เมื่อมาอยู่ที่พระตำหนักประเสบันนั้น ชานนท์ได้รู้จักกับเพื่อนวัยเดียวกันชาวอินโดนีเซียหลายคน หนึ่งในนั้นคือ วิชยา "เด็กหญิงร่างเล็กอายุในราวแปดเก้าปี รูปร่างผอมบาง ผิวคล้ำ ใบหน้าคมคาย" วิชยาเป็นเด็กหญิงที่มีน้ำใจ คอยช่วยปลอบใจและให้กำลังใจชานนท์ในยามที่เค้ามีปัญหากับพ่อเรื่องที่พ่อต้องการให้เค้าฝึกเล่นฆ้องวง และในเมื่อพ่อบังคับให้ชานนท์เล่นฆ้องวงไม่ได้ นายยวงพ่อของชานนท์จึงให้ลูกชายเดินทางกลับมาที่สยามเพื่อเรียนต่อและอยู่กับนายชื่นน้องชายของภรรยาผู้ล่วงลับของนายยวง ชานนท์และวิชยาจึงต้องห่างไกลกันและสัญญากันว่า
"งั้นฉันจะเฝ้าดูพระอาทิตย์กับพระจันทร์ทุกวันทุกคืน จนกว่าเราจะพบกันใหม่" วิชยาใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่รื้นอยู่ปลายตา "ดวงดาวด้วยก็ได้ "ชานนท์บอกเบาๆ "และเราอาจจะฝันถึงกันทุกคืนที่มองดูแสงดาว" "ฉันจะฝันถึงเธอ..." วิชยาให้คำมั่น "จะฝันถึงเธอทุกคืนที่มีแสงดาว"
และเมื่อมาอยู่ที่สยาม ชานนท์ก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกคนนึงคือดาริน ผู้เป็นหลานของเพื่อนนายชื่นน้าของเค้า แต่ทั้งดารินและชานนท์ก็สนิทกันได้อยู่ไม่นาน เพราะดารินต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ ซึ่งก่อนไปดารินได้พูดกับชานนท์ว่า
"ฉันเชื่อว่าการที่คนเราจะพบกับใครสักคน นั่นหมายความว่ามันจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เป็นเช่นนั้น และก็คงไม่ใช่แค่พบกันเพื่อผ่านเลยไปเฉยๆแต่จะต้องมีอะไรที่รออยู่ข้างหน้า ให้เราได้ทำบางสิ่งบางอย่างร่วมกัน หรือเพื่อกันและกัน"
ระหว่างที่ดารินไปเรียนต่อที่อังกฤษก็เกิดสงครามโลกขึ้นผู้คนในพระนครต้องหนีระเบิดไปต่างจังหวัดรวมทั้งชานนท์และเพื่อนบ้านที่ต้องหนีไปอยู่ราชบุรี ทำให้การติดทางจดหมายระหว่างเพื่อนได้ขาดหายไป ชานนท์ไม่ได้ติดต่อกับวิชยาหรือดารินอีกเลยจนสงครามสงบในอีกหลายปีต่อมา
เมื่อชานนท์เรียนจบและได้ทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งที่จะเปิดสาขาที่อินโดนีเซีย จึงเป็นครั้งแรกที่เค้าได้กลับไปที่อินโดนีเซียอีกครั้ง ในคราวนี้อินโดนีเซียได้รับเอกราชจากฮอลันดา และมีประธานาธิบดีปกครองประเทศ และชานนท์ก็ได้พบกับวิชยาอีกครั้งหลังจากที่เค้าได้รู้ว่าเธอแต่งงานกับซูกิ๊ดโน่หนึ่งในผู้เรียกร้องเอการาชของอินโดนีเซียและได้รับตำแหน่งนายพล ซึ่งชานนท์ก็พบกับวิชยาในงานเลี้ยงที่ซูกิ๊ดโน่จัดขึ้นที่บ้านของเค้า ชานนท์และวิชยาได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาระหว่างที่ขาดการติดต่อกันไป รวมถึงการที่ชานนท์ได้แต่งงานกับดารินและได้หย่าขาดจากกันไม่นานหลังจากที่แต่งงานกัน หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในอินโดนีเซีย ซูกิ๊ดโน่ถูกทำร้ายจากฝ่ายตรงข้ามจนได้รับความกระทบเทือนอย่างรุนแรงจนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิิม แต่วิชยาก็ยังอยู่ดูแลสามีของเธอต่อไป ชานนท์จึงเดินทางกลับกรุงเทพเพราะบริษัทได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเช่นกัน
แต่ต่อมาไม่นานชานนท์ก็กลับมาที่จาร์กาต้าอีกครั้ง ...... "ที่ฉันกลับมาเพราะฉันคิดว่าฉันกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการทิ้งเธอไว้คนเดียวในเวลาที่เธอควรจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง และในเวลาที่เธอเองก็ต้องการคนดูแลไม่น้อยไปกว่าเขาเหมือนกัน ฉันกลับมาเพราะเชื่อมั่นว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอและที่เธอมีต่อฉันตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวันนี้ มันมีค่าและมีความหมายต่อเราสองคนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด -- ไม่จำเป็นหรอกที่คนสองคนซึ่งเข้าใจกันจะต้องอยู่ด้วยกัน ขอเพียงแค่เราอยู่ใกล้กันและดูแลทุกข์สุขของกันและกัน ฉันคิดว่านั่นก็เพียงพอแล้ว".....
"เธออาจไม่รู้ว่า หลายครั้งในชีวิตที่ฉันเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงหรือรู้สึกว่าโลกหรือโชคชะตาโหดร้ายต่อฉันจนแทบทนต่อไปไม่ไหว ฉันก็มีแสงดาวและความฝันของเธอเป็นพลังใจเหมือนกัน " ชานนท์ยิ้มอ่อนโยน
นวนิยายจบลงเพียงเท่านี้ ไม่ได้บอกต่อว่าทั้งวิชยาและชานนท์จะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ทั้งสองจะลงเอยกันหรือไม่ หรือจะมีเพียงมิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดไป นวนิยายบางทีก็เหมือนกับชีวิตคนเช่นกันว่า เราอาจจะไม่รู้ล่วงหน้าว่าชีวิตเราจะเป็นไปในทางใด ความฝันกับความจริงมันอาจจะแตกต่างกันหรือไม่ก็ตาม ความฝันก็มักจะงดงามกว่าความเป็นจริงเสมอ และความฝันก็อาจจะเป็นสิ่งที่เยียวยาความผิดหวังจากความจริงได้...ในบางครั้ง
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2555 |
|
4 comments |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2555 13:57:16 น. |
Counter : 4771 Pageviews. |
|
|
|
ตอนนี้อ่านไปได้ร้อยกว่าหน้าแล้วค่ะ
สนุกดี เนื้อเรื่องชวนติดตาม ถ้อยคำที่ผู้เขียนใช้กินใจมาก บางประโยคเรายังคิดเลยว่า ผู้เขียนคิดได้ไงเนี่ย ใช้ถ้อยคำไพเราะมากจริงๆค่ะ