Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ทริป - สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ทริป - สามชุก //// ลูกหลานมังกร จ.สุพรรณบุรี



ทริปนี้ไปรถน้องชายค่ะ ก็ช่วยกันออกค่าน้ำมันรถให้น้องมันอิอิ ไปแค่ 200 กว่ากิโลจากกรุงเทพค่ะ


ดูแผนที่ของสามชุกก่อนล่ะกันนะคะ



เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพไปรับเพื่อนที่อยุธยาก่อนค่ะ แล้วก็ไปวัดม่วง แล้วก็มาสามชุกกันต่อค่ะ ทริปนี้ไปกันทั้งหมด  6 คนค่ะ หุ้นเงินคนล่ะ 100 บาท ค่าน้ำมัน


เด๋วขอให้ข้อมูลของสามชุกก่อนนะคะ เผื่อเพื่อนๆ อยากมาเที่ยวบ้างค่ะ


ตลาดสามชุกเปิดทุกวันทำการค่ะ และเปิด 08.00-17.00 ของทุกวันนะคะ การเดินทางมาตลาดสามชุกมาได้หลายทางดังนี้ค่ะ


โดยรถตู้


ถ้าไปรถตู้ ขึ้นรถที่กองสลาก ข้างสภาทนายความ กรุงเทพ-สามชุก ค่ารถ120บาท ถึงหน้าตลาดเลยค่ะ


รถส่วนตัวเด๋วมาบอกอีกทีค่ะ






ประวัติตลาดสามชุก




“สามชุก เป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดย ในอดีตสามชุกคือแหล่งที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั้งไทย จีน มอญ ฯลฯ มามีสัมพันธ์ต่อกันในลักษณะของการแลกเปลี่ยน และซื้อขายสินค้า จนพัฒนาไปสู่ การลงหลักปักฐาน สร้างเมืองที่มั่นคงขึ้นมาตาม ประวัติของเมืองสามชุก กล่าวไว้ว่า ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2437 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เดิมชื่ออำเภอ “นางบวช” ตั้งอยู่บริเวณ ตำบลนางบวช โดยมีขุนพรมสภา (บุญรอด) เป็นนายอำเภอคนแรก ซึ่งยังมีภาพถ่ายปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบัน

ต่อมาในปี 2457 ต้นรัชกาลที่ 6 ได้ย้ายอำเภอมาตั้งที่บ้าน “สำเพ็ง” ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น จนกระทั่งปี 2481 สมัยรัชกาลที่ 8 ได้เปลี่ยนชื่อจาก “อำเภอนางบวช” มาเป็น “อำเภอสามชุก” และย้ายมาตั้ง อยู่ริมลำน้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผ่านคลอง มะขามเฒ่า


แต่เดิมบริเวณที่ตั้งอำเภอสามชุกเรียกว่า “ท่ายาง” มีชาวบ้านนำของป่าจากทิศตะวันตกมาค้าขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ บ้างก็มาจากทางเหนือ บ้างก็มาจากทางใต้ เป็น 3 สาย จึงเรียกบริเวณที่ค้าขายนี้ว่า “ สามแพร่ง “ ต่อมาได้เพี้ยน เป็น สามเพ็ง และสำเพ็งในที่สุด ดังปรากฎหลักฐานกล่าวไว้ในนิทานพื้นบ้านย่านสุพรรณมีเรื่องกล่าวต่อไปว่า ในระหว่างที่คนมารอขายสินค้าก็ได้ตัดไม้ไผ่มาสานเป็นภาชนะสำหรับใส่ของขาย เรียกว่า “กระชุก” ชาวบ้านจึงเรียกว่า “สามชุก” มาถึงปัจจุบัน


อำเภอสามชุกเดิมมีพื้นที่ 774.9 ตารางกิโลเมตร ต่อมาในปี 2528 ได้มีการตั้งอำเภอหนองหญ้าไซ จึงแบ่งบางส่วนออกไป ยังคงเหลือเพียง 362 ตารางกิโลเมตร


ตลาดสามชุก เป็นตลาดสำคัญในการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญในอดีต ตั้งแต่เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสุพรรณบุรี แต่เมื่อถนนคือ เส้นทางจราจรทางบกที่เข้ามาแทนที่การเดินทางทางน้ำ ทำให้คนหันหลังให้กับแม่น้ำท่าจีน ความสำคัญของตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าริมน้ำเริ่มลดลง บรรยากาศการค้า ขายในตลาดสามชุกเริ่มซบเซา และเมื่อต้องแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และตลาดนัดภายนอก ทำให้ร้านค้าภายในตลาดต้องหาทางปรับตัว และเมื่อราชพัสดุ เจ้าของที่ดินที่ชาวบ้านเช่าที่ดินมายาวนาน ดำริจะรื้ออาคารตลาดเก่า สร้างตลาดใหม่ จึงทำให้ชาวบ้านพ่อค้าที่อยู่ในตลาดสามชุก ครูอาจารย์ที่เห็นคุณค่าตลาดเก่า รวมตัวเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ระดมความคิด หาทางอนุรักษ์ตลาดและที่อยู่ของตนไว้ และหาทางฟื้นคืนชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เป็นที่มาของกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใช้การท่องเที่ยวศึกษาวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ประวัติศาสตร์ชุมชน เป็นเครื่องมือการพัฒนาอาคารไม้เก่าแก่ ในตลาดสามชุก ที่ก่อสร้างเป็นแนวตั้งฉากกับแม่น้ำท่าจีน เป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าเป็นลักษณะของตลาดจีนโบราณ เป็นชุมชนชาวไทย-จีน ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ลวดลายฉลุไม้ที่เรียกว่าลายขนมปังขิง ซึ่งเท่าที่พบในตลาดนี้มีถึง 19 ลาย คือ ศิลปะตกแต่งอาคารไม้โบราณ ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน หากไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ก็ย่อมสูญหายไปเช่นเดียวกับตลาดโบราณอื่นๆนอก จากสถาปัตยกรรม อาคารไม้โบราณที่พบเห็นได้ตลอดแนวทางเดิน 2 ข้างทางเดินในตลาด วิถีชีวิตบรรยากาศภายในตลาดการค้าขายที่ยังคงรักษาวิถีแบบดั้งเดิมเช่นใน อดีต และบรรยากาศน้ำใจอัธยาศัยไมตรีของแม่ค้า ข้าวของเครื่องใช้ ขนมอาหารที่นำมาตั้งขายในตลาด เป็นสิ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาเพื่อให้ผู้ชมได้ดูชั่วครั้งชั่วคราว แต่เหล่านี้คือ วัฒนธรรมที่สืบเนื่องจากอดีต บ่มเพาะมาเป็น 100 ปี
นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ ไม่รู้เบื่อ อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้องอย่างไม่รู้ตัว และทำให้ตลาดสามชุก แห่งนี้ได้รับขนานนามว่าตลาด 100 ปี พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต






เราเดินหน้าไปสามชุก ก็ถ่ายป้ายสามชุกตามที่เค้าไปถ่ายกันค่ะ





ถ่ายกะเพื่อนร่วมทริป เพื่อนรัก เพื่อนที่ทำงาน



ผู้คนเยอะจริงๆ เดินไปดูข้างในกันดีกว่าค่ะ


ที่สามชุกเปิดเวลา  08.00-17.00 รีบมาก็ดีค่ะ เนื่องจาก มาก่อนก็มีที่จอดรถค่ะ คันล่ะ 20 บาท วนๆหาเอาล่ะกันนะคะ



ที่แรกที่เราไปคือ บ้าน ขุนนำนงค์ค่ะ



มุมไฮโซ





เตียงนอนสมัยก่อนอิอิเก่าดีจัง



ถ่ายกะเพื่อนค่ะ



ของขายเยอะจัง



เริ๊ด



5555 ช่วงนี้อืดมากมายเลยค่ะ




ร้านบ้านโค๊ก เสียค่าเข้าคนล่ะ 5 บาทค่ะ



ชื่อพี่ต้นค่ะ ผู้หญิงชื่อต้นอิอิ สวยป่ะล่ะ



คิดว่ามิดแล้วคะ



การ์ดสามชุก ใบล่ะ 15 บาท






ภาพไกลๆค่ะ


แล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์ลูกหลานมังกรด้วยค่ะ ถ่ายที่ป้ายของศาลหลักเมืองไปเที่ยวกันคะ










Create Date : 07 มกราคม 2553
Last Update : 2 มีนาคม 2553 19:52:14 น. 2 comments
Counter : 1140 Pageviews.

 
ไปมาเหมือนกัน คนสุพรรณครับ


โดย: tr IP: 172.28.39.52, 203.172.127.2 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:16:40:06 น.  

 
เมื่อก่อนบ้านเค้าก้ออยู่แถวศาลเจ้าพ่อเนี่ยแหละ


โดย: เบญ IP: 183.89.36.251 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา:3:41:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nenejung N Nuy
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Nenejung N Nuy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.