[Y]มาแชร์ประสบการณ์ความรักให้ฟังครับ 10
หลังจากที่ผมโดนเพื่อนๆแซวกันไป1ชุดใหญ่

พวกผมก็เลือกที่จะไปกินข้าว แล้วเล่นดอทเอกัน

“คิลแมร่ง!!”
“วิ่งตุ๋ยสิวะ!”
“All C”

พวกผมส่งเสียงเอะอะโวยวายภายในร้านเกมอย่างเสียงดัง

ผ่านไปประมาณ2ชม. ตอนนี้ก็1ทุ่มแล้ว พวกผมก็เลิกเล่นกัน เพราะยิ่งเล่นก็ยิ่งเฟล ใช่ครับ! พวกผมแพ้3ตาติด

“เพราะมรึงเลย มัวแต่คุยบีบี ไม่สนใจเกม”

เอาแล้วครับ เพื่อนผมกำลังจ้องหาแพะรับบาป

“ไอฟาย ไม่ต้องเลย มรึงอ่ะ มัวแต่ฟาร์ม แล้วไม่เกิด”

ผมหันไปแขวะไอคนที่ด่าผม

บางคนกำลังสงสัย ว่าทำไมเล่นเกมแค่นี้ ถึงกับต้องเอาจริงเอาจัง แต่ถ้าคนที่เล่นจะรู้ครับ ว่าเกมนี้

เป็นเกมแห่งศักศรีดิ์!!! อันนี้ผมก็เว่อร์ไป

พวกผมเถียงกันไปพักใหญ่ ว่าใครกันแน่ที่ทำให้แพ้ แต่ไม่ต้องตกใจครับ เป็นอย่างนี้ประจำ

หลังจากที่เดินออกจากร้านเกม มาสู่ถนนใหญ่ พวกผมก็ต้องตกใจ เพราะขนาด1ทุ่มแล้ว รถมันยังโครตติด!!

สงสัยจะเป็นเพราะฝนตกตอนเช้า เที่ยง แล้วก็เย็น นิดหน่อยแน่ๆเลยครับ

พวกผมเลยตัดสินใจที่จะไปหาร้านนั่งชิลๆ คุยกัน

นั่นก็คือ ร้านเบียร์!!!

ใช่ครับ กลุ่มผมมีแต่ผู้ชายอยู่แล้ว ไอเรื่องแบบนี้เนี่ย ถือเป็นเรื่องปกติเลยครับ

วันไหนฝนตก ก็ไปนั่งกินเบียร์ วันไหนรถติด ก็ไปนั่งกินเบียร์ วันไหนแพ้ดอทเอ ก็ไปนั่งกินเบียร์!!!

แน่นอนครับ ผมไม่ลืมที่จะบอกเขาก่อน ว่าแต่ ทำไมกูต้องบอกเขาด้วยวะ

“เห้ยมรึง วันนี้กูไปนั่งกินเบียร์นะ พวกมันจะไปกัน”

ผมหยิบบีบีขึ้นมาพิมพ์ก่อนที่จะส่งให้เขาไป รออยู่สักพัก ก็ไม่เห็นว่าเขาจะอ่านสักที ผมเลย เก็บบีบีใส่กระเป๋า แล้วมุ่งหน้าตรงเข้าหาบ้านหลังที่สอง

พวกผมเลือกที่จะนั่งชิลๆกัน กินพอประมาณไม่ให้เมามาก เพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้า แถมยังโดดไม่ได้ด้วย

แต่ละคนก็เล่าเรื่องส่วนตัวของตัวเองบ้าง เล่าเรื่องตลกบ้าง ปะปนกันไป บ้างก็มีแซวเรื่องความรัก บ้างก็หันมาแซวผม - -!!!

“มรึงมากินครั้งนี้ บอกสามีมรึงรึยังค๊าบบบบบบบ”

เป็นไอจอร์นตามเคยครับ ที่เปิดประเด็นขึ้นมา ไอนี่แมร่ง!! เริ่มก่อนตลอด

“ฮิ้ววววววว กูว่านะ เดี่ยวแมร่งตามมาชัวร์” เพื่อนผมอีกคนสบทบมาใหญ่

ส่วนผมนะหรอ นั่งทำหน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก็เพราะพวกมันแซวกันบ่อยจนผมชินไปแล้ว จะให้ปฏิเสธก็จะหาว่าโกหก จะให้ยอมรับก็เกินไป ก็เลยเลือกที่จะนั่งเฉยๆ ส่งยิ้มกลับไปบ้าง ด่ากลับไปบ้าง

แต่เหมือนฟ้าจะดลใจ บีบีผมส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที

“นั่นแน่ๆๆๆๆๆๆ เดาไม่ผิดจริงๆเลยกู” มันแซวกันอีกแล้วววววว

“พวกมรึงก็ตลอด เป็นคนอื่นบ้างไม่ได้รึไงวะห๊ะ!” ผมพูดกับพวกมัน

พวกมันหัวเราะกันใหญ่ ก่อนที่คนหนึ่งจะพูดขึ้นมาว่า

“ไอฟายเอ้ยยยยยยยยย ยังจะมีใครมาหลงมรึงได้เท่ากับเพื่อนกูอีกหร่ะ 55555555” แน่นอนครับ ไอจอร์น!!!

ผมไม่สนใจ หันไปหยิบบีบี แล้วยกขึ้นมาอ่าน

อืม เป็นเขาจริงๆด้วยแฮะ ^^

“พรุ่งนี้ไม่มีเรียนกันหรอวะ”

เขาถามผมครับ แล้วผมก็รีบตอบกลับไป

“มีดิ เช้าด้วย ก็เลยนั่งชิลกัน คงไม่เมาหรอก”

เขาอ่านแล้วครับ แต่ไม่ตอบกลับมาทันที

ตอนนั้นผมจำได้ครับ ว่ากระวนกระวายใจ ทำไมเขาอ่าน แต่ไม่ตอบ เป็นอะไรรึเปล่า หรือว่าจะโกรธ สับสนไปหมดครับ แต่ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปกว่านี้ เขาก็พิมพ์ส่งกลับมา

“อืม งั้นก่อนจะกลับ บีบีมาบอกกูก่อน”

ค่อยโล่งอก ที่เขาไม่โกรธผม

แต่เอ๊ะ!!! กลับมาย้อนคิด แล้วทำไมเขาจะต้องโกรธผมหร่ะ เขาน่าจะเข้าใจด้วยซ้ำว่า ผู้ชาย เรื่องกินเหล้ากินเบียร์มันเป็นเรื่องปกติ อืมมมม สงสัยผมจะคิดมากไปเอง เขาคงไม่คิดอะไรหรอก

ผมคิดกับตัวเอง ก่อนจะพิมพ์ส่งกลับไป

“ได้คร๊าบบบบบบบบ”

อิอิ ผมยังไม่เมาหรอกนะ แต่ถ้าเขาโกรธจริงๆ ก็อยากทำให้เขาสบายใจหน่อย

แล้วเขาก็พิมพ์ตอบกลับมา

“อย่าลืมนะมรึง”

ผมยิ้มอ่านแต่เลือกที่จะไม่ตอบกลับ เดี๋ยวมันจะยาว  แล้วผมก็วางบีบีไว้บนโต๊ะ หันไปคุยกับเพื่อนๆต่อ

เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง พวกผมก็เริ่มอิ่มตัว....หมายถึงเริ่มไม่ชิลหร่ะ ก็เลยตัดสินใจปิดวงสนทนา แล้วแยกย้ายกลับบ้าน

แน่นอนครับ ผมไม่ลืมที่จะบีบีหาเขา แมร่ง!เหมือนกูเป็นเมียเลย

“กำลังจะกลับกันหร่ะนะ”

เร็วทันใจครับ เขาอ่านทันทีแล้วตอบกลับมาจนผมแทบจะตกใจ

“อืม แล้วไปไหนต่อ”

เอ่อะ คำถามนี้ ไม่น่าถามนะ กลับบ้านสิวะ ให้กูไปตีกอล์ฟต่อรึไง

“- - กลับบ้านสิวะ” ผมตอบแบบขมวดคิ้วกลับไป

ตอนนี้เพื่อนผมบางคนกำลังขึ้นแท็กซี่กลับกันแล้ว เหลือแค่1คน ที่กลับทางเดียวกันกับผม

“เห้ย จะกลับยังวะ กูง่วงแล้ว”

มันหันมาตะโกนเรียกผมครับ พร้อมกับที่บีบีผมสั่นพอดี

“งั้นรอกูที่นั่นแหละ ตอนนี้กูอยู่ม.มรึง เดี๋ยวกูไปรับ”

Chipหายยยยยยย ทำไมมรึงมาอยู่ม.กูวะ!!! แล้วทำไมมรึงจะมารับกูวะ!!!

ผมงงนิดๆก่อนจะส่งกลับไป

“- - กูงงวะ”

55555 ตลกตัวเองครับ บทจะงงก็งง แถมยังส่งไปแบบตรงๆอีก

“เห้ย กลับได้แล้ว กูง่วงแล้วโว้ย!!!”

ไอเพื่อนผมก็เร่งใหญ่ ส่วนผมก็งง ว่าจะเอายังไงดี

แล้วเขาก็ตอบกลับมา

“ตามนั้นไง รอกูที่นั่น เดี่ยวกูไปรับ”

ผมอ่านจบปุ๊ป ก็เลยตะโกนไปบอกเพื่อน

“มรึงกลับก่อนเลย เดี่ยวกูต้องเอาของไปให้ญาติวะ เขารีบใช้”

เห้ย!! แมร่งคิดได้ไง เจ๋งวะ หรือเพราะอารมณ์เมาเนี่ย

ผมตกใจกับคำพูดโกหกของตัวเอง มันก็คงงงเหมือนกัน เพราะผมเห็นมันทำหน้างงๆ ก่อนจะบอกลาผม แล้วขึ้นแท๊กซี่กลับไป

ผมนั่งรอเขาที่ร้านไม่นาน เขาก็ขับรถมาเทียบฟุตบาท แล้วเรียกผมขึ้นไป

“มรึงมาทำไรที่ม.กูวะ”

ไม่ทันให้ความสงสัยหายไป พอขึ้นรถปุ๊ป ผมก็ถามเขาเลย

“กูมาหาน้องโรงเรียนที่ม.มรึง แล้วคุยเพลิน หันมาดูบีบี เห็นมรึงไปกินเบียร์ ตอนแรกก็กะว่าจะไปหา แต่ไม่ไปดีกว่า อยู่คุยกับน้องต่อ”

เขาตอบกลับมาเป็นประโยคยาวเลยครับ

ผมนั่งนิ่งไปสักพัก เพราะกำลังคิดตามกับสิ่งที่เขาพูดอยู่

อืม ตอบตรงคำถามแฮะ

แต่ไม่พอครับ ผมยังสงสัยอีกอย่าง

“แล้วมรึงมารับกูทำไม”

ใช่ครับ มารับกูทำไม กูงง

เขาเลือกที่จะนั่งเงียบ ปล่อยให้ผมจ้องหน้าเขา แต่เขาจ้องมองถนนไปยังข้างหน้า ตอนนี้รถยังจอดอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนที่ไปไหน

ผมกำลังจะเอ่ยปากถามอีกรอบ เขาก็ตอบกลับมา

“กูอยากดูหนังว่ะ”

แล้วเขาก็ขับรถออกไปเลย - - !!! WTFFFFFFF !!!

ไอเชรี่ยนี่!!! ไม่ตอบคำถามกูแถมยังตอบผิดประเด็นอีก แล้วนี่ จะไปดูหนัง ถามกูซักคำยัง กูก็เมานะ ไม่ใช่ไม่เมา เห็นแบบนี้ก็เถอะ หันมามองหน้ากูสิ หน้ากูแดงเป็นกวนอูแล้วเนี่ย แล้ววันนี้ก็ดูไปแล้วไม่ใช่หรอวะ จะดูอีกทำมายยยยยยย!!!!

ตอนนี้ผมอยากให้คุณๆเข้าใจผมหน่อยนะครับ

ผม ซึ่งกินเบียร์มา กะจะชิล แต่ก็ค่อนข้างเมา ถึงจะไม่เมามาก แต่ก็ได้ที่อยู่ ถ้าหัวถึงหมอนเมื่อไหร่ ก็หลับเมื่อนั้น

แต่เขา มารับปุ๊ป ก็ขับรถออกไปลากผมไปดูหนัง!!!

ไม่ถงไม่ถามสุขภาพกูสักคำ!!!

ผมเถียงกับเขาในรถว่า ผมเมา ไม่ไหว ง่วง แต่เขาก็ไม่สนใจ พูดแต่ประโยคเดียว

“เอาหน่า ไปนั่งดู หลับไปก็ได้ กูอยากดูอ่ะ”

อืม พูดมางี้ มรึงจ่ายเงินเลยนะ เพราะกูคงหลับชัวร์ๆ

หลังจากที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดในตัวห้าง

เขาก็เดินนำลิ่วไป โดยที่ไม่หันกลับมามองเลยว่า ผมจะเดินเซ ก้มหน้า ลูบหน้า หยุดนิ่ง สูดหายใจเข้า ถอนหายใจออก ตั้งสติ ดึงตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนคนปกติแค่ไหน

‘แมร่ง ลากกูมาดูหนัง แล้วไม่ดูแลกูเลยนะ’ 

ตอนนี้เขาหายไปแล้วครับ ผมได้แต่เดินไปยังที่ๆเขาน่าจะรออยู่

เคาน์เตอร์จองตั๋วครับ

แต่พอไปถึง ก็เห็นเขายืนรออยู่พร้อมกับตั๋วหนังสองใบ

“ช้าจังวะ กูซื้อเสร็จหล่ะ”

เขาบ่นกับผม

!!!! บ่นกับผม!!!! มรึงมาบ่นอะไรกู กูสิควรจะบ่นมรึง!!! ผมเริ่มมีน้ำโห

ผมเดินหน้ามุ่ยตรงไปหาเขา ยืนประชิดข้างหน้า เงยหน้าจ้องหน้าเขา (เพราะเขาตัวสูง) เขาจ้องหน้าผมกลับไปหลบสายตา 

จนเป็นผมเอง ที่หลบสายตาเขาแล้วถอยห่างออกมา

โอยยยยย!!ชีวิตคนตัวเตี้ย ช่างน่าเศร้า :((((

ผมยืนก้มหน้านิ่ง กำลังจะด่าเขาในใจ แต่ก็ไม่ทัน เพราะเชาเดินเข้ามาหาผมก่อน

“หนังเข้าแล้วนะ จะไปเลยมั้ย หรือจะนั่งพักก่อน”

โอ้วววโน้ววววว!!! อย่ามาทำเสียงอบอุ่น กูจะเคลิ้ม พูดกับกูปกติสิ เดี่ยวกูทนไม่ไหวนะ

ใช่ครับ แทนที่เขาจะเดินมาหยุดตรงหน้าผม แล้วกระชากผมให้เข้าไปในโรงหนัง ตามฉบับหนังไทย

แต่เขากลับพูดเสียงอบอุ่น แลดูเป็นห่วง แถมยังเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆอีก !!!

จากที่อารมณ์โมโหขึ้นหน้า ตอนนี้ผมว่าผมกำลังหน้าแดงครับ ไม่รู้เพราะว่าเมาหรือเขิลกันแน่

ผมเงยหน้ามองเขา ไม่รู้ผมใช้สายตาแบบไหน หรือใช้สีหน้าแบบไหน เขาเลยจับมือผม มาวางไว้ที่ปลายเสื้อด้านหลัง เหมือนกับจะให้ผมจับเสื้อเขา ซึ่งผมก็ทำตามแต่โดยดี ไม่มีขัดขืน

จากนั้นเขาก็เดินนำไป ไม่พูดอะไรสักคำ

ผมรู้ตัวครับ ว่ากำลังทำอะไรอยู่ สมองผมสั่งให้ปล่อยมือออก แต่ร่างกายผมกลับไม่ทำตาม

ผมเดินตามเขาไปทั้งๆที่มือข้างนึงกำลังดึงชายเสื้อเขาอยู่

หันไปมองรอบข้าง สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผมก่อนจะหัวเราะคิกคัก

หน้าโรงหนังตอนนี้คนค่อนข้างเยอะครับ อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาแค่4ทุ่ม ไม่ดึกมาก เด็กหอแถวนี้เลยมาดูหนังกัน ซึ่งปกติแล้ว ผมกับเขาจะมาดูหนังรอบ5ทุ่มเที่ยงคืนมากกว่า ก็เลยไม่นึกว่า4ทุ่มคนจะเยอะแบบนี้

เขาเดินนำหน้าผม ไม่สนสายตาคนรอบข้าง ตรงดิ่งไปที่ฉีกตั๋ว ก่อนจะเดินไปหน้าโรงหนัง

พอถึงหน้าโรงหนังซึ่งคนไม่ค่อยเยอะ เพราะหนังเริ่มฉายไปแล้ว เขาก็หันมาจับแขนผม ดึงออกจากเสื้อเขา

‘สงสัยกลัวเสื้อเสียทรง’

ผมคิดเองเออเอง แล้วก็แอบเสียใจนิดๆ

แต่ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในโรงหนังมืดๆคนเดียวแบบไม่มีที่ยึดเกาะ เขาก็หันมาจับแขนผม แล้วพาผมเข้าไปนั่ง

ไม่ได้จับมือนะครับ จับแขน ^^

หนังดำเนินไปอย่างสนุกสนาน จากที่ผมเมานิดๆ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว

เขานั่งดูหนังหัวเราะสนุกสนาน ต่างจากผมที่หัวเราะไป ลูบแขนตัวเองไป เพราะอากาศในโรงหนังมันหนาว แถมผมยังกินเบียร์มา ยิ่งทำให้ผมหนาวง่ายเข้าไปอีก

เขาหันมามองผมหลายรอบเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะทำอะไร

จนผมทนไม่ไหวเพราะหนาวมาก เลยเอื้อมมือไปจับแขนเขา เพราะผมเคยอ่านเจอว่า เนื้อกับเนื้อ จะทำให้อบอุ่นได้

แล้วมันก็ช่วยได้ครับ เพราะมันอุ่นขึ้นจริงๆ

เขาหลุบตาลงมามองมือผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม แล้วเอียงตัวมากระซิบให้ผมได้ยิน

“หนาวมากหรอวะ”

เออสิ ไอสัส! เห็นกูสั่นยังงี้เพราะบีบีรึไง

ผมหันไปตอบเขา

“เออ หนาวว่ะ”

เขาแค่พยักหน้านิ่ง ก่อนจะหันไปดูหนังต่อ

หนังดำเนินไปเรื่อยๆของมัน เหมือนกับผมที่ยังคงสั่นไปเรื่อยๆของผม

หลังจากที่ผมจับแขนเขาแน่น จนผมรู้สึกว่าแน่นเกินไป ผมเลยคลายมือออกมากอดตัวเอง ก่อนที่จะเอามือซุกไปที่ขาเพื่อให้มันอุ่น

ผมแอบเห็นเขาหันมามองครับ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร (นี่กูหวังอะไรรึเปล่าเนี่ย)

ผมเริ่มสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ เอามือป้องปาก เป่าลม ถูไปมา เอามาจับคอ เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อให้หายหนาว

เขาหันมามองผม ก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนทำแบบนี้กับผม ไม่พอ เป็นผู้ชายด้วยนี่สิ!!!

..............

หลังจากเขาหัวเราะเสร็จ เขาก็เอื้อมมือมาหาผม

เขาจับแขนผม ก่อนที่จะไล่ลงมาจับมือ!!! ใช่ครับ จับมือ!!!ไม่พอแค่นั้น เขาดันนิ้วผมให้กางออก แล้วเสียบนิ้วเขาเข้าไปยังช่องว่างนั้น!!! ใช่ครับ ประสานมือ!!! ผมชักมือกลับเบาๆ แต่เขาก็ไม่ปล่อย

ตอนนั้นผมตกใจ หันไปจ้องหน้าเขา เขาไม่หลบสายตาผม จ้องผมกลับ พร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่อะไรทั้งสิ้น

ผมเขิลมากครับ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ก็เลยหันไปมองจอหนัง แล้วจ้องครับ ไม่ได้ดู

เขาก็เลือกที่จะหันกลับไปที่จอหนัง แต่ผมไม่รู้ครับ ว่าเขาจ้อง หรือดู

จากที่เราประสานมือกันที่เบาะผม บนตัวผม เขาก็ยกมือผมขึ้น แล้วเอาไปวางบนตักเขา โดยที่ไม่หันมามองผมเลย

ตอนนี้จิตใจผมเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้วครับ ไอ้ที่หนาวๆสั่นๆหน่ะ หายไปหมดเลย กลายเป็นร้อน ควันออกหูแทน

เหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าผมไม่สั่นแล้ว ก็เลยเอนตัวมากระซิบผม

“หายหนาวแล้วหรอวะ”

แมร่งงงงง! ฆ่ากูเถอะ!!! ประโยคนี้ กูรู้เลย ไม่ใช่ประโยคคำถาม!! แต่เป็นประโยคเยาะเย้ยยยยยย!!!

โอยยยยย ผมยิ่งเขิลเข้าไปอีก ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่จ้องจอหนัง

หนังก็ยังฉายต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเริ่มอาการดีขึ้น จากที่จ้องจอหนัง กลายเป็นเริ่มดูหนังหร่ะ และจากที่หนาวสั่น ตอนนี้ก็เข้าโหมดอบอุ่น

ถึงแม้ผมจะหายสั่นแล้ว แล้วก็พยายามชักมือกลับมาที่ตัวเอง แต่เขาก็เลือกที่จะจับมือผมไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย จนผมต้องปล่อยเลยตามเลยให้เขาประสานมือผม >< ไปจนหนังจบ

พอไฟเริ่มสว่าง ผมก็เลยชักมือกลับอีกที ซึ่งคราวนี้ เขายอมปล่อยมือออก แต่ก็ยังหันมายิ้มให้ผม

เอามีดมาแทงกูเถอะ!!!!!

เราสองคนเดินออกมาจากโรงหนังแล้วตรงดิ่งไปยังรถ เพื่อที่จะกลับคอนโด

ภายในรถเงียบสงัด ไม่มีบทสนทนาใดๆทั้งสิ้น มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอไปให้รู้ว่า โลกนี้ยังมีเสียง

ผมเลือกที่จะไม่ถามว่าเขาจับมือผมทำไม เหมือนกับเขาที่เลือกที่จะไม่พูดถึงเหตุการณ์นั้น

พอเขาขับรถมาถึงคอนโดผม เขาก็ทักทายพี่ยามปกติ แล้วรอผมเดินเข้าตึกไป ก่อนจะขับรถกลับบ้าน

ผมอาบน้ำเย็นเพื่อล้างความเมาที่หลงเหลืออยู่นิดเดียว แล้วออกมานั่งปลายเตียง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“อะไรวะเนี่ย กูงงไปหมดแล้ว” ผมพูดกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองบีบี ที่ส่งเสียงดังมา

ผมหยิบขึ้นมาอ่าน

“ถึงบ้านหล่ะ อาบน้ำนอนไป”

ผมสะบัดความคิดมากมายทิ้งก่อนที่พิมพ์กลับไปหาเขา

“อืม อาบเสร็จหล่ะ เดี่ยวกูนอนแล้วนะ”

พิมพ์เสร็จผมก็วางบีบีไว้ แล้วเดินไปใส่ชุดนอนลายสก๊อต เตรียมตัวเข้านอน แล้วก็ต้องหยิบบีบีมาอ่าน เพราะมันส่งเสียงดังอีกครั้ง

แล้วผมก็อึ้ง!!!!!!!!

!!!!! โอ้ยยยยยยยย ไอเชรี่ยยยยยยย มรึงจะเล่นไปไหนนนนนนนนน กูเขิลนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! อย่ามาทำแบบนี้ๆๆๆๆๆ กูสับสน กูใจเต้น กูไม่ไหวแล้ววววววววว!!!

ผมโยนบีบีไปที่โซฟา ก่อนจะล้มตัวลงนอน

แน่นอนครับ นอนไม่หลับ!!!

เพราะคำพูดของไอยักษ์นั้นคำเดียว!!!

“ถ้าหนาวอีก ก็บีบีมาหากูแล้วกัน 5555555”



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2555 0:18:44 น.
Counter : 5111 Pageviews.

4 comments
  
โอ้ยยยยยยยยย น่าร๊ากกกอ้ะ
ถ้าหนาวอีก ก็บีบีมาหา กรี๊ดๆ ชอบค่ะประโยคนี้
โดย: Gottomon IP: 124.120.231.185 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:49:37 น.
  
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย หนาววววววววววววววววววอะ
โดย: taran IP: 171.6.236.65 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:41:34 น.
  
โอ็ยยยยยยยย ละลายอ่ะเจอแบบนี้เข้าไป
โดย: pednoii IP: 58.9.66.64 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:14:07:48 น.
  
กรี๊ดดดดด อยากหนาววววววววววว ถ้าหนาวแล้วเป็นแบบนี้คงละลาย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
โดย: (>< IP: 118.174.216.95 วันที่: 6 มิถุนายน 2557 เวลา:2:16:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แนวนิ้วนิ้วแนว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]



New Comments
พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
26 พฤศจิกายน 2555
All Blog