Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
อุบายร้อนซ่อนกลรัก - 4 > เนื้อคู่...ประตูถัดไป!




มธุชาย่นคิ้วอีกครั้งเมื่อเสียงเรียกเข้ามือถือเจ้าปัญหาเครื่องเดิมดังขึ้น หญิงสาวคิดจะไม่รับแล้วเอาไปฝากเจ้าของร้านเลย แต่พลันนึกได้ว่าตัวเองดั้นด้นมาที่สนามบินนี่เพราะเหตุใด

บางทีอาจจะเป็นเขาก็ได้นี่...ถ้าเจ้าของเครื่องเป็นผู้ชายน่ะนะ

หญิงสาวกดรับสายอีกครั้งและรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน

“ขอโทษนะครับ ผมเป็นเจ้าของมือถือเครื่องนั้น ไม่ทราบว่าคุณยังอยู่ที่ร้านเดิมรึเปล่า ผมยังอยู่ที่สนามบิน จะขอไปรับคืนตอนนี้เลยได้มั้ยครับ”

“ได้ค่ะ แต่ฉันกำลังจะออกจากร้านอาหารแล้ว ฉันต้องไปรอเพื่อนที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า คุณไปเจอฉันที่นั่นได้มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นระรัวไปด้วยความหวัง เสียงเขาไพเราะใช้ได้ แต่ว่ากันว่าผู้ชายเสียงเพราะมักจะหน้าตาไม่ได้เรื่อง เธอจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นเองกับตา

“ได้ครับ แต่ผมต้องรอพี่ชายแป๊บนึง ถ้าคุณไม่รีบมากก็รออยู่แถวนั้นก่อนได้มั้ย”

“โอเคค่ะ” หญิงสาวรับคำมั่นเหมาะ ก่อนจะอมยิ้มจนแก้มปริ แทบจะเก็บความยินดีเอาไว้ไม่อยู่

ขอให้การไล่ล่าของมัดสิ้นสุดลงในวันนี้ด้วยเถอะนะคะพระพรหมเจ้าขา...ขืนมัดต้องออกตามหาเจ้าชายในฝันทุกวันอย่างงี้ มีหวังมัดต้องกลั้นใจตายก่อนแน่ ขอให้ใช่คนนี้ทีเถอะค่ะ เพี้ยง!

มธุชาเดินกะเผลกด้วยยังระบมที่สะโพกไม่หายเข้าไปในอาคารผู้โดยสารขาเข้า เพราะความเร่งรีบทำให้เดินขาขวิดจนเสียหลักและล้มลงอย่างหมดท่าบนพื้นโล่งๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ไม่ต่างจากสถานการณ์ในรถไฟฟ้าใต้ดินเลยสักนิด

หัวเข่าของเธอกระแทกพื้นแข็งๆ อย่างเลี่ยงไม่พ้น ดีที่เบี่ยงตัวไว้ด้วย ถ้าลงไปเต็มเข่าได้กระดูกแตกกันพอดี หญิงสาวเบ้หน้า น้ำตาคลอเพราะความเจ็บปวด ทั้งแผลเก่าแผลใหม่ประโคมกันเข้ามาซ้ำเติมคนสวยจนอยากกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด

สวรรค์เจ้าขา...จะแกล้งมัดอีกกี่ครั้งถึงจะสาแก่ใจคะ ขอถาม!

หญิงสาวเงยหน้ามองผู้คนรอบข้างด้วยความอับอายขายหน้าระลอกที่สองของวัน ก่อนจะก้มหลบด่วนจี๋ด้วยไม่อยากให้ใครจดจำภาพคนสวยจับกบกลางสนามบินได้ แต่จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น มันเจ็บระบมซ้ำสองจนน้ำตาเล็ด ในใจก็บ่นกระปอดกระแปดด้วยความอัดอั้น

ทำไมคนสวยเลือกได้อย่างฉันถึงไม่มีพระเอกมารับร่างไว้เวลาหกล้ม ทำไมต้องให้ฉันเจ็บตัวทุกที ไม่เห็นจะเหมือนในนิยายเลย ฮือ!

ในขณะที่เธอกำลังยักเย่ยักยันจะยืนขึ้นให้ได้ก็มีมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้าพร้อมเสียงนุ่มทุ้มชวนฟัง

“เป็นอะไรมากมั้ยครับ ให้ผมช่วยดีกว่านะ”

หญิงสาวไม่นึกดีใจเหมือนตอนอยู่บนรถไฟฟ้าใต้ดินอีกแล้ว ประสบการณ์ที่ได้พบมาวันนี้ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าเทพบุตรสุดหล่อน่ะไม่ใจดีเท่าเทพบุตรเงาะป่าหรอก แต่เธอก็ยอมรับความช่วยเหลือเพราะไม่สามารถลุกเองได้จริงๆ มือเล็กยื่นไปหาผู้ชายมีน้ำใจ

เขาจับยึดไว้แล้วใช้มือแตะไหล่บอบบาง ก่อนจะออกแรงรั้งหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วมธุชาก็เงยหน้าขึ้นเพื่อจะกล่าวคำขอบคุณ

“ขอบคุณ...ค่ะ”

เธอกะพริบตาปริบๆ ด้วยความตกตะลึงอึ้งงันเมื่อได้สบดวงตาคมกริบของผู้ชายร่างสูงเบื้องหน้า อยากจะขอให้เขาช่วยตบหน้าเธอแรงๆ สักทีเพื่อเช็กว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ทั้งรูปงาม มีน้ำใจ และไม่เด็กกว่าเธอแน่นอน

ผ่าน ผ่าน และผ่านเกณฑ์สามข้อรวด ที่เหลือต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่เธอกำลังคิดว่า...ใช่ ใช่ และใช่ ไม่มีทางเป็นอื่นแน่ เขานี่แหละ ใช่เลย!

ในที่สุดเทพบุตรในฝันของฉันปรากฏตัวแล้ว กรี๊ด!!

“คุณโอเคมั้ยครับ เจ็บมากรึเปล่า”

เสียงถามงงๆ ของเขาทำให้หญิงสาวได้สติ หลังจากลอยละลิ่วขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าด้วยความยินดีปรีดาที่สุดในชีวิตแล้ว เธอก็ถูกส่งกลับมายืนบนพื้นโลกด้วยแรงดึงดูดมหาศาลจากเขา

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ แต่คงไม่เป็นไรมาก ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยพยุงมัดลุกขึ้น มัดนี่เปิ่นจริงๆ เลย”

นี่เธออุตส่าห์แนะนำตัวแบบเนียนๆ ไปตั้งสามครั้งเลยนะ สุดหล่อช่วยรับมุกทีเถอะ ได้โปรด...

เขายิ้มน้อยๆ อย่างให้กำลังใจมากกว่าจะขบขัน “มันเป็นอุบัติเหตุนี่ครับ คราวหลังคุณมัดก็ระวังด้วยนะครับ พื้นมันลื่น”

กรี๊ด! รับมุกด้วยอ้ะ ถูกใจคนสวยที่สุด อยากกดไลค์ให้สักล้านทีจริงๆ เลยพ่อคุณ!

ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วย่อตัวลงเก็บแก้วกาแฟของตัวเองที่วางลงกับพื้นตอนช่วยหญิงสาวลุก “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ น้องชายรออยู่”

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ พลันสายตาก็สะดุดแก้วกาแฟเย็นในมืออีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

ขอบคุณสวรรค์ หลังจากแกล้งกันมาตลอดเช้าก็เริ่มจะเข้าข้างคนสวยซะที!

“เชิญเถอะค่ะ มัดก็กำลังรอเพื่อนเหมือนกัน”

เธอผายมือให้เขาออกเดินได้ตามสบาย เพียงแต่เล็งจังหวะได้เหมาะเหม็งดังใจมากไปหน่อย นิ้วเรียวเลยปัดแก้วกาแฟในมือเขาจนหกเลอะเสื้อนอกแบบหมดเกลี้ยงทุกหยาดหยด แน่นอนว่าเข้าทางคนแผนสูงเป็นที่สุด

“อุ๊ย! มัดขอโทษนะคะ มัดนี่ซุ่มซ่ามจัง คุณถอดเสื้อนอกมาเถอะค่ะ เดี๋ยวมัดจะเอาไปซักรีดให้สะอาดแล้วค่อยส่งคืนทีหลัง” เธอพูดไปก็แกล้งทำหน้าเสียใจไปด้วย เอาไปเลยรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมแห่งปี สามสิบเอ็ดนี้ไม่มีอะไรต้องอายอีกแล้ว โฮะๆ!

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง ผมซักเองดีกว่า อย่าลำบากเลย” เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ

“ไม่ได้ค่ะ! เอ่อ...อย่าทำให้มัดรู้สึกแย่มากไปกว่านี้เลยนะคะ แค่นี้มัดก็เขินกับความไม่เอาไหนของตัวเองจะแย่แล้ว ถอดเสื้อมาเถอะค่ะ” หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ เกือบจะพลาดไปแล้ว

“เอางั้นก็ได้ครับ” เขาถอดเสื้อนอกส่งให้หญิงสาวโดยดี ก่อนจะหยิบนามบัตรของตัวเองส่งให้เธอ “เบอร์ติดต่อของผมครับ”

มธุชารีบรับมาด้วยหัวใจที่เต้นรัว ไล่สายตาอ่านชื่อเขาอย่างรวดเร็ว ‘Thorranin Prompiriya’ เป็นทนายความเสียด้วย

อยากปรึกษาเรื่องอะไรล่ะมธุชา คราวนี้มีคนรับปรึกษาแล้วนี่ โฮะๆ!

“คุณเป็นทนายเหรอคะ” เธอชวนคุยต่ออีกนิดเพื่อสร้างความสนิทสนมเบื้องต้นให้มากที่สุดก่อนที่เขาจะเดินจากไป

“ครับ”

“นามบัตรคุณเป็นภาษาอังกฤษ”

“ธรณินทร์ครับ ผมอยู่อเมริกา เพิ่งมาถึงเมืองไทยวันนี้ เรื่องงานน่ะครับ” เขาแนะนำตัวอีกครั้ง

“ค่ะ คุณธรณินทร์” หญิงสาวย้ำชื่อจริงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าชื่อเรียกนั้นยาวไป ถ้าได้รู้ชื่อเล่นสักหน่อยก็จะเรียกง่ายขึ้น

“เรียกผมว่าหนึ่งก็ได้ครับ” เขายิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหมุนตัวเดินจากไป

“ได้ค่ะคุณหนึ่ง แล้วมัดจะโทร. ไปนะคะ”

หญิงสาวยืนยิ้มปลื้ม บิดไปบิดมา ยกมือขึ้นโบกให้ธรณินทร์ทั้งที่เขาไม่ได้หันกลับมามอง

เมื่อลับร่างสูงสง่างามของเจ้าชายในฝันไปแล้ว มธุชาก็หันมาใช้สายตาเมียงมองหาเจ้าของโทรศัพท์มือถือด้วยอารมณ์เซ็งๆ เธอไม่มีธุระที่นี่อีกแล้ว ธุระด่วนที่สุดในตอนนี้คือสืบประวัติของทนายความที่ชื่อธรณินทร์ต่างหากล่ะ

“แต่เอ๊ะ...เมื่อกี้เรากำมือถือเครื่องนั้นไว้ในมือไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้มันหายไปไหนแล้วล่ะ”

หญิงสาวใจหายวาบ รีบมองหาโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นโดยเร็ว ก่อนจะพบว่าชิ้นส่วนของมันร่วงกระจายอยู่เกลื่อนพื้นนั่นเอง

“ตายๆๆ จะพังรึเปล่าเนี่ย”

สาวสวยเดินกะเผลกมาเก็บชิ้นส่วนเครื่องมือสื่อสารของคนแปลกหน้าอย่างลนลาน มันคงหล่นจากมือตอนที่เธอนั่งจับกบนั่นแหละ

“กระจุยซะขนาดนี้ยังใช้ได้รึเปล่านะ ถ้าพังไปฉันไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ให้เหรอ ซวยจริงๆ เล้ย” เธอบ่นอุบขณะพยายามประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าไปใหม่ก่อนที่เจ้าของเครื่องจะมาพบเข้า



ชินดนัยรอให้พี่ชายมาถึงรถก่อนจึงค่อยกลับเข้าไปพบหญิงสาวที่เก็บโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ให้ ชายหนุ่มพยายามโทร. เข้าเบอร์ตัวเองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ จนเมื่อเดินเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าก็กวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความหวัง

ทั้งที่ไม่รู้สักนิดว่าผู้หญิงคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หรือแม้แต่สวมใส่เสื้อผ้าแบบไหน เขาก็ลืมถาม เพราะคิดว่าจะโทร. เข้าเบอร์ตัวเองได้ เรื่องโทรศัพท์หายเขาไม่แคร์นัก อย่างมากก็คงจะเสียดายแต่ยังไงก็สามารถซื้อใหม่ได้อยู่ดี แต่เบอร์ติดต่อของลูกค้านี่สิปัญหาใหญ่ ตอนนี้เขาแค่อยากได้ซิมการ์ดคืนเท่านั้น

ดวงตาคมกริบกวาดไปทั่วบริเวณโถงอาคารจนไปสะดุดเอากับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รวมกับผู้คนมากหน้าหลายตา ความโดดเด่นแรกของเธอก็คือใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราที่เขาเคยเห็นมาแล้ว...เมื่อเช้านี้

เพื่อนบ้านคนใหม่ของเขานั่นเอง!

ชายหนุ่มเผลอจ้องมองเธออยู่นานจนเห็นว่าหญิงสาวกำลังพยายามประกอบชิ้นส่วนอะไรบางอย่างเข้าด้วยกันและมันก็คือโทรศัพท์มือถือ พอเขม้นมองให้ชัดๆ ก็พบว่าเป็นเครื่องรุ่นเดียวสีเดียวกับมือถือที่หายไปของเขาเด๊ะ

ตลกน่า อย่าบอกนะว่าเธอคือคนที่เก็บมือถือของเราไว้?

ชินดนัยหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาว รู้สึกจริงจังว่าดวงสมพงศ์กับเธอมากถึงมากที่สุด อย่างนี้ไม่ทำความรู้จักไม่ได้แล้ว

“สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ

หญิงสาวหันขวับ รีบเอามือปิดชิ้นส่วนมือถือบนตักตัวเองแล้วปรายตามองผู้ชายแปลกหน้างงๆ

“คุณพูดกับฉันเหรอคะ”

เขาอมยิ้มมุมปากน้อยๆ พยักหน้ารับ “ครับ นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”

ดวงตาของชายหนุ่มบอกชัดว่าหมายถึงเรื่องไหน เธอก้มมองหลักฐานใต้ฝ่ามือเล็กๆ ของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา คราวนี้หญิงสาวใช้ดวงตาสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดเท้าอย่างเปิดเผย

ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีใช้ได้ รูปร่างก็สูงใหญ่ แต่งกายง่ายๆ หากก็ดูดีด้วยเสื้อยืดแบรนด์ดังกับกางเกงยีนสีซีดติดแบรนด์อีกเช่นกัน แต่มธุชาผู้นิยมความสมบูรณ์แบบเป็นที่หนึ่งย่อมไม่เคยประทับใจกับความเรียบง่ายใดๆ ทั้งสิ้น

“เราเคยรู้จักกันเหรอคะ” น้ำเสียงของเธอค่อนข้างห่างเหิน หญิงสาวมักจะตั้งป้อมกับผู้ชายแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาชวนคุย แต่ถ้าเธอเป็นฝ่ายชวนก็แล้วไป

“ไม่ครับ” เขาส่ายหน้าพลางยิ้มกว้าง ไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะเว้นระยะห่างเอาไว้มากเพียงใด

“งั้นก็ขอโทษทีนะคะ ฉันกำลังยุ่ง” เธอบอกปัดการสนทนาอย่างสุภาพ แล้วพยายามประกอบชิ้นส่วนมือถือเครื่องนั้นอีกครั้ง

“ให้ผมช่วยมั้ย?”

คราวนี้มธุชาหูผึ่งขึ้นเล็กน้อย หันไปสบตาเขาด้วยแววที่เป็นมิตรมากขึ้น “คุณแน่ใจนะคะว่าทำได้”

เขากลั้นยิ้มและยื่นมือไปหาเธอ หญิงสาวลังเลชั่วครู่แต่แล้วก็ตัดสินใจว่าให้เขาช่วยดีกว่า ขืนมะงุมมะงาหราอยู่แบบนี้เดี๋ยวเจ้าของเขามาเจอเข้าจะแย่เอา

น่าอัศจรรย์ใจมากที่เขาขยับนิ้วไปมาครู่เดียว มือถือเครื่องนั้นก็กลับมาเป็นรูปเป็นร่างดังเดิมแล้วกลับมาอยู่ในมือเธอ

“ขอบคุณค่ะ” มธุชายิ้มแหย รู้สึกผิดเล็กน้อยที่แสดงท่าทีเหมือนไม่อยากคุยกับเขาในตอนแรก

ชินดนัยล้วงมือถืออีกเครื่องของตนขึ้นมากดโทร. ออก สักพักเครื่องมือสื่อสารในมือมธุชาก็กรีดร้องขึ้น หญิงสาวเห็นชายหนุ่มจะคุยโทรศัพท์เช่นกัน เธอจึงหันข้างให้แล้วรีบกดรับโทรศัพท์ในมือตัวเอง

“ฮัลโหล เอ่อ...คุณเจ้าของเครื่องใช่มั้ยคะ”

“ครับ” ปลายสายตอบเพียงสั้นๆ

หญิงสาวถอนใจอย่างโล่งอก “คุณเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้ารึยังคะ”

“ครับ”

“โอเคค่ะ ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้ว ตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนคะ ฉันจะได้เอามือถือไปคืนให้”

“ผมเหรอ ก็นั่งอยู่ข้างๆ คุณไง”

มธุชาหันกลับมาก็เห็นว่าคนข้างๆ กำลังอมยิ้มขบขันมองเธอ หญิงสาวอ้าปากค้าง ร้อนผ่าวทั้งใบหน้าด้วยความอับอาย ค่อยๆ เลื่อนมือถือออกจากหูแล้วยัดเยียดคืนให้เจ้าของ

“ของคุณค่ะ ฉันกำลังรีบ ขอตัวก่อนนะคะ”

พูดจบก็โกยอ้าวทันที ทั้งที่ยังเจ็บสะโพกกับหัวเข่าไม่หาย แต่นาทีนั้นความอายมีมากกว่าจึงสามารถวิ่งโขยกเขยกออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าด้วยความเร็วที่นักวิ่งทีมชาติข้อเท้าเคล็ดยังต้องยกธงขาว

โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย ทำไมคนสวยถึงเปิ่นได้ขนาดนี้เนี่ย ขอถาม!

ชินดนัยได้แต่อ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง ไม่นึกว่าหญิงสาวจะเปิดแนบไปอย่างนั้น ทันทีที่ลับร่างเพรียวบางไปแล้ว เขาก็หลุดหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง

น่ารักดีแฮะ เย็นนี้ต้องแวะไปทำความรู้จักเพื่อนบ้านคนใหม่ซะแล้วสิ!



ชินดนัยกลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว หลังส่งหลานชายที่อ่อนเพลียจากการนั่งเครื่องเข้านอนเขาก็ยืนกอดอกรออยู่ริมระเบียง คอยว่าเมื่อไรแม่สาวสวยจอมเปิ่นที่อยู่บ้านหลังติดกันจะกลับมาเสียที พี่ชายเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อ้างว่ากำลังทำงานจนไม่มีเวลาพูดคุยกัน เขาเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ คิดว่าต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรให้ช่วย ธรณินทร์ก็คงเอ่ยปากเอง

ชายหนุ่มยืดตัวตรงทันทีที่เห็นโฟล์คสวาเกนเดอะนิวบีทเทิลสีเหลืองแล่นมาหยุดที่หน้าบ้านหลังติดกัน ลูกเทนนิสในมือถูกกำแน่น รอคอยจังหวะที่จะกระโดดข้ามรั้วไปทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างเป็นทางการ

มธุชาลากสังขารเดี้ยงๆ ลงไปเปิดประตูรั้วหลังจากกัดฟันขับรถมาจนถึงบ้านหลังน้อยของตน วันนี้มันวันซวยดีๆ นี่เอง มีแต่เรื่องเจ็บตัวทั้งวี่ทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นคนสวยก็ยังยิ้มออกเมื่อนึกถึงเจ้าชายในฝันที่กระโดดออกมายืนตรงหน้าเธอในสนามบิน

‘ธรณินทร์’ ผู้ชายร่างสูง ตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักลึกทรงเสน่ห์ เป็นทนายความ สามารถให้คำปรึกษากับเธอได้ไม่ว่าเรื่องใด นั่นหมายถึงว่าเขาต้องฉลาดปราดเปรื่องอย่างแน่นอน แถมยังมีน้ำใจด้วย อายุก็คงจะมากกว่าเธอสักสามหรือสี่ปีได้

สรุปว่าหล่อ ฉลาด หน้าที่การงานมั่นคง นิสัยดี ฐานะไม่ต้องพูดถึง ลงว่าเป็นทนายทำงานอยู่ต่างประเทศก็คงไม่กระจอกหรอก หรือถ้าเขาไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ตอนนี้ก็น่าจะมีฐานะที่มั่นคง และวางใจได้ว่าเขาจะไม่เกาะเธอรับประทานแน่นอน

หญิงสาวคิดพลางเลื่อนประตูรั้วไปด้านข้างและนับนิ้วตัวเองไปด้วย ก่อนจะร้องอุทานอย่างตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าสุดชีวิต “อุ๊ย แบบนี้ก็ตรงตามคุณสมบัติที่เราวางไว้ตั้งหกข้อแล้วน่ะสิ ที่เหลือก็แค่ทำอาหารเป็น มีความโรแมนติก และรักเราคนเดียว เริด! เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นใครจะมีคุณสมบัติถึง 6 ใน 9 สถิติสูงสุดเลยนะเนี่ย ยายมัดเอ๋ย...คราวนี้หล่อนได้บอกลาความโสดอย่างเป็นทางการแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์”

มธุชาหัวเราะเสียงดังอย่างไม่กลัวตีนกาจะขึ้นมาเกาะใบหน้าอันสวยเด้งของเธอ เดินกะเผลกไปขับรถเข้ามาจอดใต้หลังคาบ้านอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพาร่างไม่สมประกอบเดินย้อนกลับมาปิดประตูรั้วให้มิดชิด

แล้วจู่ๆ ลูกเทนนิสก็ลอยโด่งข้ามรั้วมาตกลงเบื้องหน้าเธอในตอนที่กำลังจะเข้าบ้าน หญิงสาวหันซ้ายหันขวา มองหาเจ้าของเทนนิสลูกนี้

“เฮ้คุณ นั่นของผมเอง” เสียงใครบางคนดังขึ้น และคล้ายจะมาจากบ้านหลังข้างๆ

มธุชาก้มลงเก็บลูกเทนนิส ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้าของมันด้วยรอยยิ้มเพราะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนบ้านคนใหม่ของเธอ ฉะนั้นก็ต้องผูกมิตรกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ไหว้วานกันในอนาคต

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

เสียงทักทายเป็นกันเองพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นที่เผยให้เห็นรอยบุ๋มสองข้างแก้มทำให้หญิงสาวต้องยิ้มค้าง มองหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนึกไม่ถึง และอันที่จริงเธออยากให้ตัวเองตาฝาดไปมากกว่าที่จะต้องมีเพื่อนบ้านเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือเฮงซวยเครื่องนั้น

ให้ตาย นี่ความซวยของฉันจะไม่มีวันหมดอายุหรือไงนะ ขอถาม!

“แล้วนั่นคุณจะไม่คืนให้ผมเหรอครับ”

ชินดนัยอมยิ้ม จ้องมองลูกเทนนิสในมือหญิงสาวสลับกับใบหน้าอึ้งๆ ของเธออย่างขบขัน

มธุชาได้สติ รีบเดินกะเผลกไปยืนชิดรั้วบ้านพร้อมส่งลูกเทนนิสคืนให้เจ้าของ และพูดคำเดียวสั้นๆ “เอ้า”

“นี่เราเป็นเพื่อนบ้านกันรึเปล่า ใจคอจะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอครับ” เขาถามยิ้มๆ และยังไม่ยอมรับลูกเทนนิสคืนเพื่อจะได้รั้งเธอไว้นานๆ หน่อย

ใครอยากรู้จักคุณไม่ทราบ?

หญิงสาวพยายามอย่างมากที่จะไม่กลอกตาเซ็งให้เขาเห็น แต่สีหน้าของเธอก็ยังดูไม่ยินดีเช่นเคย เขาไม่เข้าใจหรือไงนะว่าเธออับอายเกินกว่าจะอยากทำความรู้จักมักจี่ด้วย

“เฮ้สอง นายอยู่ไหนเนี่ย”

เสียงตะโกนดังมาจากด้านในตัวบ้านของชินดนัยและเขาก็หันไปขานรับ

“ผมอยู่หน้าบ้าน”

มธุชายิ้มร่า นึกดีใจที่จะได้หายตัวไปจากตรงนี้เสียที แต่วินาทีที่เจ้าของเสียงนั้นโผล่ศีรษะออกมาจากประตูบ้าน หญิงสาวก็อ้าปากค้าง กะพริบตาถี่ยิบเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะร้องลั่นเมื่อเขาก้าวออกมายืนหน้าประตูบ้านทั้งตัว “คุณหนึ่ง!”

ชินดนัยหันขวับ เห็นรอยยิ้มน่ารักสดใสและแสดงถึงความดีใจจนออกนอกหน้านั่นก็งงเป็นไก่ตาแตก พอหันไปมองหน้าพี่ชายก็เห็นฝ่ายนั้นก้มศีรษะน้อยๆ เป็นเชิงทักทาย แถมยังยิ้มให้แม่สาวเปิ่นข้างบ้านนี่อีกด้วย

“ไม่นึกเลยนะคะว่าบ้านเราจะอยู่ติดกัน”

สาวหมวยตาโตปล่อยลูกเทนนิสให้ตกลงไปในรั้วบ้านของชินดนัย ใช้สองมือเกาะรั้วไว้มั่นเหมือนตุ๊กแก ถ้าไม่เกรงว่าธรณินทร์จะตกใจจนตื่นกลัวเธอไปเสียก่อน หญิงสาวก็อยากจะปีนข้ามไปหาเจ้าชายในฝันให้รู้แล้วรู้รอด

ชินดนัยเลิกคิ้วข้างหนึ่ง สีหน้าเซ็งจับจิตขณะมองแม่สาวข้างบ้านที่ทำท่าจะกลายร่างเป็นชะนีชอบปีนป่ายขึ้นมากะทันหัน อยากจะบอกเธอเหลือเกินว่า...

นี่ๆ คนนี้ เจ้าของบ้านตัวจริงน่ะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ครับ ช่วยสนใจกันนิดนึงก็ได้นะแม่คุณ!

มธุชามองข้ามไหล่ชินดนัยไปทำตาเชื่อมหวานกับหนุ่มในฝัน ไม่นึกว่าเขาจะอยู่บ้านติดกับเธอนี่เอง รู้อย่างนี้เธอรีบย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อนงานเลี้ยงรุ่นซะก็ดี ไม่แน่ว่าเธออาจจะมีหนุ่มหล่อให้ควงไปงาน ไม่ต้องฉายเดี่ยวให้สิตางศุ์ทับถมจมดินอย่างเมื่อคืน แต่ไหนๆ เขาก็มาอยู่นี่แล้ว เริ่มต้นทำความรู้จักกันวันนี้ก็ยังไม่สาย

ธรณินทร์อาจจะเป็นคนที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิตก็ได้ ไม่อย่างนั้นสวรรค์คงไม่ส่งเขามาเจอเธอในเวลาที่เหมาะเจาะขนาดนี้

มธุชาเอ๋ย เนื้อคู่ของเธออยู่แค่ประตูถัดไปนี่เอง!








Create Date : 01 กันยายน 2556
Last Update : 1 กันยายน 2556 0:19:19 น. 2 comments
Counter : 776 Pageviews.

 
ลงชื่อก่อนค่ะ วันนี้อ่านไม่ทันแล้ว T T


โดย: lovereason วันที่: 1 กันยายน 2556 เวลา:23:08:41 น.  

 
เอ่อ สนใจน้องชายบ้างก็ได้นะคะ


โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 29 กันยายน 2556 เวลา:12:55:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nawapat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




...เขียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หนักก็หยุด สนองนี้ดมันไปตามอารมณ์ ^^"...
Friends' blogs
[Add nawapat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.