เลือกทางแล้วจริงหรือ

เลือกทางแล้วจริงหรือ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไปขอให้เพื่อนๆทุกคน คิดให้รอบคอบ มีสติ เพราะไม่ว่าเหตุผลชักจูงจะดีเลิศหรือห่วยแตกเพียงใด ยังไงสุดท้ายมันก็แค่สถิติและความน่าจะเป็น แต่คนที่รับผิดชอบกับการตัดสินใจก็คือตัวคุณเอง!!!

เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่มีการเทขายหุ้นอย่างหนักของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือน พ.ค. 56 จนถึงปัจจุบัน การเคลื่อนไหวของราคาในตลาด...ทุนของไทยค่อนข้างจะแกว่งไปมาอยู่ในกรอบๆหนึ่ง ที่มีการต่อสู้กันของคนซื้อ (Buyers) และคนขาย (Sellers) ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เป็นการบ่งบอกถึงลักษณะของตลาดออกข้างหรือ Sideway อย่างชัดเจน ยังไงก็แล้วแต่สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เส้นทางการเดินทางต่อไปของ SET50 Index ก็ดูเหมือนจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนแรกเลย ผมเองมองว่ารูปแบบของราคา (Price Patterns) น่าจะเป็นแบบสี่เหลี่ยมพื้นผ้า (Rectangle Patterns) โดยราคาวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับที่ 903.2 กับแนวต้านที่ 1000.2 แต่หลังจากราคาไม่สามารถวิ่งกลับลงมาชนแนวรับที่ 903.2 ได้ในความพยายามครั้งที่สาม รูปแบบของราคาจึงเปลี่ยนไปเป็น สามเหลี่ยมมุมฉาก (Right-angled Triangle Patterns) ที่เป็นสามเหลี่ยมขึ้น (Ascending Triangle) (สังเกตุ สามเหลี่ยม ABC ตามรูป) โดยมีแนวต้านอยู่ที่เดิม (เส้นสีเหลืองแนวนอนที่ 1000.2) แต่มีแนวรับใหม่ (หรือเส้นเทรน) เกิดขึ้น จากรูปคือเส้นทะแยงมุมสีเหลือง AB

เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจถึงลักษณะของ Right-Angled Triangle Patterns ที่เป็น Ascending Triangle ได้ดีขึ้น ผมขอยกเอาทฤษฏีที่สำคัญของสามเหลี่ยมแบบนี้มาสักสองสามข้อ
1. ราคาต้องแกว่งอยู่ในกรอบแนวต้านกับเส้นเทรน ง่ายๆคือ ไม่หลุดไปปิดเหนือเส้น CB หรือไม่ปิดต่ำกว่าเส้น AB
2. ปริมาณการซื้อขายหุ้น (Volume) ภายในกรอบราคาตามข้อ1.ควรจะลดลงเรื่อยๆ
3. การ Breakout ของรูปแบบราคาแบบนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ด้านบน หรือ การ Breakout ผ่านเส้นแนวต้านขึ้นไป (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสามเหลี่ยมขึ้น) การ Breakout ที่ดีต้องมีสองสิ่งต่อไปนี้ด้วยเสมอ
a. ต้องมีปริมาณการซื้อขายหุ้นจำนวนมากและต่อเนื่องเข้ามาในช่วงจังหวะการทำ Breakout
b. ตำแหน่งของการ Breakout ต้องเกิดหลังจากระยะประมาณ ½ ของระยะความสูงของสามเหลี่ยมขึ้นไป ในกรณีนี้ Breakout ต้องเกิดหลังจากตำแหน่งกึ่งกลางของระยะจาก C ไป B (ค่อนไปทาง
4. หลังจากราคา Breakout หรือ ปิดเหนือเส้นแนวต้านได้แล้ว เราสามารถคาดเดาราคาเป้าหมายระยะไกลได้ คือ จากแนวต้านบวกขึ้นไปเท่ากับระยะความกว้างของฐานสามเหลี่ยม A ไป C (ในกรณีนี้จะเท่ากับระยะจากจุด Breakout ขึ้นไปด้วยระยะทาง BD)


จากกราฟ Set50 Index ปัจจุบัน จะเห็นว่าราคาสามารถ Breakout ขึ้นไปยืนอยู่เหนือเส้นแนวรับได้แล้ว ด้วยปริมาณการซื้อขายมากพอควรและในวันศุกร์ที่ผ่านราคาได้ลงไปทดสอบที่เส้นแนวต้านอีกครั้ง (ตอนนี้เส้นแนวต้านทำ1000.20 หน้าที่เป็นแนวรับแทน) ทำให้โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าราคามีโอกาศไปต่อสูงถ้ามี Volume มาสนับสนุน โดยมีเป้าหมายระยะไกลอยู่ที่ราคาประมาณ 1097 ตามทฤษฏี โดยระหว่างทางอาจจะวิ่งไปชนแนวเส้นประสีเขียว CD แล้ว ย่อตัวก็ได้

ในทางกลับกันหลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วถ้าเร็วๆนี้ มีแรงขายกลับเข้ามาทำให้ราคากลับมาปิดต่ำกว่า 1000.2 ล่ะ?????? คำตอบก็คือ การตกลงของราคาและปิดที่ต่ำกว่า 1000.2 นั้นเป็นการบอกถึงการล้มเหลวของการ Breakout ซึ่งส่วนมากจะตามมาด้วยการ Breakout ในทิศทางตรงกัน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นเราก็จะได้เห็นราคาลงไปทดสอบที่เส้นทะแยงมุมสีเหลือง AB และถ้าผ่านได้ก็จะลงไปทดสอบที่แนวรับเก่า 903.2 ตามลำดับ


กลยุทธฝั่ง LONG
ควรถือ Long ไปทำกำไรที่บริเวณแนวเส้นประสีเขียว CD แต่ถ้าราคาชนแล้วย่อ แล้วกลับตัวโดยแรงซื้อ แนะนำให้เปิด Long อีกครั้งและถือไปปิดแถว 1090-1095
ต้อง CutLoss ทันทีที่ราคาไปยืนต่ำกว่า 997-1000

กลยุทธฝั่ง SHORT
รอจังหวะเข้า Short เมื่อราคาหลุดลงมาเล่นแถว 997-1000 และถือไปทำกำไรที่บริเวณเหนือเส้นประสีเหลือง AB 2-3 จุด แต่ถ้าผ่านเส้นประสีเหลือง AB ได้ แนะนำให้เข้า Short และลุ้นปิดแถวๆ 910-905




Create Date : 21 กรกฎาคม 2556
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 18:13:51 น.
Counter : 3403 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

NaNoMat^^
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



นักลงทุนแนวใหม่ ต้องเป็นเหมือนปลาหมึกน้อยที่เปลี่ยนแปลงให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ สามารถทำกำไรได้ ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง
กรกฏาคม 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31