All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 

*** Interstellar *** สองขั้วความคิด พิชิตดวงดาว

*** Interstellar ***






Interstellar เล่าเรื่องราวในอนาคต เมื่อโลกที่เราอยู่อาศัยกำลังจะตาย พายุฝุ่นเกิดขึ้นเรื่อยๆ พืชพันธ์หลายชนิดไม่สามารถเติบโตได้

อดีตนักวิทยาศาสตร์จาก NASA กำลังเตรียมแผนจะไปสำรวจดาวดวงใหม่เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยแทนโลก



หนัง Focus ไปที่เรื่องราวของพ่อหม้ายลูกสอง Cooper (Matthew McConaughey) อดีตนักบินของ NASA ที่ต้องกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้งในภารกิจหาบ้านหลังใหม่ให้มนุษย์โลก



(จากนี้ไปมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ข้ามไปก่อนครับ)



แม้ว่าโดยโครงเรื่องแล้ว Interstellar ดูเหมือนหนังวิทยาศาสตร์ แต่อีกประเด็นใหญ่ของหนังนั้นก็ว่าด้วยเรื่องราวของความรัก


และด้วยบทสรุปที่ว่า “ความรักอยู่เหนือทุกสิ่ง” ด้วยแล้ว นั่นทำให้ Interstellar มีความเป็นหนังดราม่าความสัมพันธ์พอๆกับหนังวิทยาศาสตร์



ดังนั้นสองกระแสความคิดที่ขัดแย้งแต่ส่งเสริมซึ่งกันและกันคือประเด็นสำคัญที่หนังหยิบเอามาใช้ในการขับเคลื่อนเรื่องราว

กระทั่งตัวอักษรชื่อเรื่องใน Poster ยังมี 2 สีประกอบกัน







หากพิจารณาถึงเนื้อหาแล้ว เราสามารถเลือกคู่ความคิดที่ตรงกันข้ามและหลักการที่สนับสนุนความคิดได้ดังนี้



1. ความคิดขัดแย้งของ Cooper และ Murph



สำหรับ Cooper เขาตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัวและมนุษยชาติ แม้การเดินทางครั้งนี้อาจจะมีความเสี่ยงที่ทำให้เขาไม่เห็นหน้าลูกไปตลอดกาล แต่มันคุ้มกับอนาคตที่ดีกว่าของเธอ


ส่วน Murph เธอไม่อยากให้พ่อไป ด้วยความที่ไม่อยากจากพ่อ และคำใบ้จาก “ผี” ในห้องของเธอที่บอกให้รั้งพ่อของเธอเอาไว้



+ Cooper ต้องการทำหน้าที่นักบินอวกาศเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ (คิดด้วยเหตุผล)

- Murph ไม่ต้องการให้ Cooper ไป (คิดด้วยความต้องการของใจ)



สุดท้ายถ้าทั้ง 2 คนไม่มีแนวทางที่ต่างกัน ความสำเร็จในการตั้งรกรากบนดาวดวงใหม่ของมนุษย์ก็จะไม่มีวันสำเร็จ


เพราะถ้า Cooper ไม่ไปก็จะไม่มี “ผี” มาคอยใบ้ให้ Murph แก้สมการแรงโน้มถ่วง จนประสบความสำเร็จในการนำยานอวกาศขนาดยักษ์ที่ใช้ลำเลียงมนุษย์หนีแรงโน้มถ่วงออกจากโลกได้

และถ้า Murph ไม่เชื่อสัญชาตญานของตนเอง ไม่เชื่อสิ่งที่ดูไม่มีเหตุผล และไม่มีปมเรื่องการจากไปของ Cooper เธอก็จะไม่มีความทะเยอทะยานในการแก้สมการแรงโน้มถ่วงจนประสบความสำเร็จ



ดั้งนั้นถ้าไม่มี 2 แนวคิดที่ค้านกัน ความสำเร็จในตอนสุดท้ายก็จะไม่เกิดขึ้น







2. Plan A และ Plan B



จากหนังราจะพบว่า แผนการในการตั้งรกรากของมนุษย์ในดาวดวงใหม่นั้นมีอยู่ 2 แผน นั่นคือ Plan A และ Plan B



Plan A คือการสร้างยานอวกาศลำใหญ่ที่สามารถพามนุษย์เดินทางข้ามรูหนอนไปยังดาวดวงใหม่ได้ แผนนี้ยังติดอยู่ที่การแก้สมการเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงที่จะหาวิธีเดินทางออกจากโลก


Plan B เป็นแผนสำรอง เมื่อเราไม่สามารถอพยพมนุษย์บนโลกไปยังดาวดวงใหม่ได้ ก็ให้สร้างมนุษย์รุ่นใหม่บนดาวดวงนั้น ด้วยการใช้ไข่ที่ผสมแล้วไปเพาะที่ดาวดวงใหม่



ท้ายที่สุด Dr. Brand ก็เฉลยว่า เขาไม่มีวิธีการ หรือสมการใดๆ ที่ไขปัญหาเรื่องแรงโน้มถ่วงได้สำเร็จ ไม่มีวันที่จะพามนุษย์บนโลก เดินทางไปยังโลกใหม่

มันเป็นแค่การหลอกลวงให้ทุกคนทำ Plan B ด้วยความหวังในการช่วยคนที่พวกเขารักด้วย Plan A







เราสามารถแยกแนวคิดของทั้ง 2 แผนได้ดังนี้



+ Plan A ขับเคลื่อนด้วยความรัก ความต้องการช่วยชีวิตคนที่พวกเขารัก (คิดด้วยความรักความรู้สึก)

- Plan B ขับเคลื่อนด้วยการดำรงเผ่าพันธ์ของมนุษย์ยุคต่อไป (คิดด้วยเหตุผลว่านี่เป็นแผนที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด)



ท้ายที่สุด Plan A ก็สำเร็จลงได้ แต่ถ้าไม่มี Plan B ที่มีแนวโน้มจะสำเร็จ ก็จะไม่มีการคิด Plan A เพื่อจูงใจ

และถ้าไม่มี Plan A ก็จะไม่เกิดความพยายามในการเดินทางเพื่อทำ Plan B



ถ้าขาดแผนใดแผนหนึ่ง แรงจูงใจก็จะไม่เกิดขึ้น และเมื่อไม่มีแรงจูงใจก็ไม่มีความสำเร็จในตอนสุดท้าย



ความรักคือกลไกสำคัญในการดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธ์ของมนุษย์ จริงอยู่แค่ความใคร่ และอารมณ์ทางเพศทำให้เกิดการสืบพันธ์ขยายเผ่าพันธ์ได้

แต่การเลี้ยงดูด้วยความรัก ก็ทำให้ได้มนุษย์ที่มีคุณภาพที่ดีกว่าและเป็นประโยชน์ในการดำรงเผ่าพันธ์มากกว่า ดังนั้น



+ Plan A เปรียบเสมือนการให้กำเนิดด้วยความรัก

- Plan B เปรียบเสมือนการให้กำเนิดเพียงเพื่อการคงไว้ซึ่งเผ่าพันธ์






3. Mann และ Edmund



อีกหนึ่งทางเลือกขัดแย้งเกิดขึ้นในหนัง หลังจากที่ทีมของ Cooper เสียเวลาอยู่บนดาวเคราะห์ของ Miller ถึง 27 ปี ทำให้ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้วที่จะทำ Plan A ให้สำเร็จ

เป้าหมายถัดไปจึงอยู่ที่ทางเลือกระหว่าง ดาวที่ Mann สำรวจ และ ดาวที่ Edmund สำรวจ


ด้วยเหตุและผล Cooper เลือกที่จะไป ดาวของ Mann เนื่องจากมีการส่งข้อมูลซึ่ง update อยู่ตลอด และการที่ Mann มีชื่อเสียงที่ดีในเรื่องความเก่งกาจ

แต่ Amelia ที่เป็นคนรักของ Edmund เลือกที่จะไปดาวของ Edmund ตามความต้องการจากหัวใจ และด้วยลางสังหรณ์บางอย่างที่เธอคิดว่าถูกต้อง



+ Cooper อยากไปที่ดาวเคราะห์ของ Mann (คิดด้วยหลักเหตุและผล)

- Amelia อยากไปที่ดาวเคราะห์ของ Edmund (คิดด้วยความรักและความต้องการของใจ)







จากผลการโหวต ทำให้พวกเขาเลือกไปที่ดาวของ Mann ก่อนจะพบกับความผิดหวัง ดาวดวงนี้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ แถม Mann ยังก่อเรื่องจนยานอวกาศพังเสียหาย


สุดท้ายพวกเขาต้องหาวิธีเดินทางไปดาว Edmund ให้ถึง ด้วยเชื้อเพลิงที่เหลือน้อย สภาพยานที่เสียหาย นั่นทำให้พวกเขาต้องอาศัยแรงจากหลุมดำ และ Cooper ต้องสละตัวเองเพื่อลดน้ำหนักให้กับยาน



แต่การเข้าไปในหลุมดำของ Cooper ทำให้เขาติดอยู่ใน Extra-Dimension ซึ่งสถานที่ที่เขาติดอยู่ก็คือหลังตู้หนังสือของ Murph ซึ่ง Cooper สามารถเดินทางไปมาระหว่างช่วงเวลาของสถานที่แห่งนี้ได้


ซึ่งหนังเฉลยในท้ายที่สุดว่า Cooper นี่เอง ที่เป็น “ผี” ซึ่งคอยติดต่อสื่อสารกับ Murph เพื่อเผยความลับของแรงโน้มถ่วง (ผ่านการวิเคราะห์ของ Tars หุ่นยนต์ที่คอยวิเคราะข้อมูลในหลุมดำ)



ถ้า Cooper ไม่ตัดสินใจไปดาวของ Mann เชื้อเพลิงคงไม่หมดและยานคงไม่เสียหาย

และถ้า Amelia ยังไม่เลิกตัดใจไปดาว Edmund ที่ดูไม่มีความหวัง ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ที่ Tars และ Cooper สละตัวเองเข้าสู่หลุมดำ

และถ้า Cooper และ Tars ไม่เข้าไปในหลุมดำ ก็จะไม่มีใครบอกใบ้การแก้ปัญหาแรงโน้มถ่วงให้กับ Murph








ในหนังเราจะพบว่าทุกการตัดสินใจที่เกิดขึ้นเหมือนจะผิดพลาดในทุกครั้ง เหมือน Murphy’s Law (ที่เป็นที่มาของชื่อ Murph) ที่กล่าวไว้ว่า


"สิ่งใดก็ตามหากผิดพลาดได้ มันก็จะผิดพลาด"
(Anything that can go wrong, will go wrong)



แต่หากพิจารณาดีๆแล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจไม่ใช่ความผิดพลาด มันอาจหมายความว่า


“อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด”


อย่างที่ Cooper บอกกับ Murph เมื่อเธอรู้สึกไม่พอใจชื่อตัวเองตอนต้นเรื่อง



จากที่ยกตัวอย่างมา เราจะพบว่าเบื้องหลังของการตัดสินใจ มีอยู่ 2 อย่างนั่นก็คือ


1. การใช้หลักเหตุผล (วิทยาศาสตร์)

2. แรงปราถนาในใจ (ในหนังเน้นไปที่ “ความรัก”)







นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งในหนังก็คือ

ผู้ชาย (พ่อ) จะให้น้ำหนักกับเหตุผลมากกว่า ส่วน ผู้หญิง (ลูกสาว) ให้น้ำหนักกับความรักมากกว่า



ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจทำภารกิจใดๆ มันจะสำเร็จได้เมื่อแรงที่ต่างกันอย่าง “ความรัก” และ “วิทยาศาสตร์” ผลักดันซึ่งกันและกัน

คล้ายกับการสืบพันธ์ที่ต้องมีทั้ง "ผู้ชาย" และ "ผู้หญิง" และส่วนเติมเต็มสำคัญก็คือ "ความรัก"







สำหรับตัวหนังเองก็ใช้เนื้อหา 2 ส่วนในการพาผู้ชมไปถึงบทสรุป


ส่วนหนึ่งมันวางตัวเป็นหนังวิทยาศาสตร์ที่จริงจังกับตัวเอง แถมใช้ทฤษฎีต่างๆมากมายมาอธิบาย แม้ว่าบางครั้งจะเสริมจินตนาการ จนดูไม่น่าเชื่อถือไปบ้าง


ขณะเดียวกันหนังก็เน้นไปที่ดราม่าความสัมพันธ์ และเทิดทูนความรักกันเต็มที่

เพราะขนาดหลุมดำที่แม้กระทั่งแสงยังถูกดูดกลืนจนไม่สามารถหนีออกมาได้ เวลายังถูกบิดเบือนผิดเพี้ยน แต่ความรักยังคงอยู่อย่างคงที่



จะเห็นว่านอกจากหนังจะใช้แนวทางที่ต่างกันแล้ว ยังจัดหนักในแต่ละแนวทางเต็มที่

ทีนี้ก็ขึ้นกับผู้ชมว่ามีรสนิยมชอบหรือไม่ชอบแบบไหนมากกว่ากัน







ผู้กำกับ Christopher Nolan และ มือเขียนบท Jonathan Nolan ยังคงแม่นกับประเด็นที่จะสื่อสาร แม้สไตล์ของหนังจะเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร


Matthew McConaughey ในบท Cooper และ Mackenzie Foy/Jessica Chastain ในบท Murph คือหัวใจของหนัง

ขณะที่ตัวละครอื่นๆ มาเพื่อรับใช้เนื้อหาและประเด็นสำคัญมากกว่ามาเพื่อสร้างความผูกพันธ์และเป็นที่รักของผู้ชม

แต่ที่ขโมยซีนที่สุดกลับเป็น หุ่นยนต์ Tars



การตัดต่อในบางช่วงดูจงใจและเร่งเร้าอารมณ์มากจนดูไม่เนียน ส่วนตอนจบที่เป็นเหมือนการหักมุมเล็กๆ ยังไม่คมคายมากพอ


ส่วนองค์ประกอบที่ต้องชมก็คือ ดนตรีประกอบของ Hans Zimmer ที่ช่วยเสริมอารมณ์ให้กับภาพที่ปรากฏได้อย่างทรงพลัง แม้บางครั้งจะเด่นเกินหน้าเนื้อเรื่องบนจอไปนิดหนึ่ง







Interstellar ว่าด้วยการเสริมส่งซึ่งกันและกันของแนวคิดที่แตกต่างกัน

มันถูกใช้ทั้งกับประเด็นในหนัง และวิธีที่หนังเลือกใช้ในการนำเสนอ


ซึ่ง 2 แนวคิดที่ว่าคือ "วิทยาศาสตร์" และ "ความรัก"






8 / 10




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2557
2 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2557 19:50:31 น.
Counter : 6992 Pageviews.

 

กระทู้ที่ตั้งใน pantip

//pantip.com/topic/32859467

 

โดย: navagan 15 พฤศจิกายน 2557 23:06:12 น.  

 

หนังสนุกดีครับ แต่แค่ทำเอาพวกอ่อนวิทย์แบบผมมึนตึบทีเดียว

 

โดย: ปีศาจความฝัน 17 พฤศจิกายน 2557 18:20:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.