All the girls standing in the line for the bathroom !!!

*** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ครับ ***
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 

*** War for the Planet of the Apes *** ภาษาพูด สงคราม ความแตกต่าง

*** War for the Planet of the Apes ***






ภาคที่สามของ Planet of the Apes series ที่ยังคงกำกับและเขียนบทโดย Matt Reeves



(จากนี้ไปเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)



ในครั้งนี้ Caesar (Andy Serkis) ต้องเผชิญกับการรุกรานจากกลุ่มมนุษย์ที่พยายามทำลายพวกเขา หลังจาก Koba (Tobey Kebbell) ได้เริ่มสงครามกับมนุษย์ไว้ในภาคที่แล้ว


แม้ Caesar พยายามจะหลีกเลี่ยงสงครามกับพวกมนุษย์ แต่ดูเหมือนจะไร้ผล ไม่ต่างกับการที่เขาพยายามจะหลีกเลี่ยงสงครามในใจ ที่เป็นการปะทะกันระหว่างหลักการสันติที่เขายึดถือกับความแค้นภายในจิตใจที่มีต่อพวกมนุษย์หลังจากลูกและเมียของเขาถูกฆ่าตายโดย “ผู้พัน” (Woody Harrelson)



สุดท้าย Caesar เลือกที่จะปล่อยใจไปตามความแค้นที่มีต่อมนุษย์ไม่ต่างจากที่ Koba เคยทำเอาไว้



ดังนั้นประเด็นหลักของภาคนี้จึงว่าด้วยสงคราม ไม่ว่าจะเป็น สงครามระหว่างมนุษย์กับวานร, สงครามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ รวมถึงสงครามภายในจิตใจของ Caesar ที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกและหลักการที่ยึดมั่น



แต่มีประเด็นหนึ่งในหนัง ที่บางทีแล้วผู้กำกับอาจไม่ได้ตั้งใจนำเสนอ แต่มันกลับน่าสนใจจนอดที่จะเขียนถึงไม่ได้






ตามคำบอกเล่าของผู้พัน เชื้อไวรัสที่เคยแพร่เชื้อในมนุษย์นั้น ได้กลายพันธ์และทำให้มนุษย์ สูญเสียเอกลักษณ์อันสำคัญที่สุดของมนุษย์ (ที่แตกต่างจากสัตว์อื่นโดยสิ้นเชิง) ก็คือ “การสื่อสารโดยการพูด” แล้วจากนั้นมนุษย์จะค่อยๆสูญเสียกระบวนการคิดที่ซับซ้อนไปในที่สุด



ซึ่งนั่นหมายความว่า ไวรัส ไม่ได้ทำให้มนุษย์ไม่สามารถพูดได้ แต่กระบวนการคิดแบบสลับซับซ้อนของสมองก็สูญหายไปด้วย

(ลองสังเกตตัวเราเองจะพบว่า ส่วนใหญ่เวลาเราคิดในใจเราจะคิดเป็นภาษาพูดเป็นหลัก เพราะมันเข้าใจง่ายที่สุด รวดเร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อเราสูญเสียความสามารถด้านการเข้าใจภาษาพูด เราก็จะคิดสิ่งที่ซับซ้อนได้ยากขึ้น)



ในทางตรงกันข้ามเราจะพบว่า Caesar และวานรบางตัวฉลาดขึ้น คิดได้ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมกับการที่วานรเหล่านั้นสามารถพูดได้



ดังนั้นความสามารถในการใช้ภาษาพูดแสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต






จากเนื้อเรื่อง ผู้พันคิดกำจัดการแพร่เชื้อด้วยการฆ่าทุกคนที่ไม่สามารถพูดได้ นั่นทำให้เขาขัดแย้งกับมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย จนเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ขึ้นมา นี่เองที่แสดงให้เห็นว่า



ถึงแม้จะพูดคุยกันได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถเข้าใจกันได้



เราจะพบว่า ผู้พันมีทัศนะคติที่ไม่ยอมรับสิ่งที่แตกต่างจากตนเองอย่างรุนแรง จนถึงขั้นต้องทำลายทิ้งให้สิ้นซาก


- ผู้พันไม่ชอบพวกวานร ทั้งที่จริงแล้วก็สามารถอยู่ร่วมกันได้

- ผู้พันฆ่าลูกของตนเองที่สูญเสียสถานะความเป็นมนุษย์ ทั้งที่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ (หากพิจารณาถึงการรอดชีวิตของ Nova (Amiah Miller) เด็กสาวที่ติดเชื้อจนพูดไม่ได้)

- ผู้พันไม่ชอบมนุษย์ฝ่ายตรงข้ามที่คิดต่างกับตัวเขาจนถึงขั้นประกาศสงคราม



ดังนั้นสาเหตุของสงครามคือการไม่ยอมรับในความแตกต่างของผู้อื่น






กลับมาพิจารณาพรรคพวกของ Caesar ที่มีทั้งวานรที่พูดไม่ได้และไม่ได้ฉลาดเหมือนเขา, Nova เด็กสาวที่ติดไวรัสจนพูดไม่ได้ และ Bad Ape (Steve Zahn) วานรจากสวนสัตว์ที่ไม่รู้จักวิธีการสื่อสารกับวานรตัวอื่น นอกจากการสื่อสารผ่านภาษาพูดของมนุษย์เท่านั้น


เราจะพบว่าพวกเขาสื่อสารและเข้าใจกันได้ เพราะเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับผู้อื่น และยอมรับพวกที่แตกต่างเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งตัวละคร Nova ถูกใช้ประโยชน์ในการบอกเล่าประเด็นนี้


Nova อาจพูดไม่ได้และไม่ฉลาดเท่ามนุษย์ปกติ แต่เธอก็พยายามเรียนรู้ที่จะศึกษาภาษามือของพวกวานรเพื่อสื่อสาร ส่วนตัวละคร Bad Ape ก็เป็นเหมือนวานรที่สื่อสารกับผู้อื่นลำบากเมื่อ Caesar ไม่อยู่ แต่วานรตัวอื่นๆก็พยายามสื่อสารกับ Bad Ape



ดังนั้นสิ่งที่ทำให้อยู่รอดคือการอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจในความแตกต่างของผู้อื่น



การทำท่า “Apes Together Strong” คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์ในหนังที่เป็นความหมายของคำว่า รวมกันเราอยู่

และการที่ Nova ที่เป็นมนุษย์ แต่ก็ทำสัญลักษณ์เดียวกันและได้รับการยอมรับ ก็แสดงให้เห็นถึงประเด็นที่ว่าด้วยการยอมรับผู้อื่นที่ต่างจากเราได้ชัดเจนขึ้น






War for the Planet of the Apes ยังรักษามาตรฐานได้ในระดับเดียวกับ Dawn of the Planet of the Apes



หนังทำได้ดีในการค่อยๆสร้างความน่าติดตาม และวางปมต่างๆให้ตัวละครต้องคอยแก้ไข นั่นทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม

ซึ่งก็ต้องชมไปที่การแสดงของทีมนักแสดงที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อย่างดี รวมถึงทีม Special Effect ที่ดึงเอาการแสดงสีหน้าและอารมณ์จากนักแสดงมาแปลงเป็น CG ได้อย่างยอดเยี่ยม



อย่างไรก็ตามส่วนที่เป็นจุดด้อยของหนังก็ยังพอมีให้เห็น เช่นการคลี่คลายปัญหาให้ตัวละครด้วยความบังเอิญอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการรวบรัดตัดตอนในช่วงสุดท้ายที่จะต้องกำจัดมนุษย์ให้สิ้นซาก (เพื่อให้โลกกลายเป็นของวานรโดยสิ้นเชิง) แบบจงใจยัดเยียดเข้ามามากจนเกินไป






War for the Planet of the Apes เป็นความยอดเยี่ยมทั้งประเด็นของเรื่องที่น่าสนใจและความบันเทิงในรูปแบบหนัง Drama ที่ทำได้อย่างน่าติดตาม


นี่ถือเป็นการปิดจบไตรภาคที่ช่วยยกระดับให้ภาพรวมของ Series นี้กลายเป็นอีกหนึ่ง Series ที่น่าประทับใจ






8 / 10




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2560
1 comments
Last Update : 20 กรกฎาคม 2560 1:31:19 น.
Counter : 3153 Pageviews.

 

กระทู้ที่ตั้งใน Pantip

https://pantip.com/topic/36682470

 

โดย: navagan 21 กรกฎาคม 2560 1:12:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navagan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 73 คน [?]




นวกานต์ ราชานาค
Navagan Rachanark


สนใจใน ภาพยนตร์, การวิเคราะห์-วิจารณ์ ภาพยนตร์,ดนตรี, งานเขียน และ ศิลปะอื่นๆ

สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ทดลอง และ งานดนตรีทดลอง และ งานเขียน


ปัจจุบันทำงานด้านการตลาด การวิจัยและพัฒนายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติ

เริ่มจัดเก็บข้อมูลสถิติการเข้าชม

Time 09:00 Date 31/01/2010

by Histats.com

blogger web statistics

ถูกใจบทความ หรืออยากสนับสนุนเจ้าของ Blog

ก็ช่วย click ที่ Link โฆษณาครับ

ขอบคุณครับ

Friends' blogs
[Add navagan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.