Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ใต้ร่มพุทธศาสนา
เมืองไทยวันนี้
บทกวีเล็กๆ
พระในบ้าน
วรรณกรรมคู่ชาติ
สุขภาพพื้นฐาน
ท่องเที่ยวต่างแดน
โรงเรียนเล็กกลางกรุง
เพลินเพลงยุคโบราณ
<<
พฤศจิกายน 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
6 พฤศจิกายน 2551
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง
All Blogs
อุทกภัยแผ่กว้าง ย้อนอดีต ถึงวันนี้
เขาพระวิหาร สมบัติของคนไทยอย่างแน่นอน
พันท้ายนรสิงห์ ผู้รักษากฎมณเฑียรบาลยิ่งกว่าชีวิต
หมู่บ้านทำกลอง จังหวัดอ่างทอง
ปราสาททราย ที่ท่องเที่ยวอลังการ เมืองแปดริ้ว
เพียงเศษกระดาษก็เกิดผลดีระดับชาติ "เครื่องบินกระดาษพับ"
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
รถตุ๊กตุ๊ก สิ่งมหัศจรรย์ของชาวต่างชาติ
ส.ค.ส. พระราชทาน ตั้งแต่พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2552 เพลงเทิดพระเกียรติ "ภูมิแผ่นดิน นวมินทร์มหาราชา"
วัดธรรมาราม วัดสมัยอยุธยาตอนปลายที่พัฒนาระบบ 5 ส.
ธนบัตรปลอมระบาด + วิธีสังเกตธนบัตรปลอม
เพลินเพลง "ดอกประดู่"
เพลินเพลง "เทียนแห่งธรรม"
ตลาดลาดชะโด ตลาดที่อนุรักษ์ความเป็นไทยอย่างแท้จริง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง
ประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำของคนไทยทั้งชาติ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดสุวรรณดารารามราชวรมหาวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
มุมหนึ่งในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
ประเพณีสงกรานต์ที่ชาวต่างชาติคิดว่าเล่นน้ำอย่างเดียว
สวัสดีปีใหม่ (วันสงกรานต์) ปี'51 ณ บ้านเลขที่ 80 รามคำแหง 46
พระที่นั่งอนันตสมาคม
ถนนข้าวสาร
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง
ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ
วันนี้ขอเล่าเรื่องเบาๆ เป็นประสบการณ์ของคนว่างงานที่เยี่ยมๆมองๆแถวท้องสนามหลวง ดูแล้วก็เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ไม่รู้จะไปไหนก็ไปสนามหลวง ก็ที่ท้องสนามหลวงแห่งนี้มีรถประจำทางผ่านหลายสาย หลายทิศทาง ขอเพียงมีค่าโดยสาร ถึงไหนถึงกัน เวลากลับถ้ากลัวหลงทางก็นั่งสายเดิมกลับมาลงที่ท้องสนามหลวงนั่นแหละ ถึงบ้านแน่ค่ะ
หอบพะรุงพะรังเหมือนบ้าหอบฟาง มีเป้ ขาตั้งกล้อง ส่วนตัวกล้องทั้งดิจิตอลและวีดิโอ ขวดน้ำ สมุดบันทึก โทรศัพท์มือถือ ปากกา ดินสอ อยู่ในเป้ สวมหมวกและแว่นกันแดด เดินเทิ่งๆอยู่หน้าศาลหลักเมือง กะในใจว่าจะถ่ายภาพที่นั่นให้สนุกสนานมือ...เป็นการลองกล้องวีดิโอที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะสวยเก๋เท่ขนาดไหน
หน้าศาลหลักเมือง มีคุณลุง คุณป้าวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อขายดอกไม้ธูปเทียน "รับดอกไม้มั๊ยคะ ข้างในขายแพงนะ" ได้ยินแต่คำพูดอย่างนี้หลายเที่ยว จึงยิ้มแบบปะแล่มๆให้เขาพร้อมโบกมือบ๊ายบาย แทรกพวกพ่อค้าแม่ขายเข้าไปข้างในจนได้ ที่รู้ก็เพราะได้ยินเสียงละครชาตรีกำลังร้อง กำลังเล่นและกำลังรำกันอย่างสนุกสนาน ละครแก้บนคนยืนดูไปก็ฮากันไป มุขตลกเยอะ เลยถ่ายรูปเก็บไว้ 1 ภาพ ถูกผู้แสดง 1 คนแซวอีก เอ้อ....ให้มันได้อย่างงั้นซิ
ข้างๆเวทีละคร มีเจ้าหน้าที่ขายดอกไม้ธูปเทียน ราคาเท่าใดไม่ทราบเพราะไม่สนใจที่จะซื้อ ถัดไปคือที่เติมน้ำมันเพื่อต่ออายุ ใครเกิดวันไหนก็บูชาพระประจำวันองค์นั้น เติมน้ำมันแล้วก็อย่าลืมอธิษฐานจะขอสิ่งใดก็สุดแต่ใจปรารถนา บางคนอธิษฐานตั้งนาน ไม่รู้ให้ท่านช่วยอะไรบ้าง เสร็จสรรพก็หยิบสตางค์หยอดเข้าตู้บริจาค 5 บาท ข้าพเจ้าเหลือบมองดูพระประจำวันของเขา เห็นท่านอมยิ้มรำพึงว่า "โยม.....อยู่อย่างพอเพียงจังเลย ขอให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีน้อยทำน้อย มีมากทำมาก เงินที่เหลืออย่าไปเล่นหวยจนหมดล่ะ" สาธุ สาธุ สาธุ
ตรงข้ามกับที่บูชาพระประจำวันเกิด ผู้คนจุดธูปกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ นำไปกราบไหว้เจ้าพ่อหลักเมืองที่เป็นองค์จำลอง มีบทสวดบูชาที่เด่นชัด หลังจากที่ข้าพเจ้าสักการะบูชาเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปในวิหารอันเป็นที่สถิตของเจ้าพ่อหลักเมืององค์จริง ทางการสร้างองค์ใหม่ครอบไว้เนื่องจากของเก่าทรุดโทรมมาก (พยายามส่งภาพมาให้ดูกัน แต่ภาพไม่ออก......ขออนุญาตไปศึกษาก่อนว่าต้องทำอย่างไรนะคะ)
“ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร”
คู่บารมีกรุงรัตนโกสินทร์ (ค้นคว้าจากGoogle)
กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของประเทศไทยนั้นก็มีเสาหลักเมืองคู่บ้านคู่เมือง มาตั้งแต่ครั้งสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเสาหลักเมืองประดิษฐานอยู่ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ใกล้กับวัดพระแก้ว ความแปลกโดดเด่นของศาลหลักเมืองกรุงเทพฯนี้ เห็นจะอยู่ตรงที่มีถึง 2 หลักด้วยกัน โดยเสาหลักแรกสร้างขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) โปรดเกล้าให้ทำพิธียกเสาหลักเมืองสถาปนาพระนครใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 10 ค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 6.45 นาฬิกา ซึ่งใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง โดยประกอบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 ซ. สูง 27 ซม. และกำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 10 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง เรียกได้ว่าเสาหลักเมืองนี้เป็นสิ่งก่อสร้างอันศักดิ์สิทธิ์แรกๆ ที่อยู่คู่กับพระนคร
ส่วนเสาที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 4) ทรงโปรดเกล้าให้มีการขุดเสาหลักเมืองเดิม และจัดสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุด เป็นแกนไม้สัก ประกอบด้านนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ 6 แผ่น สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มีความสูงกว่า 5 ม. พร้อมกับอัญเชิญหลักเมืองเดิม และหลักเมืองใหม่ ประดิษฐานอยู่ใกล้กันในอาคารศาลหลักเมืองที่มียอดปรางค์ ก่ออิฐฉาบปูนขาวที่ได้แบบอย่างจากศาลหลักเมืองอยุธยา
ด้านจุลภัสสร ได้แสดงทัศนะถึงเหตุที่เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ มี 2 เสา ก็เพราะว่า “ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีกษัตริย์ด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะพระปิ่นเกล้าฯ มีดวงพระชะตาเรียกว่าเสมอกันกับพระองค์ พระองค์ก็เลยสถาปนาให้เป็นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ที่ 2 ฉะนั้นเมื่อมีพระเจ้าอยู่หัว 2 องค์ในแผ่นดินเดียวกัน จึงโปรดเกล้าให้สถาปนาหลักเมืองขึ้นมาอีกหลักหนึ่ง คือเหมือนกับแผ่นดินซ้อนแผ่นดิน เลยต้องมีเสา 2 ต้น”
ทราบเรื่องราวความเป็นมากันแล้วนะคะ ตรงข้ามวิหารเจ้าพ่อหลักเมืองหรือศาลหลักเมือง มีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมือง 5 องค์ คือ
พระเสื้อเมือง
มีหน้าที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
พระทรงเมือง
มีหน้าที่รักษาการปกครองและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี
เป็นบริวารพระยมมีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
เจ้าพ่อเจตคุปต์
เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไปและอ่านประวัติผู้ตายเสนอพระยม
เจ้าพ่อหอกลอง
มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และเที่ยงคืน เกิดอัคคีภัย หรือมีข้าศึกศัตรูมาประชิดพระนคร
นอกจากข้าพเจ้าจะได้รูปภาพที่สวยสดงดงามตามที่ปรารถนาแล้ว ยังดีใจสุดกำลังที่ได้มีโอกาสมาสักการะสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง ร่วม 30 กว่าปีที่ห่างเหินไปไกล ทั้งๆที่ก็อยู่กรุงเทพฯ
ท่านผู้ใดที่คล้ายกับข้าพเจ้า มาเถอะค่ะ แล้วท่านจะตื่นตาตื่นใจในความมหัศจรรย์ (ใจ)
ศิลปะแห่งความวิจิตรบรรจงของความเป็นไทยยังเต็มเปี่ยมในศาลหลักเมือง
เทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่บ้านเมือง
มุมหนึ่งในศาลหลักเมือง พบแต่ความร่มเย็น
นมัสการเจ้าค่ะ
แม้แต่ปืนใหญ่หน้ากระทรวงกลาโหมยังมาขอพักเหนื่อยที่ศาลหลักเมือง
คำอธิษฐานขอพรเทพยดา
ลากันตรงนี้นะคะ Bye...Bye
สวัสดีค่ะ
ครูแอ๊ว
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 7 เมษายน 2555 7:37:53 น.
13 comments
Counter : 1185 Pageviews.
Share
Tweet
ศาลหลักเมือง ไม่ได้ไปเดินเล่นเเถวนั้นนานเเล้วค่ะ ดีที่ทำให้นึกขึ้นได้
กระทรวงกลาโหม สมัยเด็กๆเจ้าถิ่นเลยค่ะ
โดย: " ยูกะ " (
YUCCA
) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:05:22 น.
ดีจังค่ะ
ยังไม่เคยไปศาลหลักเมืองกรุงเทพเลย หุหุ แบบบ้านไกลอ่ะ ปริมณฑลอีกฝั่งแน่ะ
ขอบคุณที่แวะไปหานะคะ
โดย:
babybeeh
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:35:53 น.
ไม่เคยไปไหว้สักทีค่ะ อยู่กรุงเทพฯ มาก็นาน
ต้ิองหาเวลาไปไหว้บ้างแล้ว
โดย:
bombik
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:39:29 น.
แจ่มจริงๆ
ขอบคุณที่นำมาให้ชมอยู่กรุงเทพตั้งหลายปี ไม่เคยเข้าไปชมสักครั้ง
โดย:
บ้าได้ถ้วย
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:31:11 น.
ภาพถ่ายชัดดีนะคะ ปอเองอยู่กรุงเพทฯแท้ๆ ยังไม่เคยได้ไปสักการะศาลหลักเมืองเลยค่ะ แหะๆ...
เอากาแฟมาฝากค่ะ
มีความสุขในทุกๆ วันนะคะ งุงิ ^ ^
โดย:
Butterflyblog
วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:32:32 น.
ขอบคุณค่ะที่แวะไปเยี่ยมเยียนที่ blog บ่อยๆ
อ่านแล้วได้ความรู้มากเลย อิฉันเองก็เคยได้ไปสักการะศาลหลักเมืองบ่อยๆ เหมือนกัน
โดย:
ชญาลี
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:35:19 น.
สวัสดีค่ะคุณครู ..
ขอบคุณมากเลยนะคะ ..
สวนที่ศาลหลักเมืองเค้าจัดสวยร่มรื่นดีจังเลยค่ะ ..
น่าไปมากมากเลยนะคะ ..
ต้องหาโอกาสไปซะแล้ว ..
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ..
โดย:
บ้านอุ่นรัก
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:07:38 น.
สวัสดีครับ สบายดีนะครับ
ผมผ่านสนามหลวงบ่อยครับ เดินผ่านศาลหลักเมืองหลายครั้ง แวะเข้าไปไหว้ก็หลายครั้งครับ
ชมภาพถ่ายแล้วสบายใจดีครับ
โดย:
Insignia_Museum
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:22:40 น.
นักวิจัยค้นคว้าแต่งตัวแบบนั้นล่ะค่ะ จันทร์ก็เป็นบ้าหอบฟางเหมือนกัน
ข้อมูลดีจังค่ะ
ตัวหนังสือในกล่องcmtเนี่ยเล็กไปหน่อยรึปล่าวคะ อิ อิ
โดย:
จันทร์ไพลิน
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:29:41 น.
ดอกช้อนทองเลี้ยงไม่อยากครับ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมชม
สุขสันต์วันหยุดนะครับ
โดย:
Lucky in Life
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:32:15 น.
แวะมาเยี่ยมจร้า.................
โดย: เบ้ (
golf_benz
) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:50:24 น.
มารับไปทานทอดมันมโนราห์คับ
อิอิ..
โดย: เฮียนซุน (
hiansoon
) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:17:03 น.
เอ่อออ
มาเรียนกรุงเทพตั้งแต่ ม.1 แต่ยังไม่เคยไปศาลหลักเมืองเลยอ่า....
สนามหลวง ตอนอยู่โรงเรียนกลับบ้านนี่ผ่านทุกวัน
โดย: นัทจัง (
peanut_p
) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:14:04 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
nathanon
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
เราหรือชื่อครูแอ๊ว
สอนเด็กแนวแถวกลางเมือง
ศิษย์เด่นดังรุ่งเรือง
เกียรติฟูเฟื่องครูชื่นชม
ตกอับครูเศร้าสร้อย
โอ้..ศิษย์น้อยช่างขื่นขม
เธอทุกข์ครูระทม
อย่าโศกตรมมาหาครู
HOME SWEET HOME
แต่ละคนย่อมเดินไปตามทางชีวิตของตนเอง ดังนั้นควรมองตัวเอง สังเกตตัวเอง เรื่องคนอื่นตัดทิ้งได้
Color Codes ป้ามด
Friends' blogs
majoreenu
` FLuFFybY~ KeLLy ^
Insignia_Museum
ร่มไม้เย็น
บ้านอุ่นรัก
กิ่งลีลาวดี
NuHring
จันทร์ไพลิน
YUCCA
a_music
ป้ามด
ลุงแว่น
jinjung
อัสติสะ
พ่อระนาด
หมึกสีดำ
มินทิวา
ผู้หญิงราศีพิจิก
อาคุงกล่อง
kittyzee
ชญาลี
ขุนยวม
กะว่าก๋า
Sweety-around-the-world
lozocat
sirivinit
คนผ่านทางมาเจอ
Great_opal
yyswim
ลุงแอ๊ด
หน่อยอิง
คนตาพิการ
wicsir
ชาวมหาวิหาร
blue-mercury
Webmaster - BlogGang
[Add nathanon's blog to your web]
Links
ภาษามือ 1
ภาษามือ 2
ประวัติศาสตร์ชาติไทย
oknation
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
กระทรวงกลาโหม สมัยเด็กๆเจ้าถิ่นเลยค่ะ