Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
พุทธิปัญญาจากหมาขี้เรื้อน

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ตุ๊กได้มีโอกาสไปซื้อหนังสือหลายเล่มค่ะ ตั้งใจจะไปเดินดูหนังสือสำหรับตั้งชื่อลูก แต่ก็ไปสะดุดตาหนังสือของท่าน ว.วชิระเมธี เล่มหนึ่ง ชื่อว่า "ธรรมะงอกงาม" ตุ๊กอ่านหนังสือของท่านมาหลายเล่มแล้วค่ะ ชอบไสตล์งานเขียนที่เข้าใจง่าย และตรงใจ ก็เลยตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากนัก

พอกลับมาบ้านหลังจากปวดหัวกับการควานหาชื่อเจ้าลูกชายตัวแสบ ก็เลยหยิบหนังสือของท่านมาอ่าน จนไปสะดุดกับเรื่องนึง ซึ่งอ่านแล้วช่วยเปิดสมองน้อย ๆ ของข้าพเจ้าให้แจ่มใสยิ่งนัก เรื่องนี้อยู่ในหมวด เมล็ดพันธุ์ 2 พุทธิปัญญาจากภายใน ชื่อตอน พุทธิปัญญาจากหมาขี้เรื้อน

เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายของนักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากเมืองนอก ยังไม่ทันได้ทำงาน ผู้เป็นแม่ก็ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เค้าจึงตัดสินใจบวชอย่างเสียไม่ได้เพราะเห็นแก่แม่ของเขา เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในเมืองแล้วผู้เป็นแม่พาเค้าไปฝากตัวอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งในวัดป่าแถวอีสาน

พระหนุ่มผู้มีการศึกษาสูง มาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขความสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลานานเป็นเดือน กว่าจะนิ่งได้ ก็ทำเอาพระร่วมวัดอิจหนาระอาใจไปตาม ๆ กัน

ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองเป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดก็นึกเหยียดพระในวัดว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเช่นตัวเอง ออกบิณฑบาตรได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็หาว่าล้าสมัย ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี ตอนหัวค่ำมีทำวัตรสวดมนต์เย็น ก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะยุติก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำ ล้างไปบ่นไป ตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอก ต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำกับใครก็ไม่รู้

ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถือว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสุงกว่าใครในวัด ผิวพรรณก็ดูตสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็กระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฎิเมื่อไร ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกอย่างใจจดจ่อ

อยู่มาได้พักใหญ่ พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดจา นาน ๆ ครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์ วัน ๆ ก็ไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยมีก็ไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มองให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วร้อนวิชา อุตส่าห์เขียนคำวิพากษณ์วิจารณ์บริหารจัดการวัดได้ร่วมยี่สิบข้อ เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่า รวมทั้งเสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นดูถูก

หนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น พระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่ม สามเณรน้อยทั้งหลายฟัง แต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ ๆ

"เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรื้อนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อนคันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะ มันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันก็วิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบเสียที เลยต้องวิ่งไปทางนู้นทางนี้อยู่ทั้งวัน

เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้ตัวสักนิดไม่ว่าเจ้าสาเหตุแห่งอาการ "คัน" นั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคเรื้อนทีเกาะกินอยู่บนหลังของตัวมันเองต่างหาก"

พูดจบแล้วหลวงพ่อก็นั่งนิ่ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว ขณะที่พระทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินาน ๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยะโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตนเอง แม้เมื่อออกพรรษาแล้ว โยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจของครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก

"อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์อีกสักหนึ่งพรรษา"

โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า"หมาขี้เรื้อน"ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ

ที่มา : จากหนังสือธรรมะงอกงาม ของท่าน ว.วชิระเมธี

ไม่รู้ใครเหมือนตุ๊กหรือเปล่า แต่ตุ๊กอ่านแล้วรู้สึกว่าฟ้าเปิดเลยค่ะ ตาสว่างทันที ไอ้เรื่องที่หม่นมัวอยู่ในใจหายไปในพริบตา รำพันกับตัวเองว่า อ๋อ...มันเป็นแบบนี้นี่เอง ได้สติเดือนตัวเองว่า อย่าทำตัวเป็นหมาขี้เรื้อน แล้วก็ อย่าสนใจคนนิสัยหมาขี้เรื้อน เพราะมันไม่มีประโยชน์อันใดเลยสักนิดเดียว มีแต่ทำให้รกสมองเปล่า ๆ

ขอบคุณสำหรับหนังสือดี ๆ ที่ทำให้ได้รับความกระจ่างในวันที่มืดมนทางความคิดนะคะ


Create Date : 25 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 10:42:29 น. 0 comments
Counter : 987 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หลานตานี
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ยังปิ๊งเหมือนเดิม

เหนื่อยแต่มีความสุข
Friends' blogs
[Add หลานตานี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.