หนังสือของคุณ E. Nesbit ตั้งที่ 1
สแกนปกหนังสือวันละนิดจิตแจ่มใส

1. รอพ่อยามยาก - The Railway Children




สุธัชริน แปล (จากเรื่อง The Railway Children)
สำนักพิมพ์ อาร์ต แอนด์ ซายน์
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2524
ราคา 36 บาท หนา 360 หน้า
ผู้แปลบอกในคำนำว่า "เป็นเรื่องยาวที่ข้าพเจ้าเห็นว่าดีที่สุดของ E. Nesbit "

เรื่อง The Treasure Seeker (และอาจรวมถึง sequel อีก 2 เล่มในชุด) และเรื่อง The Railway Children นี้ นับเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดของคุณ Nesbit และได้ทำให้เราคิดว่า คุณ Nesbit เขียนเรื่องแนวชีวิตจริงในโลกปัจจุบัน(ในยุคสมัยของเธอ) ได้ดีกว่าเรื่องแนวเวทมนตร์อย่างมาก

============
(บางส่วนจากฉบับแปล เมื่อแม่มีเวลาสอนหนังสือลูก ๆ ทั้งสามที่บ้าน)

การเรียนของพวกเด็ก ๆ นี่มันก็แปลกอยู่อย่างเหมือนกันหมดทั้งสามคน คือต่างก็ไม่อยากเรียนวิชาที่ตัวเองเรียน ต่างคิดว่าวิชาที่อีกคนเรียนอยู่นั้นดูน่าเรียนกว่าของตัวเองทั้งนั้น เมื่อปีเตอร์เรียนภาษาละติน เขาก็คิดว่าถ้าได้เรียนประวัติศาสตร์อย่างบ็อบบี้ก็จะดีหรอก ส่วนบ็อบบี้กลับนึกอยากเรียนเลขคณิต ซึ่งฟิลลิสกำลังเรียนอยู่ ส่วนฟิลลิส-แน่ละ ย่อมต้องคิดว่า ภาษาละตินนั้นเป็นวิชาที่น่าเรียนที่สุดเลย
...
ดังนั้นวันหนึ่ง พอนั่งประจำที่ของตัวเพื่อจะเรียนปั๊บ ต่างจึงเห็นว่ามีกลอนของแม่วางไว้ให้กันแล้วทุกคนคนละบท
...
แม่แต่งราวกับว่าเจ้าตัวเขียนเองกระนั้นแล

ปีเตอร์
ฉันเคยคิดหนหนึ่งว่าซีซาร์นี่ขี้โมโหชะมัด
ส่วนตัวฉันเองนั้นช่างอ่อนไหวง่ายเสียนี่กระไร
เมื่อฉันเริ่มศึกษาเรื่องของซีซาร์
จึงรู้ว่ารู้เรื่องของซีซาร์น้อยเหลือหลาย
โอ การศึกษาเกี่ยวกับการแจกกริยาภาษาละตินนี้
ช่างลำบากยากเย็นเสียจริง ๆ หนอ
อยากจะเรียนประวัติศาสตร์กว่าละตินนักล่ะ


บ็อบบี้
ที่น่าเบื่อที่สุดในวิชาฉัน
คือการเรียนว่าใครครองราชย์ต่อจากใครมั่ง
ในกระบวนราชาราชินีมากมายหลายองค์
ต้องจำว่าวันไหนองค์ไหนทำอะไร
วันที่เยอะแยะเล่นเอาจับไข้เลย
ฉันอยากเรียนเลขคณิตเหลือเกิน


ฟิลลิส
แอปเปิ้ลปอนด์แล้วปอนด์เล่า
จดจนเต็มกระดานชนวนฉัน ราคาเท่าไหร่ที่เธอต้องจ่าย
คิดแล้วก็ลบแล้วลบอีกอยู่นั่นแล้ว
พอเจอเลขหารเข้าเล่นเอาร้องไห้เลย
ฉันจะทุบกระดานชนวนแตกเสียแล้วกรีดร้องด้วยความดีใจยิ่ง
ถ้าได้เรียนภาษาละตินแทนเหมือนปีเตอร์

============

ฉบับภาษาอังกฤษ โดยสำนักพิมพ์ Penguin Books พิมพ์เมื่อปี 1995
ราคา 75 บาท

2. Harding's Luck


สำนักพิมพ์ Books of Wonder
Paperback edition ปี 1998
226 หน้า
ราคา 12.95 USD

เล่มนี้ค่อนข้างภูมิใจที่เป็นของใหม่ และได้มาในราคาปกโดยไม่เสียค่าส่ง ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนที่แสนน่ารักที่ช่วยฝากคนอื่นซื้อและแบกมาให้อีกที (รอยยับเกิดจากการขนส่ง) ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราหาซื้อไม่ได้อยู่หลายปี และตอนนี้ used paperback ฉบับนี้ก็ยังขายกันที่ 14-45 USD อยู่เลย ยิ่งเป็นฉบับ hardback ยิ่งแพงเกิน 100 USD อีก ดูแล้วไม่กล้าคิดถึงราคาของฉบับที่เป็น edition เก่ากว่า 1998 ว่าจะแพงสักเพียงไหน

ใครที่เคยอ่าน The House of Arden มาก่อนคงจะคุ้นเคยดีแล้วกับเจ้า Mouldiwarp ตุ่นสัญลักษณ์ประจำตระกูลอาร์เดน ที่ต้องแต่งกลอนเรียกจึงจะมา (ห้ามใช้กลอนที่คนอื่นแต่งเด็ดขาดเพราะมันจะไม่มา) ในเล่มนี้มีตุ่นตั้ง 3 ตัวคือ Mouldiwarp, Mouldierwarp และ Mouldiestwarp อ่านทีก็หัวเราะจนเหนื่อยทุกที แต่โดยรวมแล้วเรื่องนี้ออกจะมีบรรยากาศจริงจังลึกซึ้ง ไม่ได้เน้นตลกหรอกนะคะ ^^ เป็นเรื่องที่น่ารักและชอบมาก และรู้สึกร่วมไปกับตัวละครมากเป็นพิเศษเพราะเด็กที่เป็นพระเอกคิดอะไรคล้ายเรามากอยู่ หลายคนบอกว่าเรื่องนี้ dark บ้างล่ะ Dickensian บ้างล่ะ ไม่สนุกบ้างล่ะ แต่เรากลับคิดว่า นี่เป็นเรื่องแนวเวทมนตร์ที่ดีที่สุดของคุณ Nesbit

==========
(ตอนที่เอลฟริด้าพยายามแต่งกลอนเรียกตุ่นตัวบิ๊กสุด เธอแต่งออกมาว่า)
"Great Mouldiestwarp, on you we call
To do the greatest magic of all;
To show us how we are to find
Dear Dickie who is lame and kind.
Do this for us, and on our hearts we swore
We'll never ask you for anything more."

"I don't see that it's so much better than mine," said Edred; "and it ought to be swear, not swore."

"I don't think it is. But you didn't finish yours. And it couldn't be 'swear,' because of rhyming," Elfrida explained. "But I'm sure if the Mouldiestwarp hears it he won't care tuppence whether it's swear or swore. He is much too great. He's far above grammar, I'm sure."
==========

3. The House of Arden


สำนักพิมพ์ Red Fox ในเครือ Random House
Red Fox edition 2001 (paperback)
ราคา 4.99 ปอนด์
อ่านแค่รอบเดียวอย่างเบามือ ก็ยังหลุดออกมาเป็นแผ่น ๆ ให้ช้ำใจเล่น ไว้ถ้าเจอปกแข็งสภาพดีราคาถูกจะซื้ออีก

เรื่องนี้มีฉบับแปลไทยโดยแพรว แต่เราไม่ค่อยชอบสำนวนแปลก็เลยไม่เคยอ่านฉบับภาษาไทยจนจบ ถ้าเป็นไปได้ก็จะลองแปลเองดู ..ถ้าหากว่าทำสารพัดอย่างที่ตั้งใจจะทำได้สำเร็จและมีเวลาล่ะก็

4. หาสมบัติ - The Story of Treasure Seekers
และเรื่องอื่น ๆ พ่วงมาด้วย


สุพรรณิการ์ แปล
สำนักพิมพ์ดวงกมล
พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2523
ราคา 20 บาท

-------

sequel ของ "หาสมบัติ"
สุพรรณิการ์ แปล
สำนักพิมพ์ดวงกมล
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2524
ราคา 29 บาท
-------






ทั้ง 3 เล่มนี้พิมพ์โดย Wordsworth Editions Ltd.
ปี 1993-1995
ราคาเล่มละ 80 บาท เท่ากันหมด



Create Date : 31 ตุลาคม 2548
Last Update : 5 มกราคม 2549 0:15:14 น.
Counter : 3608 Pageviews.

4 comments
  
เซ็ตนี้เคยอ่านเล่ม 1-4-5-6 ค่ะ โดยเฉพาะหาสมบัติ กับสมาคมใผ่ทำดีชอบมากเลย จำได้ลาง ๆ ว่าสัตว์ประหลาดสารพัดนึกนี่มีเล่ม 2 ต่อด้วยใช่มั้ยคะ ยังๆไงน้องว้อบแว้บช่วยยืนยันให้พี่ด้วย...มันเลือน ๆ ไปแล้ว

เมื่อวานนี้พี่ไปร้านหนังสือแถวสถานีโตเกียวมาค่ะ มีหนังสือที่อยากจะซื้อหลายเล่ม แต่ราคามันแพงกว่าหน้าปกที่เขียนเยอะเลย แบบ The Hobbit หน้าปก 7.99 เหรียญ มันก็ขายซะ 1,400 เยน พี่ก็เลยยังไม่สอยมา...เวลาซื้อหนังสือที่นี่ นอกจากจะดูคุณภาพแล้วยังต้องดูราคาด้วย (บางเล่มพี่แกบวกซะ 3 เท่า)

พี่ก็เลยคว้าเอา Double Fudge มาแทน ตอนแรกนึกว่าตัวเองตาฝาด เฮ้ย....ทำไมมีเล่มนี้ เพราะพี่มี fudge-a-mania/superfudgeแล้ว แต่ยังไม่เห็นเล่มนี้ พลิก ๆ ดูด้านใจ ถึงบางอ้อ อ้าวเพิ่งพิมพ์ปี 2002 นี่นา (พี่ไม่ได้ไปฮาวายแล้ว เลยไม่ได้ซื้อมา)

แล้วก็นิทานกริมม์ กับ นิทานฮัน แอนเดอร์สัน แต่ละเล่มหนาประมาณพจนานุกรม Oxford ดูแล้วคุ้มราคาดี

จากนั้นพี่ก็ขึ้นรถไฟไปย่าย Book Town มันเป็นย่านที่มีร้านหนังสือติด ๆ กัน 1-20 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือมือ 2 อารามนึกว่าจะเจอของถูก....แต่หนังสือตปท.เป็นหนังสือหายากทั้งนั้นเลย เข้าข่ายantique คาแบบ โอย..เป็นลม พี่เห็นกาพย์มหาภารตะ 4 เล่ม (Mahabparata) โอย น้ำลายไหลเลย อยากได้ แต่มันขายเป็นเซ็ต 9,500 เยน เลยยังไม่คว้ามา เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีปัญญาอ่านหนังสือสูงส่งแบบนี้แน่ ๆ แต่พอกลับมาบ้านเล่าให้แฟนฟัง...แฟนพี่บอกว่าให้สอยมาเลย สงสัยพี่คงต้องกลับไปเอาอีกรอบ
โดย: fudge-a-mania วันที่: 2 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:32:07 น.
  
ผมมักอ่านเรื่องแปลไม่ค่อยเข้าใจ หนังสือแปลจึงตั้งอยู่ในสภาพเดิม พยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ
โดย: btea วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:18:28:12 น.
  
สัตว์ประหลาดสารพัดนึกนี่มีเล่ม 2 ต่อ - ใช่ค่ะ
ภาคต่อของ Five children and it (สัตว์ประหลาดสารพัดนึก) ก็คือ Phoenix and the Carpet รูปสุดท้ายนั่นล่ะค่ะ ^^ หนังสือที่ญี่ปุ่นโดนบวกโหดปานนนั้นเพราะต้องเสียภาษีนำเข้าหรือเปล่าคะ ขนาด Book Town ที่ Jimbocho ก็แพงหรือเนี่ย แต่พี่มีสปอนเซอร์ซะอย่าง

อิจฉาคนที่อยู่อเมริกา หนังสือ used หน้าตาเหมือนใหม่เล่มละแค่ 1-7 เหรียญ กรี๊ดดดดด

=======
คุณ btea อ่านฉบับภาษาอังกฤษสิคะ ไม่ต้องอ่านหนังสือแปล แปลดียังไงก็สู้อ่านต้นฉบับไม่ได้ ^^ แต่ถ้าเป็นหนังสือภาษาอื่น ๆ นอกจากอังกฤษก็ ..
ค่ะ
โดย: ว้อบแว้บ* วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:25:45 น.
  
โดย: uy09 IP: 203.155.46.54 วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:18:03:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ว้อบแว้บ*
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



---------------
A crazy BoA fan, a die-hard S♡NE.
---------------
Daum search^^ 소녀시대!

ตุลาคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog