บล๊อกนี้เก่าดองเป็นบล๊อกเก็บตกพาเที่ยวเมืองซูโจว จะทิ้งไปก็เสียดายรูป
อีกอย่างเคยเขียนบล๊อกโจวจวงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซูโจวไปแล้ว
เลยต้องเอามาปัดฝุ่นอัพซูโจวให้จบ หลังจากทำบล๊อกเสร็จรู้สึกว่ามันยาวมาก
แถมรูปก็แยะ ถ้าขี้เกียจอ่านก็ดูรูปผ่านๆ ไปก็ได้นะคะ
ที่เขียนยาวๆ ก็ทำเผื่อไว้ให้กับคนที่มาค้นหาข้อมูลสำหรับไปเที่ยว
หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ^^
เมืองซูโจวมีสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า ในฟากฟ้ามีสวรรค์ ในแผ่นดินมีซูโจว
ซึ่งก็หมายความว่าซูโจวคือสวรรค์บนดิน เป็นเมืองแห่งสาวงาม
เป็นเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997
เป็นเมืองที่มีโบราณสถานมากที่สุดเมืองหนึ่งของจีน
รองจากกรุงปักกิ่งและเมืองซีอาน
โดยมีโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีถึง 489 แห่ง
ในจำนวนนี้มี 15 แห่งที่เป็นไฮไลท์ใหญ่ๆ ของการมาเยือน
เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องผ้าไหมและงานปัก
ถึงจะมีสถานที่เที่ยวแยะแต่เราแพลนไปแค่วันเดียวคือเช้าไปเย็นกลับ
การเดินทางจากเซี่ยงไฮ้จะซื้อทัวร์ไปหรือจะไปกันเองก็ได้ง่ายจัง
เพราะเมืองนี้อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้แค่ 80 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาทีด้วยรถไฟความเร็วสูง
จากสถานี Shanghai Railway Station ขอบอกว่าในสถานีคนแยะม๊ากกก
เราว่าใช้เวลาที่สถานีรถไฟก่อนขึ้นรถนานกว่าเวลาในการเดินทางซะอีก
ค่าโดยสารรถโดยสารชั้นหนึ่งประมาณ 300 บาทต่อเที่ยว
ในสถานีรถไฟนอกจากมีฟาสฟู๊ดอย่าง KFC
ก็จะร้านขายของชำแบบ local เห็นร้านแบบนี้เรางี้ชอบนัก
ไม่ได้ซื้อก็ขอเข้าไปดูว่าเค้ามีขายอะไรกันบ้าง
สินค้าขายดีก็คือกองที่เห็นข้างหน้าเป็นพวกไส้กรอก
เนื้อไก่ไข่ต้มสีคล้ำเหมือนต้มพะโล้ซีลสูญญากาศ
แล้วก็ขนมปังที่ดูแห้งๆ เครื่องดื่มที่ไม่แช่เย็น
ถึงซูโจว ด้านหน้าสถานีรถไฟมีรถรับจ้างบริการรอเรียกแขกเพียบ
ทั้งแท็กซี่ป้ายเขียวป้ายดำ สามล้อถีบ รถเมล์
สำหรับเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมากมาย
จึงมีรถเมล์บริการสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
โดยผ่านสถานที่เที่ยวที่สำคัญดูตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ
"เส้นทางรถเมล์สำหรับนักท่องเที่ยวในซูโจวคลิ๊กที่นี่"
นอกจากรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยวสาย 1 กับ 2
ยังมีรถเมล์ธรรมดาสาย 146, 949 วิ่งผ่าน
เราขึ้นรถเมล์ธรรมดาจำไม่ได้ว่าสายอะไร ค่าโดยสารคนละ 5 บาท
สถานที่แรกที่เราแพลนจะไปคือ Tiger Hill หรือเขาเนินเสือ
มีชื่อภาษาจีนว่าหู่ชิว เป็นสถานที่ที่มีประวัติยาวนานถึง 2500 ปี
ซูโจวเป็นเมืองที่ใช้เส้นทางทางน้ำเป็นทางสัญจรในอดีต
42% ของเมืองคือน้ำ เป็นเมืองที่มีสวนมีแม่น้ำ มีทะเลสาบ มีคลองต่างๆมากมาย
ทำให้มีชื่อเรียกว่าเป็นเมืองเวนิสแห่งเอเซียอีกเมืองหนึ่ง
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จก่อนเข้าไปในบริเวณ Tiger Hill มีตรอกเล็กๆ เหมือนตลาด
หมายมั่นว่าตอนขากลับจะต้องมาเดินเล่น เพราะเรากับตลาดเป็นของคู่กัน
ไปเที่ยวที่ไหนเห็นตลาดไม่ได้ต้องขอแวะเข้าไปดูว่าเค้าขายอะไรกันบ้าง
ค่าบัตรผ่านประตูจะมีช่วงไฮซีซั่นกับช่วงโลว์ซีซั่น
60 หยวน ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. - 30 ตุลา
40 หยวน ตั้งแต่ 31 ตุลา - 15 เม.ย.
ชื่อของ Tiger Hill มาจากภูเขาที่ดูไกลๆ แล้วเหมือนเสือหมอบ
บ้างก็ว่าสถานที่นี้ฝังพระศพพระเจ้าเหอหลีว์ซึ่งเป็นบิดาของพระเจ้าฟูชา
ในตำนานกล่าวว่าในวันที่สามหลังจากที่ฝังพระศพแล้ว
ได้มีเสือขาวปรากฏขึ้นจึงเป็นที่มาของชื่อนี้
ด้านในมีไกด์บริการฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว
จะมาคนสองคนสามคนสี่คนก็ให้นั่งรอจนได้เป็นกลุ่มแล้วค่อยพาออกทัวร์
วันที่เราไปคนไม่ค่อยแยะมาก พอไกด์มาก็ไม่ต้องรอคนอื่นไปได้เลย
ไกด์ที่กลับมาเป็นไกด์ภาษาจีน ไม่อยากรอไกด์ที่พูดอังกฤษได้
เลยให้เพื่อนที่ไปด้วยเป็นคนแปลให้ฟังอีกที
....แต่ความที่บล๊อกนี้ดองนานหาสมุดที่จดข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ไม่เจอ
มีบางจุดที่จำไม่ค่อยได้ว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง
เอาเป็นว่าเดินเที่ยวบล๊อกดูรูปเพลินๆ แล้วกันเนาะ
ด้านหน้าสำนักงานปลูกดอกโป๊ยเซียนกับหลายๆ ดอก(ที่จำชื่อไม่ได้ )
ลานดอกไม้ตรงนี้จะมีดอกไม้ต่างๆ หมุนเวียนอยู่ตลอดทั้งปี
ถ้ามาในหน้าหนาว ดอกไม้ทั้งแปลงก็จะกลายเป็นดอกทิวลิปหลากสี
บริเวณโดยรอบของ Tiger Hill กว้างมากและมีสวนมากมาย
โดยมีพื้นที่ทั้งหมดรวมกัน 14,100 ตารางเมตร
มีจุดไฮไลท์สำหรับแวะชมทั้งหมด 10 จุดด้วยกัน
....เราไปไม่ครบทุกจุด
ด่านที่สองที่จะขึ้นไปยัง Tiger Hill
อาคารที่เห็นสีเหลืองคือ Beam Broken Hall
สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีที่แล้ว (1206-1367) ในราชวงศ์หยวน
คานของโถงของอาคารนี้ได้หักครึ่งแต่ก็ยังอยู่ได้ไม่มีทรุด
เพราะโครงสร้างที่ซัพพอร์ทกันในสี่มุมเลยทำให้คานรับน้ำหนักอยู่ได้
เวลาเดินผ่านลอดโถงเข้าไปก็จะได้เสียงเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ อยู่บนหลังคาตลอดเวลา
บ่อน้ำ Han Han Spring
บ่อน้ำนี้คนพบโดยชายคนหนึ่งชื่อ Han Han ซึ่งเป็นต้อกระจกมองเห็นไม่ชัด
ซึ่งบวชเป็นพระในวัดและเป็นมีหน้าที่หาบน้ำสำหรับวัด
ซึ่งระยะทางระหว่างแม่น้ำไปยังวัดเป็นระยะทางไกล
มีอยู่วันหนึ่งเขาเกิดง่วงนอนอย่างหนักและหลับไป
เขาฝันว่ามีพระเจ้าอาวาศองค์หนึ่งมาบอกว่า
ข้างใต้ที่เขานอนอยู่เป็นปากบ่อน้ำซึ่งไหลมาจากทะเล
พอตื่นขึ้นเขาก็เริ่มสังเกตุเห็นพืชประเภทตะไคร่น้ำซึ่งแน่นอนว่า
น่าจะมีน้ำข้างใต้ เขาจึงเริ่มขุดดินบริเวณนั้น หลังจาก 49 วัน
ได้เจอตาน้ำผุดขึ้น เมื่อเขานำน้ำนั้นมาล้างหน้าได้เกิดปาฏิหารย์
ว่าสายตาของเขากลับมาเป็นปกติ
...แต่ปัจจุบันบ่อน้ำนี้ได้ถูกปิดตายไปแล้ว
หินทดสอบกระบี่ หรือ ซื่อเจี้ยนสือ (ซื่อ = ทดสอบ เจี้ยน = กระบี่ สือ = หิน)
ใช้ชื่อนี้เพราะเล่ากันว่า ฉินสื่อหวงตี้เคยใช้กระบี่ของพระองค์ฟันหินก้อนนี้
เพื่อทดสอบว่ากระบี่จะกล้าแข็งกว่าก้อนหินหรือไม่
Thousand Workman Stone
หลังจากพิธีฝังพระศพพระเจ้าเหอหลีว์ได้สิ้นสุดลง
พระโอรสพระเจ้าฟูซาได้เชิญคนงาน 1000 คนมาเลี้ยงฉลองให้เมาไม่มีสติ
และได้ให้ทหารฆ่าทุกคนที่ลานแห่งนี้เพื่อที่จะปิดปากไม่ให้แพร่งพรายว่า
สุสานอยู่หนใด เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนงานเอาความลับไปบอกต่อ
เพราะนอกจากพระศพแล้วยังมีดาบและทรัพย์สมบัติ
มูลค่ามหาศาลอีกมากมายที่ฝังไว้ด้วยกัน
Sword Pool หรือสระกระบี่
เป็นทางเข้าสุสานฝังศพของพระเจ้าเหอหลีว์ที่ชื่นชอบกระบี่
ตอนที่มีชีวิตอยู่ได้ให้ช่างตีกระบี่ไว้มากหลายพันด้าม เป็นกระบี่ไร้เทียมทาน
และเก็บสะสมไว้ที่เนินเสือ ฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้)
ได้ยินเรื่องเล่าขานนี้ จึงมาสืบเสาะหากระบี่ของพระเจ้าเหอหลีว์ด้วยพระองค์เอง
เมื่อมาถึงเนินเสือพบเสือโคร่งหมอบบนสุสานจึงกระชากกระบี่ออกแทงเสือ
แต่แทงไม่ถูก เสือเลยวิ่งหนีหายสาบสูญไปตั้งแต่นั้น
ฉินสื่อหวงตี้ค้นหากระบี่ไม่พบ แต่สถานที่ที่ฝังกระบี่นั้นดินได้ถล่มลงมา
กลายเป็นสระน้ำจึงได้ชื่อว่า สระกระบี่ น้ำในสระนี้ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์
ใครใช้ล้างหน้าจะสวยไม่สร่าง หนุ่มสาวขึ้น 18 ปี
(ข้อมูลจาก...บันทึกการเยือนจีนของสมเด็จพระเทพฯ)
เพิ่มเติม: ลูอวี้นักปราชญ์ของจีนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับชา
"ชาชิง Cha Ching" เป็นเล่มแรกของโลกในปี 800
ซึ่งได้เคยมาใช้ชีวิตและทำไร่ชาอยู่ใกล้กับเนินเสือนี้
ได้ค้นพบว่าน้ำในบ่อนี้ใสและมีความหวาน
เป็นน้ำที่ดีที่สุดในการชงชา 1 ใน 5 ของประเทศ
Twin Bridge Wells
บนสะพานที่อยู่เหนือสระกระบี่จากรูปข้างบน
จะเห็นช่องกลมๆ อยู่สองช่องเป็นปากบ่อน้ำที่ชักน้ำขึ้นมาจากด้านล่าง
มีเรื่องเล่ากันว่าที่ปากบ่อนี้ เมื่อใดที่นางไซซีพระสนมของพระเจ้าฟูซา
ได้ตามเสด็จมายังที่นี่ นางจะชอบมานั่งหวีผมที่ช่องนี้
ด้วยว่าน้ำในบ่อข้างล่างนี้ใสกิ๊กมากจนสะท้อนภาพขึ้นมาเหมือนกับกระจก
ความงามของนางงามจนทำให้ฝูงปลาต้องตะลึงมองจนหยุดว่ายน้ำ
...ถ้าใครชอบดูหนังจีนหรืออ่านประวัติศาสตร์จีน คงจะเคยได้ยินชื่อนางไซซี
ซึ่งเป็น 1 ใน 4 หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน เป็นสาวงามที่พระเจ้าโกวเจี้ยนแห่งแคว้นเย่ว์
ส่งมาถวายเป็นพระสนมของพระเจ้าฟูชาตามแผนการใช้สาวงามมาล่มเมือง
Yunyansi Pagoda เป็นเจดีย์สูง 7 ชั้น
เป็นส่วนหนึ่งในวัดหยุนหยานที่อยู่ภายใน Tiger Hill
สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งระหว่างปี 959-961
เป็นเจดีย์ 7 ชั้น 8 เหลี่ยม มีความสูง 48 เมตร
หลังจาก 400 ปีผ่านไปเจดีย์ได้ทรุดตัว ดินแถวนี้ทรุดทำให้เจดีย์เอียง
เหมือนกับหอเอนเมืองปิซ่า โดยเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 359'
เขาพยายามหาวิธีที่จะพยุงเจดีย์นี้ไว้ เช่น ฝังเสาเข็มเพิ่มเติม
แต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนี้เอียงไป 2.3 เมตรแล้ว
(ข้อมูลจาก...บันทึกการเยือนจีนของสมเด็จพระเทพฯ)
ทางขึ้นไปบนเจดีย์มีทางขึ้น 2 ทาง เดินวนเป็นวงกลมกลับไปที่เดิม
ตอนขากลับเราลงอีกทางหนึ่งลงมายังหอพระ
สถานที่ต่างๆ เช่นวังหรือวัดจะเห็นว่าบริเวณส่วนกลางของบันได
จะมีปูนปั้นเป็นลวดลายแนวนี้ซึ่งเป็นทางเดินสำหรับกษัตริย์เท่านั้น
....สถานที่บางแห่งจะมี 3 ช่อง ช่องซ้ายขวาจะสำหรับฮองเฮากับพระโอรส
พระพุทธรูปของวัด Yunyan จะเป็นพระมหาวีระของนิกายหินยาน
ด้านข้างจะมีกลองกับระฆังใบใหญ่ให้คนที่มาไหว้พระได้ตีเพื่อเป็นสิริมงคล
บันได้ 53 ขั้นที่มีความแปลกอยู่อย่าง ไกด์บอกให้ลองทำดู
เมื่อลงบันไดไปไม่ว่าจะอยู่ตรงบันไดขั้นไหน
เมื่อหันขึ้นไปมองจะเห็นพระพุทธรูปได้เต็มองค์ชัดเหมือนกันทุกขั้น
แต่ถ้าเดินขึ้นบันไดปกติก็ไม่มีอะไรแปลกเหมือนตอนเดินลง
Wanjing Villa (Wanjing Shanzhuang)
เป็นสวนกระถางจัดตกแต่งในสไตล์บอนไซ
ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1700 ตารางเมตร
ทั้งหมดของการจัดสวนกระถางนั้นมีจุดประสงค์เพื่อ
ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามของภูเขาและทิวทัศน์ของป่า
ต้นบอนไซบางต้นนำมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว
คนทำสวนแต่งต้นบอนไซบอกว่ามีบอนไซต้อนเก่าแก่อายุเป็นพันปีด้วย
ส่วนบอนไซต้นใหญ่ 2 ต้นนี่ก็เป็นบอนไซต้นที่มีความสำคัญของสวน
จำไม่ได้แล้วว่ามีที่มาที่ไปยังไง แหะ..แหะ..
....สวนนี้มีคนทำสวนสำหรับการตัดเล็มต้นบอนไซอยู่ 2 คน
การรับคนมาทำสวนนี้ต้องเป็นคนสวนที่มีความรู้เกี่ยวกับบอนไซ
ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ คนสวนคนที่ไปคุยด้วยเป็นรุ่นลูกของคนทำสวนเดิม
ใกล้กันจะเป็นสวน
ที่มีประตูเปรียบเสมือนกรอบรูป
วิวที่เห็นด้านหลังประตูแลดูเหมือนรูปวาดอยู่ในกรอบ
....ในสวนจะมีประตูแบบนี้หลายประตู บางประตูก็จะเป็นกรอบวงกลม
เราเดินวนกลับมาตรงทางเข้า Tiger Hill ไกด์สาวของเราจบหน้าที่พาทัวร์ที่ตรงนี้
....เรามีให้สินน้ำใจเธอเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ยอมรับบอกว่าเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว
ไกด์แนะนำให้เราเดินไปดูไร่ชากับสถานที่อีก 2-3 แห่งอีกด้าน
แต่ถ้าไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถม้าวนดูรอบๆ
ไร่ชา....ลูอวี้นักปราชญ์ของจีนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับชา
"ชาชิง Cha Ching" เป็นเล่มแรกของโลกในปี 800
หนังสือที่รวบรวมเกี่ยวกับชาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ลักษณะของต้นชา
การปลูก การเลือกเก็บ การผลิต อุปกรณ์และวิธีการชง
จนถึงวัฒนธรรมการดื่มชาของชาวจีนโบราณ
ได้เคยมาทำไร่ชาอยู่ที่นี่และค้นพบว่าน้ำจากบ่อ Sword Pool
เป็นน้ำที่ดีที่สุดในการชงชา 1 ใน 5 ที่ของประเทศจีน
.....ชาที่ปลูกและสร้างชื่อเสียงให้กับที่นี่คือชาเมฆขาว
ความที่เดินเหนื่อยกันมาไกลเลยขี้เกียจไปถามหาว่ามีขายตรงไหน
ถนนเล็กๆ รอบ Tiger Hill
Green Xi Xi สร้างขึ้นในปี 1787
เพื่อเป็นศาลเจ้าของตระกูลเศรษฐีตระกูลหนึ่ง
ที่มีอาคารและสวนที่สวยงาม ตอนหลังได้มีการปรับปรุง
และไว้ใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานและการแสดงในเทศกาลต่างๆ
มีอาคารภายในหลายหลัง รูปวิวเปล่าๆ ไม่ค่อยได้ถ่ายไว้
มีแต่รูปที่มีนางแบบที่ตอนนี้เริ่มหมดสภาพแล้วติดอยู่ด้วย ^^
เดินกันจนหมดแรง กลับออกมาอีกประตูหนึ่ง เลยไม่ได้ไปเดินตลาด
ที่หมายตาไว้แต่ทีแรก วิวและบรรยากาศตรงทางออกด้านนี้เป็นคลองกว้าง
สวยงาม แต่ขี้เกียจตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยและขี้เกียจแม้แต่ยกกล้องขึ้นถ่าย
เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ^^
รูปเริ่มแยะเกิน
ไว้บล๊อกต่อไปซึ่งยังไม่รู้เมื่อไรเพราะยังไม่ได้ทำรูปไว้
จะพาไปเที่ยวสวนบ้านเศรษฐีในสมัยโบราณที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
Songhe Lou 松鹤 楼 - ร้านอาหาร @ เมืองซูโจว คลิ๊กที่นี่
Create Date : 13 ตุลาคม 2555 |
|
18 comments |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2557 1:01:51 น. |
Counter : 11794 Pageviews. |
|
|
เจิม