-4-




รุ่งเช้าของวันใหม่ เมษาลุกจากเตียงนอนด้วยท่าทางที่สะลึมสะลือ เมื่อคืนนี้ เธอ น้ำหวาน และพี่ชาย ได้ออกไปท่องราตรี ของกรุงโตเกียว กันมา กว่าจะกลับถึงบ้าน ก็ล่วงเข้าวันใหม่ได้ สองชั่วโมงแล้ว จากนั้นเมื่อหัวถึงหมอน เมษาก็หลับเป็นตาย เธอหันไปมองบริเวณรอบห้อง เธอล้มตัวลงนอน เพื่อจะนอนต่อ แต่แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับ นาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่ข้างเตียงของเธอเอง เข็มนาฬิกานั้นบ่งบอกว่า เป็นเวลาบ่ายสองโมง เมษาเม้มปากของตนเองอย่างชั่งใจ เธอคิดว่าเธอไม่ควรจะมานอนเกือกกลิ้งอยู่บนเตียง ในเวลาแบบนี้ เพราะถ้าเธอนอนต่อ เธอเดาได้เลยว่า จะต้องมีอาการปวดหัวตอนที่เธอตื่นเป็นแน่ เมษาลุกจากเตียงนอน เธอเดินไปที่ห้องอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องของเธอเอง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมษาออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางที่สดชื่น การได้อาบน้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ทำให้เธอไม่อยากจะออกไปจากสายน้ำเลย แต่เมื่อคิดว่าจะต้องลงไปหาอะไรใส่ท้อง เธอก็ตัดใจจากสายน้ำนั้น เมษาใช้ผ้าขนหนูซับความชื่นออกจากเส้นผมสลวยของเธออย่างบรรจง

ด้วยความยาวของมัน เธอไม่เคยที่จะมาสระผมเองเลย แม้แต่ครั้งเดียว แต่จากการอาบน้ำเมื่อครู่ ผมของเธอที่คิดว่ารวบไว้เป็นอย่างดีนั้น มีปอยผมบางส่วน หลุดจากที่เธอรวบไว้ ลงไปในอ่างอาบน้ำ ทำให้เธอต้องมาจัดการการกับเส้นผมของตัวเองเช่นนี้

เมษาถอนหายใจ เมื่อคิดว่ากว่าจะซับผมที่เปียกชื่น จนแห้งได้ ก็ต้องใช้เวลามากทีเดียว เธอสลัดผมของตนเองไปมา และหันไปเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ลงไปข้างล่าง เมษาเปิดตู้เสื้อผ้า ที่มีเสื้อผ้าของเธออยู่อย่างอัดแน่น ถึงเธอจะไม่ได้เอามาจากเมืองไทยด้วย แต่ด้วยปริมาณที่มีอยู่จนเหลือล้น เธอคิดว่าเธอคงไม่ต้องซื้อใหม่อีกเลย ชาตินี้ เมษามองชุดที่มีอยู่

สุดท้ายเมษาก็เลือกเสื้อยืดสีขาว ที่มีลายดอกไม้ดอกใหญ่อยู่กลางตัวเสื้อ พร้อมกับกางเกงยืนสีซีดอีกตัวหนึ่ง ด้วยสัดส่วนที่ไม่ค่อยจะเปลี่ยนแปลงไปของเธอแล้ว แม้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะซื้อไว้นานหลายปี แต่เมษาก็ยังคงสวมใส่มันได้ นั้นคือสิ่งที่เธอรู้สึกไม่ชอบใจเป็นที่สุด

ถ้าเธอไม่มีผมที่เหยียดยาวจนเกินไป เธอคงจะสูงได้มากกว่านี้

เมษาสวมเสื้อผ้าที่เธอเลือก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็หันมามองกระจกใบใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้าของเธอ เมษาปัดผมของตัวเองสองสามที เพื่อให้มันเข้ารูป พร้อมกับทาแป้งเด็กที่ใบหน้าของตนเองเล็กน้อย ต่อด้วยลิปสติก ที่ไร้สีอย่างเบาบาง

เธอมองกระจกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เมษาก็เดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า เมื่อเธอปิดประตูลง ภายในห้องของเธอก็ปรากฏเงาโปร่งแสงของหญิงสาวที่สวมชุดกิโมโน กำลังมองมาที่เธอ พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างหมายมาด

ฉันพบเธอแล้ว ตัวแทนของฉัน...



เมษาก้าวลงจากบันใด เธอสอดส่องสายตา มองหาเพื่อนสาว และพี่ชายของตัวเองที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่บริเวณห้องรับแขก ที่อยู่ติดกับทางขึ้นบันใด แต่เธอก็ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววใด ๆ เมษาขมวดคิ้ว เธอคิดว่าทั้งสองคงจะยังไม่ตื่น แต่ด้วยนิสัยของน้ำหวานแล้ว เธอไม่ใช่คนชอบนอนตื่นสาย เมษาก้าวเข้ามาในห้องรับแขก เธอเห็นบรรดาแม่บ้านกำลังขนของเข้ามาภายในคฤหาสน์ เมษาจึงได้เดินเข้าไปดู

“นั่นอะไรเหรอจ้ะ”

“อ้าว คุณหนู อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ”

“ค่ะ อรุณสวัสดิ์”

เมษายิ้มแหะ ๆ นี้เป็นเวลาบ่ายแล้วความจริงไม่น่าจะใช้คำว่าอรุณสวัสดิ์ เมษาเปลี่ยนความสนใจจากคำพูด ไปมองดูบรรดาหีบห่อต่าง ๆ ที่ถูกขนเข้ามา ด้วยความสงสัย ของทุกอย่างที่นำเข้ามานั้น ดูจะเป็นของเก่าเก็บทั้งสิ้น อายุของมันก็ไม่น่าจะต่ำกว่า สอง ถึง สามร้อยปี ก็เป็นได้ ดูเหมือนว่าหัวหน้าแม่บ้านจะรู้ว่า ตอนนี้นายสาวของพวกเธอคิดอะไร จึงได้ตอบคำถามไปโดยที่เธอไม่ต้องถามซ้ำ

“ของพวกนี้ เป็นของเก่าเจ้าค่ะ ท่านเจ้าบ้านสั่งให้นำมาเก็บที่นี่ รวมกับกิโมโน ที่นำมาเมื่อวานนี้”

“เอ ทำไมล่ะจ้ะ ปกติบ้านคุณปู่ ก็มีที่เก็บอยู่แล้วนี่น่า”

“พอดีท่านเจ้าบ้าน สั่งให้ทุบแล้วสร้างขึ้นใหม่เจ้าค่ะ”

“หา... ถ้าเมษจำไม่ผิด พึงจะทุบสร้างใหม่ไปเมื่อปีก่อนไม่ใช่เหรอค่ะ”

เมษาร้องออกมาอย่างตกใจ ปีที่แล้วเธอพึงจะได้ยินคุณปู่ หรือว่าท่านเจ้าบ้าน ที่ทุก ๆ คนเรียกนั้น บอกว่าทุบที่เก็บของเก่าทิ้ง แล้วสร้างขึ้นใหม่ ทำไมถึงได้จะสร้างขึ้นอีกก็ไม่รู้ หัวหน้าแม่บ้านพอได้ยินคำถามนั้นของเมษา เธอก็หัวเราะออกมา และบอกเหตุผลที่ทำให้เมษารู้สึกเอื้อมระอา

“ก็ท่านเจ้าบ้านบอกว่า ที่เก็บของเก่าของตระกูลอินจูอิน ใหญ่กว่านะเจ้าค่ะ”

“โธ่ คุณปู่ เอาอีกแล้วเหรอค่ะ ไม่รู้ว่าจะแข่งกับตระกูลนั้นไปถึงไหน”

“นั่นสินะ เจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้น อิฉันขอทำงานต่อนะเจ้าค่ะ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเมษไม่รบกวนแล้ว ว่าแต่”

“อะไรเหรอเจ้าค่ะ”

“พี่ชายเมษ กับเพื่อนเมษ ยังนอนอยู่เหรอค่ะ”

“อ้อ ท่านทั้งสอง ออกไปเที่ยวตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าคืนนี้จะไม่กลับ”

เมษาอ้าปากค้าง พี่ชายเธอบังอาจเอาเพื่อนรักของเธอไปค้างอ้างแรมข้างนอก ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกันได้อย่างไร จะว่าเธอหัวโบราณก็ได้ แต่เธอไม่ชอบเลยที่พี่ชายทำแบบนี้ และที่โกรธที่สุด ก็น้ำหวาน เพื่อนของเธอ ที่ยอมทำตามพี่ชายของเธอตลอด

หน็อย คอยดูนะ พี่ชายจะต้องโดนเธอสับเป็นชิ้น ๆ แน่ ๆ

“คุณหนูเจ้าค่ะ”

“ค่ะ”

“อิฉันก็ลืมบอกไป ท่านเจ้าบ้าน ได้ข่าวว่าคุณหนูกลับมา เลยสั่งว่า ถ้าคุณหนูตื่นแล้ว ท่านอยากจะให้คุณหนูโทรศัพท์ ไปหานายท่านเจ้าค่ะ”

“อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวถ้าอย่างนั้นเมษไปโทรหาคุณปู่ก่อนนะคะ”

“เจ้าค่ะ”

เมษาเดินขึ้นไปยังห้องของตนเอง ความจริงแล้วเธอจะใช้โทรศัพท์ข้างล่างก็ได้ แต่เธอคิดว่าบรรดาแม่บ้านกำลังทำงานกันอยู่ เธอไม่อยากจะไปใช้ที่ ๆ มีคนอยู่เยอะแยะ เนื่องจาก คุณปู่ของเธอนั้น ยิ่งเป็นคนหูไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย เธอขี้เกียจตะโกน ให้ลำคอที่แสนสวยงามของเธอโก่งออกมา

เมษาเดินขึ้นบันใด ไป แต่ก่อนที่เธอจะไปถึงห้องของตัวเอง เธอก็สะดุดเข้ากับห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งในนั้นมีชุดกิโมโน แบบ จูนิฮิโตเอะ [1] แบบ สิบสองชั้น กิโมโนโบราณตัวนั้นตั้งตระหง่านอยู่ บนฐานที่ไว้สำหรับแขวนกิโมโนไม่ให้หยับ ซึ่งเมื่อเมษาเดินเข้าไป เธอก็รู้สึก ราวกับมีมนตร์สะกด เมษาเดินเข้าไปในห้องนั้นโดยไม่รู้ตัว เธอมองที่ชุดกิโมโนตัวนั้นอย่างเหม่อลอย สองมือของเมษา เอื้อมไปแตะชุดกิโมโนตัวนั้นอย่างแผ่วเบา

เสียงกระพรวนดังก้องในโสตประสาท มือของเธอคว้ากิโมโนที่แขวนอยู่ ออกมา พร้อมกับพลาดมันไว้ที่ลำตัว โครงร่างโปร่งแสง ของหญิงสาวผมยาวนางหนึ่งปรากฏขึ้น เธอโอบร่างเมษาไว้โดยรอบ รอยยิ้มเย็นยะเยือกแสยะออก ราวกับว่าเธอสมใจแล้ว ที่ได้ครอบงำเมษาไว้

สวมมันซะสิ

“อะไรนะ”

สวมมันซะ

“ได้...”

เมษาลงมือสวมใส่กิโมโนเก่าแก่ตัวนั้นอย่างช้า ๆ แต่ทันทีที่เธอสวมใส่มัน เมษาก็ถึงกับล้มลงพื้นอย่างรวดเร็ว ราวกับมีบางอย่างปิดกั้นไม่ให้เธอได้สวมใส่มันได้ โครงร่างโปรงแสงของหญิงสาวนางนั้น ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ที่เห็นเมษาล้มลง ตรงหน้า เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะสลายหายไปในอากาศธาตุ

ไม่เป็นไร ครั้งหน้ายังมี

“ที่นี่ที่ไหนนะ”

เมษาถามตัวเอง พร้อมกับมองบรรยากาศรอบ ๆ อย่างไม่ไว้วางใจ ทุกอย่างมืดมิด เหลือไว้เพียงสีดำ ของความมืด เธอกอดอกตัวเอง เมื่อรับรู้ถึงลมเย็นยะเยือกที่สาดส่องมาที่ตัวเธอ เมษากัดฟันลุกขึ้น เธอคิดว่าเธอจะต้องหาทางออกจากความมืดนี้ให้ได้ ภายในความมืด เมษาวิ่งไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปสักเท่าไร ก็ไม่มีวี่แววถึงแสงสว่างที่เธอเฝ้าฝัน

“ช่วยด้วย”

เมษาร้องตะโกนจนสุดเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา น้ำตาของเธอไหลออกมาด้วยความหวาดกลัว เธอมองไปรอบ ๆ ที่ยังคงมีแต่ความมืดมิด เมษารู้สึกท้อใจ เธออยู่ที่ไหน ถ้าเธอฝัน ทำไมเธอถึงไม่ตื่น เมษาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เธอคิดกับตัวเองว่า ถึงจะท้อถอยไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไร

“ช่วยด้วย มีใครอยู่ไหม”

เธอตะโกนอีกรอบ ในขณะที่คิดว่าคงจะไม่มีเสียงตอบรับอีก ก็บังเกิดร่างของใครบางคน เดินเข้ามาหาเธอ เมษาจ้องหน้าของบุรุษร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง เขาสวมชุดคาริกินุ[2] เดินเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้า สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นเธอในที่นี่

แต่เอ๊ะ เห็นเหรอ ก็ในนี้มันมืดอยู่นี่

เมษาขมวดคิ้ว เธอมองไปบริเวณโดยรอบ ความมืดมิดได้จางหายไป เมื่อคน ๆ นี้เดินเข้ามาหาเธอ ชายร่างสูงนั้นย่อตัวลง เขาเอื้อมมือจับวงแขนของเธอไว้ และดึงเธอขึ้นมา ดวงตาสองข้างของเขานั้นจ้องมองเธออย่างไม่คาดวัน พร้อมกับตวัดร่างของเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาเอง

“ดีใจที่ได้พบท่านหญิง”

“เอ๊ะ?”

“ข้าไม่คาดคิดว่าก่อนว่าจะได้พบหน้าท่านแล้วท่านจะได้ยินเสียงของข้า”

เมษาทำหน้างุนงง เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน แล้วทำไมเขาถึงได้มีท่าทางเหมือนกับว่าเคยรู้จักพบเจอเธอ เมษารั้งตัวเองให้ออกจากอ้อมแขนของเขา เธอจ้องมองใบหน้าที่แสนหล่อเหลานั้นอีกครั้ง เผื่อว่ามันจะทำให้เธอนึกออกมาบ้าง ว่าเธอเคยไปเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรเธอก็นึกไม่ออกเสียที

“คุณรู้จักฉันด้วยเหรอ”

“ข้าเคยเจอท่านหญิง หลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว”

“แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นคุณเลยล่ะ”

“นั่นก็เป็นเพราะว่า จิตของท่านกับของข้ายังไม่สื่อถึงกัน”

โทชิอากิพยายามจะดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง แต่เมษาขัดขืน เธอไม่ชอบให้ผู้ชายมาเกาะแกะตัวเธอ ยิ่งคนที่เธอไม่รู้จักด้วยแล้วก็ตามที เมื่อโทชิอากิเห็นว่าเธอไม่ยินยอมให้เขาโอบกอด เขาจึงปล่อยมือที่รัดร่างเธอออกเสีย เธอคงจะไม่คุ้นเคยกับเขา

เมื่อเห็นว่าเขาจะไม่ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดแล้ว เมษาก็หันไปมองบริเวณโดยรอบ มันเป็นสถานที่ค่อนข้างจะแปลกตาเธอ บริเวณนั้นเต็มไปด้วยป่าไผ่ ที่แสนจะรกทึบ เสียงธารน้ำไหลดังกระทบกัน ทำให้เธอเดาได้ว่า จะต้องมีน้ำตกอยู่ด้วยเป็นแน่ เมื่อเธอมองไปอีกทาง เธอก็เห็นอารามของวัดที่เธอไม่เคยคุ้นตามาก่อน

“แล้วที่นี่ที่ไหน”

“ที่นี่คือซางาโนะ”

“ซางาโนะ?”

“ใช่”

“แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไงกัน”

“ข้าก็ไม่รู้”

เมษามองหน้าที่ยังคงยิ้มกริมของเขาอย่างขัดใจ เธอยังมึนงงอยู่ ว่าเหตุใด เธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ จำได้แค่ว่าเธอเดินไปที่ห้อง เพื่อที่จะโทรศัพท์ หาคุณปู่ ที่อยู่จังหวัดนาระ แล้วเธอก็เห็นกิโมโนเก่าแก่อายุกว่า สองร้อยปี แล้วจากนั้นมา เธอก็จำไม่ได้เลย หรือเธอจะละเมอเดินทางมา แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เมษาก็ตัดความคิดนั้นทิ้งเสีย คนละอะไรจะละเมอมาได้ไกลในที่ที่มองอย่างไรก็กันดาร

“แล้วฉันจะกลับยังไง”

“ท่านจะกลับไปไหนหรือ”

“ก็กลับบ้านน่ะสิ ว่าแต่แถวนี้มีชินคันเซ็น [3]ผ่านไหม”

“อะไรคือชินคันเซน”

“ก็รถไฟไง”

“แล้วรถไฟคืออะไรหรือ”

เมษาเม้มริมฝีปาก อย่างขัดใจ คนนี้เขาไม่รู้จัก หรือว่าแกล้งไม่รู้จักกันแน่ และมันจะมีหรือ คนที่ไม่รู้จักรถไฟชินคันเซ็น เมษาถอนหายใจออกมา เธอทรุดตัวลงนั่ง พยายามใช้ความคิด แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ เมษาลุกขึ้นยืนทันที

“เฮ้ย นี้มันกิโมโนตัวนั้นนี่ จำได้ว่าฉันใส่เสื้อยืด กางเกงยืนนะ”

“อะไรหรือท่าน”

“ก็ กิโมโนนี้ไง ฉันใส่มันได้อย่างไงไม่รู้”

“ปกติท่านหญิงก็ต้องใส่กิโมโนอยู่แล้วนี่ครับ”

“แต่ฉันไม่ได้ใส่ แล้ว ทำไมมันถึงมันถึงใส่อยู่บนตัวฉันได้ล่ะ”

โทชิอากิขมวดคิ้วอย่างสงสัย การใส่กิโมโนของท่านหญิงโฮโจ มันก็ไม่แปลกที่จะต้องสวมใส่ เธอดูราวกับว่าไม่รู้สึกตัวว่าเธอกำลังสวมใส่มันอยู่ โทชิอากิมองเมษาที่ยังคงมึนงง กับเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่อยู่ เธอช่างแตกต่างจากท่านหญิงทั่ว ๆ ไปจริง ๆ เธอดูมีชีวิตชีวา จนเขาอยากจะได้เธอมาครอบครอง

“นี้ก็เย็นมากแล้ว ข้าว่าท่านไปพักในอารามวัดไดเมียว แห่งนั้นกับข้าก่อนดีไหม ท่านหญิง”

“อาราม? อ้อ อารามที่ฉันเห็นตรงนั้นน่ะเหรอ”

“ครับ”

เมษาชั่งใจ แต่เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ ป่าไผ่ เธอก็รู้สึกว่ามันวังเวงอย่างไรไม่รู้ ถึงแม้ว่าจะมีเสียงน้ำกระทบกันของน้ำตกก็ตามที เมษาพยักหน้ารับ เธอก้าวเดินไปยังอารามวัดไดเมียว ที่โทชิอากิบอก ทั้งคู่เดินไปจนเกือบจะถึงอารามวัดไดเมียวแล้ว เมษาก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครกำลังเขย่าร่างของเธออยู่ เมษาทรุดตัวลง โทชิอากิสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอจึงได้หยุดเดินทันที

“ท่านหญิง ท่านเป็นอะไรไปหรือ”

“ไม่รู้ เหมือนมีใครกำลังเรียก”

“แล้วใครกัน”

“ก็บอกว่าไม่รู้ โอย”

“ระ-ร่างท่าน”

“หา... เฮ้ย...”

เมษาก้มมองร่างของตนเอง ตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นก็คือ ร่างของเธอค่อย ๆ เลือนรางลง ก่อนจะสลายหายไป ทิ้งให้โทชิอากิที่จ้องมองอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจะเห็นท่านหญิงโฮโจ หายไปต่อหน้าต่อตาของเขา หรือว่าผีป่า ผี เขาจะลักซ่อนเธอ โทชิอากิรีบวิ่งเข้าไปในอาราม เพื่อขอให้พระที่อยู่ในนั้นช่วยสวดมนต์ นำตัวเธอกลับมา แต่ไม่ว่าจะสวดมนต์เท่าไร เขาก็ไม่เห็นเธออีกเลย



--------------------------------------------------------------------------------

[1] กิโมโนจูนิฮิโตเอะ กิโมโนชนิดนี้จะมีความยาวหลายเมตร เนื้อผ้าเป็นผ้าไหมโชว์การตัดเย็บและศิลปะการทำลวดลายบนผืนผ้า ยิ่งมีความยาวและความสวยงามมากแค่ไหน ก็ยิ่งแสดงถึงความมั่งคั่งมากเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นชุดของนางสนมหรือนางกำนัลในวังแล้วล่ะก็ กิโมโนจะมีจำนวนชั้นที่ซ้อนทับกันอยู่มากถึง 12 ชั้น ( ชั้นหนึ่งหนักประมาณ 1 กิโล ) ปัจจุบันด้วยความยิ่งใหญ่และอลังการ " กิโมโนจูนิฮิโตเอะ " จึงถูกสงวนไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์หรือผู้มีฐานะเท่านั้น โดยจะใส่ในงานพระราชพิธีสำคัญหรือการจัดงานแต่งงานแบบราชสำนัก

[2] คาริกินุ ชุดที่ข้าราชการในยุคโบราณสวมใส่ในวันธรรมดา คือ Noshi , Suikanและ Kariginu ทั้ง3แบบจะเป็นชุดไว้สวมอยู่ด้านนอกส่วนชุดด้านในจะขึ้นอยู่กับชุดด้านนอกและฤดูกาล ก็คือKatahira, HitoeและAkome ซึ่งยุคเฮย์อันนี้ปกติจะใส่แบบHitoe

[3] ชินคันเซ็น (「新幹線」, shinkansen, 新幹線?) เป็นเครือข่ายของรถไฟความเร็วสูงในญี่ปุ่นซึ่งดำเนินการโดย 4 กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น นับตั้งแต่ได้เปิดใช้ โทไกโด ชินคันเซ็น ในปี 1964 รถไฟคันนี้สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากนั้น เครือข่ายของระบบรถไฟนี้ก็ได้ขยายออกไปจนครอบคลุมพื้นที่สำคัญต่างๆของ ประเทศตามเมืองใหญ่ๆในเกาะฮอนชู เกาะคิวชู ความยาวเส้นทางรวม 2,459 กิโลเมตร โดยสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะเกิดแผ่นดินไหวหรือพายุไต้ฝุ่น ก็สามารถวิ่งได้ตามปกติ ในรางปกตินั้นรถไฟสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 443 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ทำการทดสอบในปี 1996) แต่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 581 กิโลเมตรต่อชั่วโมงซึ่งเป็นความเร็วสถิติโลกเมื่อวิ่งด้วยรางรถไฟแม่เหล็ก (แม็คเลฟ) ในปี 2003









Heian-hime

กิโมโน เจ้าหญิง สมัยเฮอันในชุดจูนิฮิโตเอะ





Heian-Kariginu

ชุดข้าราชการชาย สมัยเฮอันในชุดคาริกินุ



หุหุ ความจริงจะเอาภาพคนจริง ๆ มาก็ได้นะ แต่...

ชอบแบบนี้หง่ะ คนจริง ๆ มีแต่หน้าปลาจรวด แม่ไม่ปลื้ม...






Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:27:42 น.
Counter : 730 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลแลต..
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






- นิยายที่ผ่านการตีพิมพ์ -









กรกฏาคม 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
  •  Bloggang.com