คำว่า เพื่อน สั้นแค่นี้ แต่ความหมายสาธยายกันไม่หมด
ย้อนกลับไป 14 ปีที่แล้ว ฉันกับเพื่อนสนิทเป็นเด็กใหม่ด้วยกันทั้งคู่ แถมยังไม่มีชื่อติดบอร์ดอีก เราเลยโดนยัดให้มาอยู่ห้องเดียวกัน เพื่อนสนิทคนนี้เพียบพร้อมไปทุกเรื่องที่ผิดระเบียบได้ ด้วยหน้าตา ท่าทาง กรี๊ดกันทั้งโรงเรียนเลยหล่ะ ฟังชื่อก็หนาวแล้ว..เขาชื่อ มัน เพื่อนๆเรียกว่าไอ้มัน
ฉันกับเขาสนิทกันก็เพราะฉันแอบไปหลงรักเพื่อนซี้ของเขานั่นสิ ใครๆก็บอกว่ามันหล่อกว่าตั้งเยอะ แต่ฉันไม่เคยมองเขาหล่อเลยนะ (หรือหลอกตัวเองมาตลอด ) แล้วฉันก็อกหักเพราะโดนสะบัดรักอย่างไม่ใยดี เพื่อนกลุ่มเดียวกันของฉันจึงยำมันเละ ฉันไม่รู้ตัวหรอกว่าเรามาสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน???
สมัยเรียนฉันจะเป็นนักเรียนหญิงคนเดียวที่ขึ้นห้องฝ่ายปกครองบ่อยที่สุด ก็ขึ้นพร้อมกับมันนั่นแหละ ทั้งโดดเรียน ทั้งผิดระเบียบ ลอกข้อสอบ (มันลอกฉันนะ) สารพัด ด้วยความหล่อของมัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง หลงใหลกันเพียบ มันก็เลยให้ฉันเป็นไม้กันหมาให้มัน มันบอกกับคนที่เข้ามาข้องแวะกับมันว่าฉันเป็นแฟนมัน (ดูมันทำ หาฝ่ามือมาให้ฉันซะงั้น ) แล้วก็สำเร็จ มันบอกว่ายังไม่อยากมีแฟน
พอเรียนจบต่างคนก็ต่างแยกกันไป ฉันไปเรียนสายอาชีพ ส่วนมันไม่เรียนแต่กลับไปมีเมีย ส่วนฉันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ก็เพื่อนกันนี่แหละแล้วยังซี้กับมันอีก มันออกจากบ้านมาอยู่กับเมีย แฟนฉันเลยออกจากบ้านมาอยู่กับมันด้วย ไปๆมาๆ เราสี่คนใช้ชีวิตที่อพาร์ตเม้นท์เดียวกัน แต่ฉันยังต้องเรียนจึงไปๆกลับๆ
ด้วยวัยคะนองฉันเกิดตั้งท้องโดยไม่เจตนา แต่มันก็ใช่ย่อย ลูกชายฉันคลอดเดือนกันยา ส่วนลูกสาวมันคลอดเดือนธันวา ต่างคนต่างมีครอบครัว ต้องรับผิดชอบ ฉันกับแฟนก็กลับบ้านทำงานเพื่อเลี้ยงลูก ยังดีที่บ้านแฟนมีฐานะ ฉันจึงไม่ลำบาก พอวันอาทิตย์เรา 2 ครอบครัวก็จะมาเจอกัน กินข้าวบ้าง พาลูกไปเดินห้างบ้าง
แต่ด้วยความที่ยังเด็กและความเจ้าชู้ของแฟนฉัน เราจึงไปด้วยกันไม่ได้ ฉันย้ายกลับมาอยู่บ้านตัวเอง มันปลอบใจฉันตลอดเวลา จนเมียมันบอกว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเป็นเรื่องแน่ แล้วก็เป็นเรื่องจริงๆแต่เป็นกับฉันนะ
เมียมันไม่ให้มันติดต่อกับฉันเนื่องจากอะไรฉันไม่อยากคิดเพราะไร้สาระ แต่ด้วยความที่อยากตัดปัญหามันจึงต้องเลือกครอบครัว
มันหายไปจากชีวิตฉัน ประมาณ 2 ปี...
เราเจอกันอีกทีตรงปากซอยบ้าน มันบอกว่ามันเลิกกับเมียมันแล้ว แล้วก็อธิบายถึงสาเหตุที่ไม่ติดต่อฉันเลย เรากลับมาสานต่อคำว่าเพื่อนสนิทอีกครั้ง..และยิ่งแน่นแฟ้นกว่าเดิมเสียอีก
มันพาผู้หญิงทุกคนที่คบเป็นแฟนมารู้จักกับฉัน แล้วก็มีปัญหาทุกครั้งเพราะหึงฉันกับมัน แฟนมันบางคนถึงกับยื่นคำขาดให้เลือกระหว่างฉันกับแฟนมัน แต่มันไม่เคยเลือก ฉันเข้าใจ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนอกเหนือจากคำว่าเพื่อนเลยซักนิด
ด้วยความที่บ้านใกล้กัน มันจะมาบ้านฉันทุกวัน คนในบ้านยังคิดว่าเราเป็นแฟนกันเลย แต่ตอนนั้นฉันมีแฟนอยู่แล้ว ไม่ว่าฉันต้องการอะไร หรือที่ไหน กี่โมง ถ้าโทรหามัน มันจัดให้ฉันได้ทุกเรื่องทุกอย่าง..มันสนิทกับที่บ้านฉัน เรื่องในบ้านมันก็คอยเป็นธุระให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวไปโดยปริยาย
ฉันกับมันก็กัดกันบ่อย จะเอาชนะกันมากกว่าต่างคนต่างไม่ยอม แต่ก็ไม่ทะเลาะรุนแรงนะ มันมักจะว่าฉันเรื่องผู้ชายที่คบอยู่เพราะมันบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันดูออก แต่ฉันก็ไม่สนใจ ส่วนฉันก็จะงี่เง่าเวลาเด็กๆของมันโทรมาตอนที่มันอยู่กับฉัน แกล้งตัดสายทิ้งบ้าง แกล้งบอกว่าหลับบ้าง ไม่รู้ทำเพื่ออะไร แล้วมันก็ไม่เคยต่อว่าฉันด้วย .
ณ.ปัจจุบัน เพื่อนสนิทของฉันหมดอิสรภาพในการใช้ชีวิตมาเกือบ 3 ปีแล้ว
ชีวิตเหมือนขาดอะไรไปเลย พอมันไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ชีวิต ฉันไม่รู้จะอธิบายยังงัยดี เพราะมันพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ 3 ปีกว่าๆกับชีวิตที่ถูกพันธนาการ เราติดต่อกันทางจดหมาย มันเหลือฉันที่เป็นเพื่อนคนเดียวในบรรดาเพื่อนเป็นโขยง
ฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ฉันรู้แต่เพียงว่าฉันทิ้งมันไม่ได้ นับวันความผูกพันมันก็มากขึ้นถึงแม้ไม่ได้เจอกันเหมือนก่อน ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร.หรือว่าเรารักมันวะ รักโดยที่เราไม่รู้ตัว
บางทีการแสดงออกว่ารัก เราอาจต้องสูญเสียสิ่งที่รักไปก็ได้..
บางทีความรัก ไม่จำเป็นต้องครอบครองจะได้ไม่ต้องหึงหวง ขอแค่ห่วงใยกันไปจนวันตาย .ฉันคิดอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกอะไรก็แล้วแต่ ฉันสัญญากับมันและตัวเองว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิมที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และเมื่อนายได้รับอิสรภาพเมื่อไหร่???
ฉันรับรอง..ว่านายจะเห็นฉันเป็นคนแรก
THE END
-
" เรื่องราวของเพื่อนสนิท" ที่ส่งไปมีแค่นี้ เพราะกติกาเค้าให้แค่หนึ่ง A4
แต่ฉันก็ยังมีความรู้สึกที่อยากบอกกับเพื่อนสนิทของฉันต่ออีกว่า ..
ทุกวันนี้ ฉันยังคงมีคำถามที่เกิดขึ้นอยู่ในใจเสมอว่าเรารู้สึกยังงัยกับมันกันแน่ ??
อีกใจก็อยากจะรัก อีกใจมันก็เป็นได้แค่เพื่อนหรือเพื่อนสนิทเท่านั้น มันไม่ใช่กิ๊กหรือที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน .ความรู้สึกของฉันที่มีคือมันมากเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะให้เพื่อนอีกคนได้ จะเอามาเปรียบกับคนรักหรือถ้าจำเป็นต้องเลือก ฉันอาจจะเลือกเพื่อนของฉันก็ได้
แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึง .ฉันจึงไม่ต้องเลือก และสิ่งที่ฉันต้องทำก็คือถนอมและรักษาความรู้สึกที่มีค่าอันนี้ ให้บริสุทธิ์และงดงามตลอดไป
ฉัน ยังคงเป็นกำลังใจที่สำคัญของเขาในการดำเนินชีวิตในพันธนาการที่มีแต่ความเลวร้าย ซึ่งไม่มีใครอยากไปเผชิญกับมัน แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว สิ่งเดียวที่ฉันคงทำได้คือ กำลังใจ
เขา ก็เป็นกำลังใจที่สำคัญของฉันเช่นกัน ถึงฉันจะไม่ได้มีลมหายใจเพื่อเขา แต่เขาก็ทำให้ฉันอยากมีลมหายใจต่อไป .
ฉันเคยคิดเล่นๆ หากวันนึงที่เขาได้รับอิสรภาพ เราจะคบกันนอกเหนือจากคำว่าเพื่อนได้มั้ย??? มันก็เป็นไปได้นะ แต่จะให้ดี อย่าดีกว่า เพราะชีวิตคู่ ความรู้สึกมันเหนือคำว่าเพื่อน เหนือสถานะ แล้วถ้าไปด้วยกันไม่ได้หล่ะ
เราอาจจะต้องสูญเสียความรู้สึกทั้งหมดที่เราอุตส่าห์ถนอมมันมาตั้งนานงั้นเหรอ??? อย่างที่บอก สู้กว่าเรามีความรู้สึกดีๆให้กันแบบนี้ เรารู้ว่าขอบเขตของเราอยู่ตรงไหน?? เราก้าวเข้าไปในชีวิตของกันและกันได้แค่ไหน??
เขาจะคบกับใครอีกกี่คน??? ฉันจะบาดเจ็บกับความรักอีกกี่หน???
แต่เมื่อไหร่ที่เรากลับมา เราจะมีกันและกันอยู่ตรงนี้เสมอ .
นี่แหละ..คือเรื่องราวของเพื่อนสนิท ของฉัน จนถึงวันนี้ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่า
ความรู้สึกที่มีให้นาย มันยังคงมีเหมือนเดิมและมากขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา
ส่วนมันจะเปลี่ยนสถานะรึป่าว??? เป็นเรื่องราวของวันข้างหน้า .
สำหรับวันนี้ สิ่งที่ฉันจะทำให้นาย ได้ดีที่สุด คือการอยู่ข้างๆนาย ณ.ตรงนี้ เป็นกำลังใจของกันและกันตลอดกาล .
รักและคิดถึงนายเสมอ
.
เรื่องราวของเพื่อนสนิท เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว
ตอนนั้นเรื่อง "เพื่อนสนิท" กำลังเข้าโรงฉายแล้วส่งเรื่องนี้เข้าประกวดที่เชียงใหม่
ชนะเลิศค่ะ...ได้ตั๋ว 2 ใบ แต่วันที่ไปนั่งดู ไปดูคนเดียว !!!
เจี๊ยบ
....
ตอนนที่หนังเรื่องเพื่อนสนิทเข้าโรงตอนนั้น ที่ กรุงเทพก็มีให้เขียนเรื่องนะคะ แต่แค่สั้นๆ
แต่อ่านบล็อคนี่แล้วก็น่าให้ชนะเลิศจริงๆ ว่าแต่ปัจจุบันนี้ละคะ (แอบอยากรู้อยากเห็นอีก เพื่งเข้ามาแท้ๆ แหะๆ)