เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่รูปชุดใหญ่เพิ่งมา สำหรับ Audi A1 ตัวถัง 5 ประตูหรือ Sportback สานต่อความสำเร็จของ A1 ตัวถัง 3 ประตู ซึ่งออกแบบได้อย่างสวยงาม ให้ความรู้สึกเยาว์กว่ารุ่นใดๆ ของ ออดี้ และแม้จะเป็นซิตี้คาร์ไซส์เล็ก แต่ A1 ก็ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถหรูตามแบบฉบับของ ออดี้ ตั้งแต่แรก เพียงแต่มีราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับลูกค้า A1 3 ประตูมีราคาตั้งต้นราว 16,000 ยูโร หรือราวๆ 6.5 แสนบาทเท่านั้น เรียกว่าใครที่มีสไตล์เฉี่ยวๆ หน่อย แต่ไม่อยากขับ MINI ก็ต้อง A1 นี่แหละ
เวอร์ชั่น 5 ประตู Sportback มากับความยาว 3.95 เมตร ระยะฐานล้อ 2.47 เมตร เท่ากับรุ่น 3 ประตู ความกว้างและความสูงมากกว่าอย่างละ 6 มม. แต่ไม่ส่งผลอะไรกับแอโรไดนามิก เพราะยังมีค่า cd ที่ 0.32 เท่ากัน ความจุในห้องสัมภาระมีให้ 270 ลิตร พับเบาะหลังได้พื้นที่เพิ่มเป็น 920 ลิตร จุใจพอสมควรกับรถเล็ก
เครื่องยนต์ 4 สูบมี 6 ทางเลือก คือเบนซิน TFSI และดีเซล TDI อย่างละ 3 เริ่มที่รุ่นพื้นฐาน 1.2 ลิตร TFSI 86 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 19.6 กม./ลิตร รุ่นความจุ 1.4 ลิตร แบ่งเป็น 2 รุ่น 122 และ 185 แรงม้า พ่วงซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม.
รุ่นดีเซล TDI ความจุ 1.6 ลิตรแบ่งเป็น 90 และ 105 แรงม้า ถ้าจับคู่กับเกียร์ธรรมดา ทั้งคู่จะทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้อย่างสวยหรู 26.3 กม./ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 99 กรัม/กม. ส่วนรุ่นท๊อป 2.0 ลิตร 143 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 8.5 วินาที แต่ยังคงให้ความประหยัดน่าประทับใจ 24.3 กม./ลิตร ทุกรุ่นยกเว้น 1.6 TDI + S tronic มีระบบ start-stop system ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะจอดรอให้ใช้งาน
ระบบส่งกำลัง ออดี้ ให้ข้อมูลว่า ไฮเทคที่สุดในเซคเมนท์คอมแพคท์ ณ เวลานี้ รุ่น 1.4 TFSI 122 แรงม้า และ 1.6 TDI 90 แรงม้า สามารถเลือกเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 จังหวะ S tronic พร้อมแพดเดิลชิฟท์เป็นออปชั่นได้ ส่วนรุ่นท๊อป 185 แรงม้า จะติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเลย ล้อ 15 นิ้วติดรถมาจากโรงงาน มีล้ออลูมิเนียม 17 นิ้ว และล้ออัลลอย 18 นิ้ว 7 ก้านซึ่งเป็นลายเฉพาะรุ่น 5 ประตูเป็นออปชั่น
ราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย 1.2 TFSI เริ่มต้นที่ 16,950 ยูโร หรือประมาณ 6.9 แสนบาท รุ่น 1.6 TDI เริ่มต้นที่ 19,050 ยูโร หรือประมาณ 7.7 แสนบาท