นิยาย ดราม่า ดี ฮา หื่น สนุก เลิฟซีนภาษาสวย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
11 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

วิวาห์อารมณ์ 8

ตอนที่รุก
ชิดสมัยนั่งเงียบมาตลอดเส้นทางกลับบ้าน โดยที่เปรมชวนคุย แต่เธอไม่ใส่ใจรับฟัง ด้วยความแง่งอน เปรมลอบถอนใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะดูเหมือนว่า อีกฝ่ายไม่มีเหตุผล แม้ว่าจะเป็นเรื่องหึงหวงก็ตามที
“ตกลงไหมจะโกรธพี่อยู่อย่างนี้ หรือว่าจะคืนดีกันก่อนจะให้เรื่องลามไปมากกว่านี้”
“ลาม หมายความว่าพี่เปรมคิดอยากไปหาหนูแดงจริงๆหรือคะ”
“ไม่คิดอยู่แล้ว แต่ไหมก็ไม่ยอมฟังพี่”
“ไหมโกรธนี่คะ หนูแดงไม่น่าทำอย่างนี้กับไหมได้ลงคอ ไม่น่าที่จะมาแย่งพี่เปรม”
“พี่ก็ไม่ได้ไปไหนนี่ ยังเป็นพี่คนเดิม”เปรมเอ่ยอย่างพยายามทำเสียงให้หนักแน่น แต่ใจเบาหวิวไร้น้ำหนัก อย่างที่ตัวเองไม่ยอมรับ คนเดิมที่เขาบอกชิดสมัย จะใช่คนที่เป็นพี่ชายเด็กหญิงแก้มใส เมื่อยามไปหลบสงคราม หรือคนเดิมเมื่อสองปีระหว่างที่คบชิดสมัยโดยไม่ได้พบดารกาอีกครั้งกันแน่
ชิดสมัย เบือนใบหน้ากลับไปมองเสี้ยวหน้าคม เปรมฝืนยิ้มเล็กน้อย หญิงสาวเอนอิงพิงไหล่ของเปรม ก่อนเอ่ย
“ไหมหวงค่ะ พี่เปรมไม่เคยจูบไหม แต่ไปจูบผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น”
เปรมโอบบ่าอีกฝ่ายเข้ามาแนบชิดซอกอกกว้าง เอ่ยเสียงเบากว่าปกติ
“พูดอย่างนี้จะให้พี่ทำโทษที่หึงหวงพี่หรือไง”
“ตายจริง” ชิดสมัยอุทาน พลางดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม หันไปทุบต้นแขนเขาเบาๆ เปรมหัวเราะในลำคอ จากนั้นตั้งหน้าขับรถต่อ
ชิดสมัยแอบมองอกแกร่งในเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่าย เสียดายความอุ่นที่เธอรีบดึงตัวเองออกมาเสียก่อน หญิงสาวค่อยลอบชายตามองระเรื่อยไปตามเสี้ยวหน้าคมคาย หยุดที่ปาก และจมูก ความรู้สึกร้อนผ่าวแผ่ซ่านเมื่อคิดเลยเถิดไปว่า เธอเองอยากจะโดนชายหนุ่มโอบกอด และ...จูบ
เปรมเห็นคนรักนิ่งเงียบไปจึงชายตามามองอีกฝ่าย แล้วได้เห็นสื่อความหมายจากดวงตาของหญิงสาว ชายหนุ่ม ปล่อยมือจากพวงมาลัย คิดบางอย่าง แล้วนิ่งไปชั่วขณะก่อนเปลี่ยนมาขับรถอย่างระมัดระวังต่อไป
ชิดสมัยเห็นการกระทำของเปรม และดูเหมือนเขาเปลี่ยนใจกะทันหัน ทำให้เธอจึงทำแง่งอนบึ้งตึงขึ้นมาอีก รถของเปรมจอดหน้าประตูรั้ง หญิงสาวร่างบอบบางไม่รอให้เปรมได้ทำหน้าที่เปิดรถ เธอรีบก้าวลงจากรถ เดินปั้นปึ่งโดยที่เปรมเดินตามไปติดๆ ชายหนุ่มคว้าข้อมือหญิงสาวยุดไว้ เมื่อเธอกำลังจะถึงประตูหน้าบ้าน เอ่ยเรียกเสียงอ่อน
“ไหมเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ ทำไมวันนี้แสนงอนจริงๆ”
“พี่เปรมคงเอาแต่คิดถึงยัยแดงอยู่ล่ะสิถึงทำเย็นชาใส่ไหม”
“ไปกันใหญ่แล้วไหม”เปรมรวบร่างชิดสมัยเข้ามาสวมกอดโดยแน่น ก่อนก้มลงไปจูบทั่วนวลแก้มบางโดยแรง ชิดสมัยรุ่มร้อนไปทั้งกาย หายใจหอบแรงเมื่อเปรมกดริมฝีปากอุ่นหนาลงบนกลีบปากบางของเธอ
แขนเรียวตวัดโอบรอบคอชายหนุ่ม โน้มลงมาใกล้ และยิ่งโน้มหนักกระทั่งเปรมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่หนักเกินคนปกติ เขาคลายวงแขนออก ชิดสมัยทรุดฮวบในอ้อมอกของชายหนุ่มจนเปรมตกใจ
“เป็นอะไร โธ่ไหม พี่ขอโทษนะ ขอโทษ”
ชิดสมัยยิ้มบางๆ สีหนาเต็มไปด้วยความสุข แต่เก้อเขินที่เป็นลมไปชั่วขณะเพราะตื่นเต้นต่อสัมผัสที่รุนแรงของเปรม
“ไหมต่างหากที่ต้องขอโทษพี่เปรม ไหมตกใจค่ะ”
...กรรม ขณะหนึ่งเปรมนึกขึ้นมาเช่นนั้นจริงๆ ก็ใครไหนเล่าจะโกหกความรู้สึกของตัวเองได้!
“พี่อุ้มมั้ย”
“ไหมเดินได้ค่ะ”
เปรมประคองหญิงสาวเดิน และปล่อยเมื่อผ่านประตูเข้าบ้าน แม่ริมมองอาการของลูกสาวจะว่าเป็นลมก็ไม่ใช่เพราะใต้แสงไฟแรงเทียนเช่นนี้ ยังเห็นสีหน้าท่าทางมีความสุขของลูกสาว เปรมขอตัวกลับ โดยที่ชิดสมัยจะมาส่ง แต่เปรมบอกให้เธอพักผ่อน
“ผมกลับก่อนนะครับคุณน้า”
“เดินทางโดยสวัสดิ์ภาพนะจ๊ะพ่อเปรม”
ชายหนุ่มกลับไปที่รถ ท่าทางไม่ได้มีความสุขอย่างที่ควร เขากำลังคิดบางอย่างขึ้นมาลางๆ ก่อนตัดใจทิ้งอย่างเด็ดขาดลงไป...ชิดสมัยคือคนที่เขาคิดถึงมาตลอดสองปี เขาจะหยุดคิดถึงเธอเพราะ...
“บ้าเอ๊ยเปรม หยุดคิดถึงหล่อนเสียทีน่า”เปรมทุบมือกับหลังคารถตัวเอง ก่อนเปิดเข้าไปแล้วติดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนออกไปทันที
ฝ่ายชิดสมัยขอตัวมารดาขึ้นไปพักผ่อน เมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว เธอกุมสองแก้มไว้ พลางลูบไล้รอยอุ่นที่ยังติดอยู่ กระทั่งมาหยุดที่ริมฝีปาก เธอจูบไม่เป็น กลั้นลมหายใจอยู่จนตัวเองเป็นลม
“หน้าขายหน้าเหลือเกินฉัน..”ชิดสมัยโทษความไม่เอาไหนของตนเอง และนึกแหนหวงเปรมมากขึ้นไปราวกับว่าเธอได้เป็นเจ้าของชายหนุ่มแล้วกระนั้น
“จะทำยังไงดี ยิ่งเป็นอย่างนี้เรายิ่งรักพี่เปรม เราไม่ยอมยัยหนูผีนั่นหรอก เป็นไงก็เป็นกันสิ ฉันต้องจัดการเธอให้ได้เลยหนูแดง”!
ฝ่ายดารกาเดินตัวปลิวเข้าบ้าน โดยที่นายเสริมเป็นคนเปิดประตูให้ หญิงสาวทักอีกฝ่าย
“ไม่นอนอีกหรือนายเสริม ฉันเปิดบ้านเองก็ได้ มีกุญแจอยู่”
“ไม่ได้หรอกขอรับคุณหนู กระผมเป็นห่วงขอรับ”
“ขอบใจจ้ะ แล้วนี่พี่เลิศกลับมาหรือยัง”
“ยังเลยขอรับ ได้ยินคุณนายว่าต้องไปงานเลี้ยงของคุณพ่อของเธอ”
ดารกาพยักหน้ารับ ไม่เอ่ยอะไร แต่นึกรู้ว่า พี่สะใภ้อยากเป็นภรรยารัฐมนตรีจนนั่งไม่ติดบ้านแล้ว จึงได้ตระเวนพาพี่ชายเธอหาเสียงสนับสนุน
“จะอยากเป็นไปทำไมกันนะ เป็นได้ไม่เท่าไหร่ ทหารไม่พอใจเดี๋ยวก็ลงอีก” ดารกาบ่นพึมพรำ คิดไปเรื่องพี่ชายไม่เท่าไหร่ เธอย้อนมาคิดถึงคำของชิดสมัย
“เธอคิดจะแย่งคู่รักของเพื่อน”
ใช่ ชิดสมัย ฉันจะแย่งพี่ชายคนดีของฉันกลับมา ฉันไม่ให้พี่ชายของฉันกับคนอมโรคอย่างเธอหรอก!!ดารกาคิดอย่างแน่วแน่ ตั้งใจจริง ถึงจะโดนใครตราหน้าเธอจะไปใส่ใจทำไมในเมื่อเธอรักของเธอมาก่อน
พี่เปรมก็เถอะ แดงจะเอาชนะให้ได้เลยคอยดูสิ!!!

อาหารเช้าของบ้าน เลิศพานิชตั้งโต๊ะ โดยที่เลิศชายและวัลย์วิไลไม่ลงมาร่วมโต๊ะ เพราะทั้งสองกลับมาถึงบ้านค่อนข้างดีก ป่านนี้ยังไม่ตื่น ที่สำคัญคือ สองหนุ่มสาวจะทานเป็นอาหารฝรั่งตามลำพังเสมอ
คุณหลวงนอกราชการถามถึงเรื่องเมื่อวานที่ลูกสาวกลับมาจนดึกดื่น
“เมื่อคืนคุณแม่บอกว่าหนูแดงไปเที่ยวกับเพื่อนไปไหนหรือ”
“ไปดูหนังกับพี่เปรมค่ะ”
“อ้าวไหนว่าไปกับเพื่อน”
“กับเพื่อนก็ด้วยค่ะ ไปกับพี่เปรมด้วยค่ะ”ขณะเอ่ยถึงฝ่ายชาย ดารการู้สึกเลือดสูบฉีดไปทั่งกาย โดยเฉพาะแก้มร้อนผ่าวที่เดียว คุณหลวงนอกราชการทำเป็นไม่เห็นอาการ ปีตีเกินเหตุเมื่อเอ่ยถึงชายหนุ่มของลูกสาว แต่ท่านยังถามต่อ
“แล้วทำไมไม่ชวนเปรมมาที่นี่ล่ะ หรือว่า เขายังจองหองเหมือนตอนเด็ก”
“คุณพี่คะ เปรมอาจจะเห็นว่าพอเลิศเล่นการเมืองจึงอาจจะระวังตัวน่ะค่ะ” คุณเลื่อนอกตัวแทนคนที่ลูกสาวรัก
“อืม การเมืองตอนนี้ร้อนอย่างไม่น่าไว้ใจ พ่อไม่อยากให้เลิศยุ่งเกี่ยวเลยเชียว เสียเงินโดยใช่เหตุ”
“ถ้าจะห้ามต้องห้ามพี่วัลย์”ดารกาเอ่ยขวางๆ “เพราะดูเหมือนพี่วัลย์อยากเป็นรัฐมนตรีเสียเองเลยนะคะ”
“เงินทองใช้ไปไม่ใช่น้อยเลย นี่ถ้าทหารเกิดรัฐประหารขึ้นมาจะทำยังไงกัน”
“โธ่คุณแม่ คงไม่คิดให้พี่เลิศไปโกงกินนะคะที่เรียกว่าถอนทุนน่ะค่ะ”
คุณเลื่อนทำหน้าไม่ดี เพราะท่านไม่ชื่นชมเลยสักนิดกับการโกงบ้านเมือง ท่านไม่สนับสนุนลูกชาย แต่ห้ามไม่ได้ การพิจารณาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ เลิศชายหวังตำแหน่งมาก ว่าจะได้รับการเลือกตั้งตามโผใหม่
แม้คุณเลื่อนไม่รู้เรื่องตื้นลึกในการเมืองมากนัก แต่ท่านย่อมรู้อยู่บ้างว่า นักการเมืองจะโกงได้ยาก ถ้าคนของราชการไม่เล่นด้วย จู่ๆจะมาสั่งการโดยไม่มีคนบอกทางย่อมเป็นไปไม่ได้ และข้าราชการแสนชั่วพวกนั้นแฝงอยู่ไม่น้อยในบ้านเมืองยามนี้...จับได้ทีก็พวกปลายแถว นักการเมืองลอยนวลได้ เพราะต้นคิดคือข้าราชการที่เปิดช่องทางให้ต่างหาก!!!
“เปรมเขาเป็นทหารทางสายใครหรือ พ่อเคยเอ่ยถึงว่าเขาเป็นเด็ก ผบทบ.เขาก็เอาแต่นิ่ง ไม่ช่างพูด”
“แดงสืบทราบมาว่า..นายของพี่เปรมคือท่านนายพลพันชั่งค่ะ”
“นายพลพันชั่ง ดุมาก เคยร่วมกันปฏิวัติมาแล้วนะ”
“ท่านเหมือนจะอยู่ร่วมแนวคิดเดียวกับผู้บัญชาการทหารบกที่มีเมียเยอะนะคะ แต่แดงว่านายพลพันชั่งท่านรวยมาแต่เกิด ท่านคงไม่กินตามน้ำแน่ค่ะ”
“นายเป็นอย่างไรลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น เปรมคงเหมือนนายของเขาไม่เช่นนั้นคงยากที่จะได้ดี”
“พี่เปรมได้ดีเกินชั้นเพื่อนแล้วนะคะคุณแม่” ดารการีบเข้าข้างคนที่ตนรัก ผู้ให้กำเนิดถามเป็นเสียงเดียวกัน
“หนูแดงไปสืบมาจากที่ไหนกันนะนี่ ไม่เห็นมีวี่แววเลย”
ดารกกาหัวเราะเสียงใส ก่อนลดเสียงลง ตอบว่า
“จากแม่วาดค่ะคุณแม่ ถามไม่ให้ใครรู้เลยค่ะ”
ครานี้ผู้ให้กำเนิดพากันยิ้มในสีหน้า เพิ่งรู้รายละเอียดวันนี้นี่เอง!
วันนี้เป็นวันหยุดราชการ
ในเวลาสาย คุณเลื่อนนั่งตัดแต่งดอกไม้เล่นอยู่กับลูกสาวคนโปรด ซึ่งไม่ได้ออกไปที่ไหน แม้นนั่งเฝ้าเป็นเงาตามตัว ชวนกันคุยเรื่องใกล้ตัวเวลานี้ว่า
“คุณนายวัลย์ไม่ออกหาเสียงแล้วหรือเจ้าคะคุณผู้หญิง”
“วันนี้วันอาทิตย์ ต้องเกรงใจคนหยุดพักกันบ้างหรอก ไม่เช่นนั้นแทนจะได้เสียงจะกลายเป็นเสีย นี่ตื่นกันหรือยัง”
“เห็นตั้งอาหารเช้าตอนแม้นเดินผ่านห้องอาหารเล็กเจ้าค่ะ”แม้นตอบ ดารกา เอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“วันนี้มันหยุด พี่เปรมของแดงเขาจะหยุดหรือเปล่าน้อ”
แม้นไม่ชอบใจจึงเหน็บว่า
“ไปเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผู้ชายอย่างนี้จะงามหรือคะคุณหนู”
ดารกาใช้นิ้วชี้ข้างแก้มใสของเธอแล้วทำหน้าใสถามแม้นว่า
“แล้วแดงงามมั้ยจ๊ะแม้น”ถามพลางทำกระพริบตาปริบๆ แม้นยิ่งว่าเข้าไปอีก
“ดูสิคะยังมาเล่นหูเล่นตาอีก ไม่งามเลยค่ะไม่งาม”
“เช่นนั้นก็ช่างแม้น”เธอสวมกอดมารดาทำประจบ “คุณแม่ว่าแดงงามคนเดียวก็พอ”
“อิ๊ว แม่ไม่ทันว่าเลยนะหนูแดง”
“ว๊า ไม่มีคนเข้าข้างแล้วหรือนี่...ชักดวงไม่ดีเสียแล้วนะนี่”เธอบ่นไปอย่างนั้น มารดาจึงเชิงแก้มลูกสาวแล้วบิดเล่นอย่างเอ็นดู
เวลานั้น รถยุโรปคันหรูได้เลี้ยวผ่านช่องประตูซึ่งคนสวน เปิดรับ หญิงทั้งสามพากันมองเป็นตาเดียว
ดารกาอุทานเมื่อมองผ่านกระจกหลังซึ่งไขลงมาครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นผู้มาเยือน
“คุณนคร”
“ใครหรือหนูแดง”
“พี่วัลย์เขาแนะนำให้รู้จักน่ะค่ะคุณแม่ ท่าทางไม่ดีแล้วล่ะค่ะ วันนี้คุณพ่อใช้รถหรือเปล่าคะถ้าไม่ใช้ล่ะก็ให้คนขับไปส่งแดงนะคะ แม้นไปแอบบอกว่าแดงไปรออยู่ข้างนอกแล้วนะ แดงจะออกประตูหลัง”
“ตามใจลูกก็แล้วกัน” คุณเลื่อนตามใจลูกเสมอ
“แล้วจะกลับอย่างไร”
“คุณแม่อย่าห่วงเลยค่ะ” ดารกาบอกบุพการีด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
จากนั้นหญิงสาวรีบเร้นกายไปทางหลังตึก และออกประตูหลังไปอย่างรวดเร็ว ส่วนแม้นรีบไปทำตามคำสั่งนายสาว ส่วนคุณเลื่อนนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อการมาของคนที่ลูกสาวหลบหน้า
เธอจะบุกไปหาเปรมถึงบ้าน จะดูทีว่าชายหนุ่มจะไล่ตะเพิดเธอออกมาหรือไม่ เพราะถ้าเขาไล่ เธออยากรู้ว่าตัวเองจะทำเช่นไร!!
ฝ่ายชิดสมัยโทรศัพท์บอกสุดาและราตรีเรื่องดารกาให้ท่าเปรม ถึงกับให้เปรมจูบในโรงหนัง สองสาวถึงกับแช่งชักหักกระดูก ด่าทอมาตามสาย
“ฉันว่าแล้วว่ายัยหนูผีคนนี้ต้องเข้ามาอย่างมีเลศนัย คอยดูนะฉันจะไปต่อว่ายัยแดงถึงที่บ้านเลย ไหมเธอไม่ต้องกลัว”
ราตรีและสุดามีความคิดเดียวกันจะต้องเอาเรื่องดารกาให้จงได้ จึงตกปากรับคำชิดสมัยเพื่อนรักของพวกเธอ ชิดสมัยวางโทรศัพท์กำมือแน่นดวงตาอาฆาตมาดร้ายต่อดารกา แต่จะไปที่บ้านอีกฝ่าย ก็ไม่กล้าพอจึงให้สุดาและราตรีเป็นทหารเดนตายนั่นแหละเหมาะดีแล้ว
ทางด้านนครเข้ามาถึงในบ้าน เด็กรับใช้ออกรับหน้าคนหนึ่งอีกคนไปเรียนเชิญวัลย์วิไล ซึ่งเพิ่งตื่นมาทานอาหารเช้า ชายหนุ่มร่างใหญ่เอ่ยถามสาวใช้ว่า
“คุณแดงอยู่ที่ไหน”
“เห็นนั่งเล่นกับคุณผู้หญิงที่โคนไม้ตรงโน้นเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบตามซื่อ ทำท่าเดินนำไป พอดีกับเด็กที่ไปตามวัลย์วิไลพาสองสามีภรรยาออกมาทักเสียก่อน ทำให้นครหยุดเท้าโดยพลัน
“คุณนคร ดีจริง ว่าจะเชิญมาทานอาหารเที่ยงอยู่เชียว นี่เด็กๆไปตามคุณแดงมาที”วัลย์วิไลกล่าวอย่างรู้ใจชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไร ผมอยากไปรู้จักกับคุณแม่ของคุณเลิศพอดีครับ วันนั้นไม่ได้คุยกับท่านเลย”
“ดีครับผมจะพาไปเอง”เลิศชายอาสา
สร้างความพอใจให้กับนครเป็นอันมาก ต่อมาทั้งสามจึงไปหาคุณเลื่อนซึ่งเวลานี้นั่งอยู่เพียงลำพัง โดยที่แม้นพึ่งกลับจากรับคำสั่งของดารกาให้ไปเรียกรถ และนางเดินอยู่ห่างๆ ในสายตาหญิงกลางคนพอเห็นสะใภ้ผู้ยิ่งใหญ่เดินไปหานายของตน จึงได้สาวเท้าเพื่อเข้ามาร่วมเหตุการณ์ให้เร็วมากขึ้นอย่างที่เรียกว่า เกือบเป็นนักวิ่งยี่สิบเมตรกว่าทีเดียว
“อ้าวคุณแม่ หนูแดงไปไหนเสียล่ะคะ เด็กบอกว่านั่งอยู่กับคุณแม่” วัลย์วิไลถามเสียงสูง ส่วนคุณเลื่อนทำท่าเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไร ตอบกลับมาว่า
“เห็นบอกว่ามีธุระด่วน ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว มีอะไรหรือแม่วัลย์ จะใช้น้องทำอะไรหรือเปล่า”
คำพูดของคุณเลื่อนทำให้นครคลางแคลงใจว่า ตนเองไม่เป็นที่ต้อนรับของหญิงกลางคนที่มียศศักดิ์คนนี้ เขาจึงต้องแนะนำตัวก่อน เขานบนิ้วไหว้อีกฝ่ายอย่างเต็มใจ
“เอ่อผมขอแนะนำตัวนะครับคุณแม่ ผมชื่อนครครับ เป็นเพื่อนกับคุณเลิศ ผมกราบสวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะคุณ”
“ผมนั่งคุยด้วยได้ไหมครับ”
“นั่งสิ แต่ที่นั่งคงไม่พอนะ ถ้าพ่อเลิศกับแม่วัลย์จะนั่งด้วยคงต้องนั่งพื้นกันล่ะ”
วัลย์วิไล แอบเหยียดมุมปากด้วยความไม่พอใจ และนึกลำเลิกบุญคุณ เรื่องความเหนื่อยยากของตนเองที่ทำเพื่อเลิศชาย ลูกชายของคนบ้านนี้ โดยลืมไปว่า ตนเองนั้นเป็นเมียที่อยากได้สามีเป็นรัฐมนตรี
“ความจริงคุณนครสนใจหนูแดงค่ะคุณแม่ พวกเขาเคยรู้จักกัน หนูแดงก็ทำท่าไม่รังเกียจอะไร วัลย์ว่า...”
นครขัดคำขึ้นมาก่อนเพราะกลัวเสียคะแนนจากการพูดเอง เออเอง ของหญิงสาวผู้เป็นสะใภ้คุณเลื่อน
“คุณแม่กำลังนั่งทำอะไรอยู่หรือครับ”
“นั่งพับดอกไม้เล่น ท่าทางคุณเหมือนเป็นพ่อค้านะคุณนคร”
“คุณแม่ดูออกด้วยนะครับ”นครตอบสุภาพเรียกคะแนนให้ตัวเอง
“คุณหลวงท่านเคยเป็นพ่อค้ามาก่อน ไงแม้น”คุณเลื่อนหันไปทักบริวาร ซึ่งมีท่าทางดั่งจะเป็นลม เพราะเกิดอยากเป้นนักวิ่งลมกรดขึ้นมา นอกจากถามแล้ว ท่านยังส่งยาดมให้ดม แม้นนั่งลงบนเสื่อ
วัลย์วิไลอยากเค้นความจริงว่าไปทำอะไรมาเหนื่อย หรือเอาดารกาไปซ่อน แต่พูดไม่ได้ เลิศชายเอ่ยว่า
“ถ้าคุณนครจะคุยกับคุณแม่ตรงนี้ ก็เชิญก่อนนะครับ ผมกับวัลย์ไปแต่งตัวสักครู่ แล้วจะให้เด็กเอาเก้าอี้มาเพิ่ม สั่งของว่างมาทนเล่นไปด้วยก็ดีเหมือนกัน”
“ตามสบายคุณเลิศ ผมเห็นว่าใต้ร่มไม้นี้ก็เย็นสบายดีอยู่” ชายร่างภูมิฐานหันไปตอบ เลิศชาย อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แล้วพาภรรยาจากไปตามคำพูด นครหันมาชวนคุณเลื่อนคุยโดยไม่ยอมเปลี่ยนสรรพนามว่า
“คุณหลวงท่านไปไหนหรือครับคุณแม่” แม้นได้ฟังแล้วคันปากยิบ จนอดส่อเสียดขึ้นมาเสียไม่ได้ว่า
“แหมคุณผู้ชายเรียกคุณผู้หญิงท่านเสียสนิทเชียวเจ้าค่ะ นี่ถ้าเป้นสมัยก่อนต้องให้อนุญาตกันนะคะ เพราะไม่งามเลยค่ะ เพราะคุณท่านมีลูกสาว”
“พอดีฉันเป็นเพื่อนคุณเลิศลูกชายท่าน เรียกท่านว่าแม่ เหมือนที่คุณเลิศเรียกคุณแม่ฉันว่าอาหม่า ฉันก้มีน้องสาวสามคนทีเดียวนะ”
คารมดี...คุณเลื่อนนึกชมนคร !
ที่หน้าประตูรั้วบ้านเลิศพานิช ราตรีและสุดาเกี่ยงกันที่จะเปิดประตูเข้ามาในบ้าน สุดท้ายคนสวนเปิดประตูถามธุระ
“ฉันเป็นเพื่อนกับแดงขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย”
“ได้ขอรับเชิญครับ” คนสวนพาสองสาว ซึ่งดารกา อุปมาให้เป็น รัก-ยมไปหาคุณเลื่อนเช่นกัน
สองสาวพบกับคุณเลื่อนและแม้นที่ใต้ต้นโศกใหญ่ การมาอย่างใจกล้า ต้องเกิดอาการลังเลใจ เพราะหนุ่มหน้าตาดีนั่งอยู่กับคุณเลื่อนอยู่ด้วย ทั้งราตรีและสุดาทำความเคารพผู้มากวัยกว่าแล้ว รู้สึกอึดอัดพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ นครนึกเดาว่าตนเองเป็นตัวการจึงได้ขอตัวกับคุณเลื่อนอย่างมีมารยาทว่า
“ผมไปหาเลิศชายในบ้านนะครับคุณแม่ วันนี้คงอยู่ทานอาหารกลางวันด้วยนะครับ”
“เอ่อจ้ะตามใจคุณเถิดคุณนคร”
สองรัก-ยม ตามคำขนานนามของดารกา แอบมองตามชายหนุ่มไปอย่างนึกพอใจ ก่อนจะทำธุระของตนเองหลังจากเคารพแล้วก็ถามหาดารกา
“ไม่อยู่จ้ะไปธุระ”
“ธุระที่ว่าใช่ไปหาผู้ชายมั้ยคะคุณท่าน” เอ่ยออกมาอย่างราตรีก้าวร้าว แม้นจึงสวนออกมาทันใดว่า
“คุณหนูไปหาพี่ชายของเธอมันผิดตรงไหน ทำเสียงน่าเกลียดไร้ความงามอย่างนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเพื่อนของคุณหนูคนดีของฉันได้”
“โอ๊ยป้า อยู่กับบ้านคงไม่รู้ล่ะสิว่าคนดีของป้าไปแย่งคู่รักคนอื่นเขา”
ขาดคำของสุดา คุณเลื่อนตวัดสายตามองสองสาวจากศีรษะจรดเท้า จากเท้าขึ้นไปบนศีรษะ สองสาวร้อนป่าวกับการโดนสายตาดูถูกเช่นนั้น คุณเลื่อนเอ่ยว่า
“คนมีการศึกษาจะแยกแยะได้ว่าควรหรือไม่ควรพูดกับผู้ใหญ่อย่างไร แต่เอาเถอะ ฉันจะถือว่า เพราะพวกเธอไม่มีสกุนรุนชาติ จะยกให้ทั้งสองคน เอาล่ะมาหาเรื่องหนูแดงใช่มั้ย จะได้บอกได้ว่า หนูแดงเขาไปไหน”
สองสาวลอบสบตากัน จากที่เก่งและจัดจ้าน ต้องลดท่าทีด้วยความเป็นผู้ดีจัดของคุณเลื่อน
“แดงไม่ได้เล่าให้ฟังหรือจ๊ะ ว่าเปรมเขาเป็นรุ่นที่ตั้งแต่แดงตัวกะเปี๊ยกนั่นแน่รู้จักกันสิบกว่าปีแล้ว น้องสาวไปหาพี่ชายคงไม่ได้ถึงกับแย่งอะไรใครให้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายกระมัง หรือถ้าทำให้เธอร้อนจนนั่งไม่ติดฉันจะให้หนูแดงกลับเสียเดี๋ยวนี้”
ราตรีและสุดา นึกเดาได้ทีเดียวว่า ดารกานั้นร้ายมากเหมือนใคร ทั้งสองจำต้องขอตัวกลับแล้วตรงไปบ้านของชิดสมัยทันที สองสาววิจารณ์ไม่หยุด
“ที่แท้ยายแดงรู้จักกับพี่เปรมมาก่อนแล้ว ไม่แน่เขาอาจจะมีอะไรกันก็ได้ ฟังจากแม่ของยัยแดงนั่นแล้ว เขาร๊ายร้ายเหมือนยัยแดงไม่มีผิดเลย”
“วันนี้ยายแดงไปหาพี่เปรมของเธอแล้ว เธอควรรู้ไว้นะว่ายัยแดงคงคิดจะแย่ง เพราะยัยหนูผีนั่นร้ายจริง”
ชิดสมัยลุกพรวดราวถูกไฟจี้ก้น เธอมานั่งรอความพ่ยแพ้อยู่ได้อย่างไรกัน เธอต้องไปเอาคนรักของเธอคืนไม่ว่าเปรมจะร็จักดารกามานานเพียงใดก็ตาม แต่เธอ ...ไม่อาจเสียเปรมให้กับดารกาได้อย่างเด็ดขาด
ที่บ้านริมน้ำของเปรม
ชายหนุ่ม หยุดงาน เมื่อไม่มีข้อราชการ หรืองานที่เจ้านายเรียกตัว เขามักจะขลุกอยู่กับการเลี้ยงปลา ซึ่งอยู่ที่บ่อ ขณะที่กำลังดูปลาแหวกว่ายอย่างเพลิดเพลินนั้น หูของเขาแว่วเสียงดังกุกกัก จากบนเรือน
นายทหารรูปงามเหลียวซ้ายแลขวา หาที่มาที่ไปของเสียง เห็นว่าไร้ร่องรอยจึงค่อย ๆ ย่องขึ้นบันได ประตูหลังเปิดทิ้งไว้ ห้องนอนของเขาเป็นต้นเสียงเขาเปิดประตูผางพรอมกระโจนเข้าประชิด ร่างที่คิดว่าน่าจะเป็นนักย่องเบากับเป้นร่างอรชรอ่อนนุ่มในวงแขนที่จับ,อกคอไว้แน่นหนา ดารการ้องเสียงหลง
“ว้ายพระช่วยแดง”
“คุณแดง” เปรมหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้บุกรุกเขารีบปล่อยร่างอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ก่อนดุว่าด้วยความไม่พอใจ
“นี่อะไรแอบย่องเข้าห้องของพี่เชียวหรือ ออกมาเดี๋ยวนี้” แทนที่จะออกไปตามคำสั่ง
แต่หญิงสาวคว้ามือเขามาอังหน้าผาก อังแก้ม ลำคอ เลือดในกายชายหนุ่มฉีดแรง เพราะเขาได้สัมผัสผิวเนื้อนวลละมุน เขาดึงความรู้สึกเคลิ้มกลับโดยเร็ว พร้อมชักมือกลับดารกาทำบูดบึ้งแล้วหัวเราะคิกคักผลักร่างชายใหญ่ไปที่ประตู
“แดงจะให้พี่เปรมวัดความร้อนค่ะ เพราะแดงกำลังเป็นไข้...”เธอละไว้ไม่บอกว่าเป็นไข้ใจ “พี่เปรมนั่นล่ะออกไป แดงเดินทางมาเหนื่อยๆ แดงจะพักผ่อน”
“คุณแดงนี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ ห้องนี้เป็นห้องผู้ชาย”
“ถึงเป็นห้องผู้ชาย แต่คนคนนั้นก็เป็นพี่ชายของแดง ทำไมแดงจะนอนไม่ได้ เมื่อก่อนหนุนตักนอนไม่เห็นพี่เปรมห้าม ยังร้องเพลงกล่อมแดงด้วยซ้ำไป”
“แต่เวลานี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นั่นคุณแดงยังเด็กหัวเท่ากำปั้นเท่านั้น”
“ไม่รู้ล่ะ พี่เปรมอย่ามาอ้างโน่นอ้างนี่ไปหน่อยเลยเค้าจะนอนแล้ว”
“ไม่ได้ บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิคุณแดง ออกมาข้างนอก”
“แหมหวงจัง งั้นแดงทำกับข้าวให้ทานนะพี่เปรม”
“พี่ไม่หิว พี่จะออกไปธุระคุณแดงกลับไปบ้านไปเสียเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่เปรมออกไปธุระ แดงจะเฝ้าบ้านให้ ไปนานเลยก็ได้ วันนี้แดงจะนั่งเล่นที่นี่จนเย็ฯเลยล่ะ”
เปรมระอาใจกับความดื้อดึงของดารกา นี่เธอจะมาไม้ไหนกันแน่เข้าไม่เข้าใจเลย แต่เขาก็จำห่างออกมา ดารกาดึงผ้าปูที่นอนปอกหมอนมุ้ง หอบออกไปที่ท่าน้ำ
“คุณแดงอะไรกันนี่”
“แดงจะเอาไปซัก พี่เปรมไม่เห็นเหรอเหม็นอับ”
“พึ่งซักไปคุณแดงยุ่ง”
“ไม่ยุ่งซักหน่อยอยากทำให้พี่ชายบ้างไม่ได้หรือคะ”
ดารกาใส่ผงซักฟอกจนหมดกล่องฟองท่วมตัว เปรมนั่งเช็ดปืนพกไม่เป็นสุขนัก ท้ายที่สุดเก็บปืนเข้าซอง นำไปเก็บในห้องนอนแล้วเดินไปดูดารกาที่ท่าน้ำ
ภาพที่เปรมเห็นทำให้หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ส่วนตัวต้นเหตุหันมายิ้มฟันขาว ผงซักฟอกท่วมตัว เปรมรีบลงไปลง
“คุณแดงเปียกหมดแล้ว ซักผ้ายังไม่เป็นเลย ไปอาบน้ำเถอะไป” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อน ดารกาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าละห้อย
“ซักผ้าก็ยากเหมือนกันนะคะพี่เปรม แดงคิดว่าแค่ใส่ผงซักฟอกลงไปก็ซักได้แล้ว”
ชายหนุ่มหยิบกล่องขึ้นมาดูแล้วกลั้วหัวเราะในคอ กว่าดารกาจะอาบน้ำเสร็จเปรมก็นำผ้าขึ้นตากจนหมด หญิงสาวนุ่งผ้าขาวม้ากระโจมอกออกมา เปรมรีบเบือนหน้าหนีใจเต้นแรงจนเกรงเธอจะได้ยิน
“แดงไม่มีผ้าเปลี่ยน ตายแล้วแดงจะทำอย่างไรดีคะพี่เปรม แดงคงต้องหลบอยู่ในห้องนอนพี่เปรมแล้วล่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“คุณแดงใส่เสื้อของพี่เปรมไปก่อนก็ได้”
เขาพูดไม่มองอีกฝ่าย ดารกาเข้าห้องนอนเปิดดูตู้ผ้า ซึ่งพับเก็บเรียบร้อยทุกอย่าง ผ้าปูที่นอนปอกหมอนสำรองถูกเธอนำมาเปลี่ยน ยังไม่ได้ผลัดผ้าขาวม้าออก
ชิดสมัย สุดา ราตรีเดินผ่านประตูรั้วที่เปิดทิ้งค้างไว้ขึ้นบันไดมาโดยเร็ว เปรมตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นหญิงสาวทั้งสาม นั่งทำใจที่ยังคงเต้นระทึกอยู่ที่โต๊ะรับแขกบนเฉลียงบ้าน ความมีพิรุธเขาถึงกับผุดลุกอุทานเรียกเธอเสียงดัง
“ไหม”
ดารกาซึ่ง กำลังสวมเสื้อของเปรมก็ได้ยิน ความคิดมุ่งร้ายฉายแวบออกมาทันที หญิงสาวถอดเสื้อออกหมดสิ้นหยิบผ้าขาวม้าถอดกองขึ้นมากระโจมอก ตะโกนเรียกเปรมอ่อนหวานด้วยแผนการร้ายกาจ
“พี่เปรมขา ช่วยแดงหน่อยคะพี่เปรมขา”
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฝาดเปรี้ยงเข้าที่กลางกระหม่อมถึงกับยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง ชิดสมัยได้ยินเสียงดารกาดังมาจากห้องนอน เธอพร้อมเพื่อนวิ่งปราดไปที่ห้องนอนซึ่งเปิดกว้างอย่างรอคอย
ดารกากระโจมผ้าขาวม้าหมิ่นเหม่ แทบจะหลุดมิหลุดแหล่ ซึ่งต่อให้เป็นนางร้ายที่ไปดูในภาพยนตร์ก็ไม่มีใครทำได้น่าเกลียดเช่นนี้ หญิงสาวเกือบอยู่ในสภาพโป๊เปลือย
สามสาวกรี๊ดเสียงหวีดตกใจจนใบหน้าถอดสีเผือดซีด ชิดสมัยหายใจขัดหน้ามืดเป็นลมไปทันที
ราตรีเข้าประคองเพื่อนสุดาประณามการกระทำที่ไร้ยางอายของดารกาอย่างรุนแรง
“ชั่วร้ายที่สุด เธอมันหญิงแพศยา แย่งได้กระทั่งคนรักของเพื่อน”
“เธอเลวมาก ดารกาเธอเลวที่สุดไร้ยางอาย”ราตรีช่วยอีกแรง
“เรื่องอะไรที่พวกเธอมารวมหัวด่าฉันในเมื่อพี่เปรมเป็นของฉันต่างหาก”
เปรมบดกรามกรอด เขาพึ่งรู้ตัวว่าโง่ที่สุดก็วันนี้ หลงกลดารกาเข้าเต็มที่ ชายหนุ่มไม่มองหน้าหญิงคนร้ายสักนิด เขาก้มลงโอบประคองชิดสมัย จากนั้นจึงโอบอุ้มไว้ในวงแขน เรียกอ่อนโยน
“ไหม ไหมเป็นอย่างไรบ้างที่รัก”
ดารกายอกแสยงใจบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินถ้อยคำหวานล้ำเต้มสองรูหู เปรมพาชิดสมัยลงไปจากบ้าน ราตรีและสุดาปรามาสดารกา
“ถึงเธอจะวางแผนชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ แต่เธอคงรู้แล้วสินะว่า พี่เปรมรักไหมมากแค่ไหน เธอแย่งไม่สำเร็จหรอกดารกา”
“คอยดูก็แล้วกัน” ดารกาเชิดหน้าท้าทาย
“นังคนแพศยา”สองสาวผรุสวาทดารกาออกมาอย่างสุดทน
“ถ้าด่าอีกคำเดียวฉันตบปากเธอเลือดกบปากแน่สุดา ราตรี”
“เธอถือว่าเป็นคุณหนูที่ร่ำรวย คิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”
“คอยดูก็แล้วกันว่าฉํนจะทำได้หรือไม่”
ดารกาตอบมาดหมายไว้ในใจ เธอต้องชนะ เธอจะไม่เสียน้ำตามองภาพการโอบอุ้มร่างหญิงอมโรคด้วยความทะนุถนอมนั้นให้เสียน้ำในร่างกายเล่นหรอก เธอไม่กลัวคำว่าแพ้ ถ้าอยากเอาชนะขึ้นมาล่ะก็!!!




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2554
0 comments
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2554 11:37:32 น.
Counter : 1177 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางแก้ว ดาราพร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางแก้ว ดาราพร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.