Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ตะลอนทัวร์
สรรหามาเล่า
ทำดีเพื่อพ่อ
ของแต่ง Blog
เรื่องของลูก
<<
ตุลาคม 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
27 ตุลาคม 2551
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 4
All Blogs
ซาฟารี เมืองไทยของเรา
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 6
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 5
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 4
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 3
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 2
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 5 พิเศษ
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 1
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 5
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 4
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 3
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 2
ฮ่องกง กวางเจา ทริป ตอนที่ 1
ทานตะวัน
ฟาร์มจรเข้ สมุทรปราการ
เวียตนาม ไม่ไปไม่รู้ ตอน 4
เช้าวันนี้พวกเราตื่นมากันแต่เช้าลงมากินอาหารเช้าของโรงแรม โดยที่มารู้ตอนหลังว่าเพื่อนเราอีก 3 คนแอบหนีไปชิมโจ๊กข้างโรงแรมมาเรียบร้อยแล้ว (ไม่ชวนกันมั่งเลยนะ) ได้ข่าวว่าร้อนสุดๆเหมือนกัน แต่อร่อยก้อโอแล้ว
ตารางวันนี้คือ นิงห์บิงค์ หัวลือ ตามก๊อก (ยังพอจำได้นะ)
พวกเรานั่งรถออกจากจัวเมืองฮานอยไปตามถนนสายที่ 1 เป็นสายที่ยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ (ไหนถึงไหนไม่แน่ใจอันนี้) ระหว่างทางพวกเราถามไกด์ว่าทำไมถึงมีหลุมฝังศพในนาด้วย ได้ความว่าเนื่องจากเป็นเจ้าของที่คือแบบใครตายก็จะเอามาฝั่งในที่ของเค้าเองประมาณนี้แหละ และไกด์เราเล่าถึงพิธีกรรมตามธรรมเนียมของ VN คือคนที่เสียชีวิตไปแล้วที่ฝั่งในสุสานที่เห็นอะ ประมาณ 3-5 ปีเค้าจะขุดขึ้นมาเอาฌครงกระดูกมาทำความสะอาดแล้วฝังลงไปใหม่ เพื่อนเราคนนึงบอกว่าเหมือนคนกวางตุ้งบ้านเค้าทำแบบนี้เหมือนกัน แต่เราเองก้อเพิ่งรู้นะเนี่ย แถมไกด์ยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่าเค้าเคยไปร่วมพิธีขุดศพนี่เหมือนกัน เวลาที่ไปคือก่อนฟ้าสางอะ พอตอนที่กำลังขุดอะ เจอกบตัวนึงกระโดดขึ้นมา โอ้โห ตกกะใจกันทั้งขบวน พวกเราฟังแล้วก้อขำ แต่ถ้าเป็นเราในเวลานั้นคงขำไม่ออกเหมือนกันนะ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ระหว่างทางไปรถมินิบัสที่นั่งก็ขับแบบห้ามเกิน 50 กมต่อชม นั่งแล้วเหมือนนั่งรถไฟว่าถึงก้อช่างไม่ถึงก้อช่าง เต้าแวะร้านชายขนมถั่วแอบเห็นไกด์เราซื้อตั้งหลายกล่องเค้าบอกว่าต้องกินกับน้ำชา เราลองซื้อมาชิมก้ออร่อยดีเหมือนกันแต่กินแล้วติดคอ มิน่าเพิ่งเข้าใจว่าทำไมต้องกินน้ำชา
วันนี้อากาศเย็นเชียวเพราะฝนตกตลอดทางที่มา และแล้วเราก้อมาถึงหัวลือเป็นเมืองในหมอกเชียว ที่นี่เป็นเมืองหลวงเก่าในช่วงศตวรรษที่ 10 ในนามของ ไดโกเวียด สมัยราชวงศ์ดิงห์ ราชวงศ์เล และราชวงศ์หลี จากนั้นพาเที่ยวชมวัดเก่า 2 วัด ได้แก่ วัดดิงห์เตียนฮว่าง และวัดเลฮวาน ที่กษัตริย์ Dinh le สร้างขึ้น แต่ตอนนี้มีแต่วัดที่ผู้คนมาไหว้กัน พวกเราก้อไหว้แล้วอธิษฐานขอพรกัน
สิ่งที่ประทับใจที่นี่ คือ ในศาลเค้าจะเป็นอาคารหลังไม่ใหญ่มากนักด้านในจะค่อนข้างมืด เวลาเข้าไปด้านในจะต้องถอดหมวกและแว่นตาดำนะ ถ้าใส่กันมา ธรณีประตูจะทำสูงๆดังนั้น เวลาที่เราเข้าไปจะต้องก้าวเข้าไปแบบระมัดระวังแลต้องก้มหัว เสมือนเป็นการทำความคำรบ เค้าช่างคิดดี ชอบชอบชอบ
แล้วเรามาต่อกันที่ตามก๊อก ตอนที่นั่งรถมาไกด์เราเล่าให้ฟังว่าที่นี่มีแพะผู้เขา แอบเห็นเหมือนกันตอนแรกก้อไม่รู้ว่าตัวอะไร
รถมาก่อนที่หน้าร้านอาหารร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟต์ อร่อยดีเหมือนกันเป็นอาหาร VN แถมมีเนื้อแพะย่างด้วยนะ เสร็จแล้วพวกเราไปลงเรือกัน เท่าที่เห็นเราว่าคนทั้งตำบลเลยมั้งออกมาพายเรือ แบบเยอะมากมาก พายไปพายมาใช้เท้าพายก้อมี คอนที่นั้งอยู่เรือเห็นเค้าปลูกข้าวตลอดสองข้างทาง มิน่าได้ชื่อว่าปลูกข้าวเยอะที่สุด แต่เราว่าข้าวบ้านเราอร่อยกว่านะข้าวบ้านเค้าคล้ายข้าวญี่ปุ่นอะมันเหนียวๆ รึเราอาจจะไม่คุ้นก็ได้นะ
"นิงห์บิงค์" แหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยนาข้าวอันเขียวขจี ซึ่งได้ขนานนามว่า ฮาลองบก นั่งเรือท้องแบนล่องแม่น้ำล่องเพื่อชมความงามของตามก๊อก
ระหว่างที่นั่งเรือเห็นคน VN มาเที่ยวกันก้อเยอะนะช่ายว่าจะทีแต่ชาวต่างชาติ พวกนักเรียนก้มี เราต้องนั่งเรือลอด 2 ถ้ำ ไอ้เพื่อนเราคนเดิมที่มันกลัวอุทยานมันเอาอีกแล้ว มันนั่งก้มหน้าก้มตา จนใครใครคิดว่ามันเมาเรือ หารู้ไม่ว่ามันกลัวถ้ำ เอาเข้าไปกับมัน อิอิ มันโดนเด็กๆหลอกกันเลยคราวนี้ว่า ป้าปูกลัวถ้า 555 ฮาดีว่ะ ชอบอีกแล้ว
เที่ยวชมกันเสร็จตอนกลับมีเฮอีก
นั่งรถกลับเข้าเมืองเพื่อนร่วมก๊วนเรา 3 คนจะกลับวันนี้ตอนนั่งรถเข้ามาไกลแล้วแหละมาเจอตำรวจเรียก เกิดรัยขึ้นเนี่ย ปรากฏว่าขับรถเร็วกว่าที่กม.กำหนด คือประมาณ 60 กม. เสียเวลาไป พ้นจากตำรวจมาซักพักนึงมีเรื่องไม่คาดฝันอีก รถติด โอ้โหรถติดยาวเลย จะอารัยกันหนักหนาเนี่ย คนขับเราซอกแซกซักพักก้อหลุดมาได้ แต่ที่ลุ้นกันสุด ๆ คือ เวลานี่สิ จะทันกันไหมน้า พอหลุดเข้ามาในเมือง เพื่อนเรา 3 คน เราแล้วก้อไกด้รีบวิ่งกลับมาที่โรงแรมเอากระเป๋าขึ้นรถที่มารออยู่แล้วแล้วส่ง 3 คนไปแอร์พอรต์ทันที แต่ก้อยังลุ้นว่าจะทันไหม ก่อนไปยังกำชับว่าถ้าไม่ทันให้กลับมาที่โรงแรมนะ พอ 3 คนขึ้นรถไปไกด์เราก้อโบกมือลาเช่นกัน นึกขึ้นมาได้ว่าเอ พวกที่เหลือทำไมยังไม่มากันอีก แล้วเราเดินกลับไปตามทางเดิม รถไม่อยู่แล้วแต่มันคนที่เหลือไม่มีละ เดินไปดูตรงทางแยกถ้าเดินไปทางนี้ต้องเจอดเราสิ เอางัยดีโทรหาเพื่อนอีกคนว่าอยู่ไหน ปรากฏว่าเค้าเดินตรงไปเลยไม่ได้เลี้ยวซ้าย อ้าวมัยทำงั้น สรุปเราเลยบอกให้เดินย้อนกลับมา กว่าจะเจอกันเดินหลงไปซะไกลเชียว
คืนนี้พวกเราไปกินข้าวกันที่ร้าน xxx (ติดไว้ก่อนนะ) ที่ได้ Recommended from Lonely Planet กัน อร่อยดี แต่จานใหญ่มากมากกินกันไม่หมดเลยละ เสร็จแล้วพวกเราไปเดินดูถนนคนเดินกันเค้าปิดถนนขายของเลยนะ มีเฉพาะวัน ศ-ส-อ เองนะ ของก้อถูกดี เราซื้อกระเป๋าแมวแบบของเกาหลีอะ ใบละ 100 - 150 เองใบใหญ่เลยนะ ถ้าใบเล็กๆก้อ 30 - 50 แล้วแต่แบบถูกอะ
สุดท้ายได้รับโทรสับจากเพื่อนจิ๋วว่า Check-in เรียบร้อยเตรียมตัวขึ้นเครื่อง โอเชไม่ตกเครื่องแล้วเพื่อนเรา ดีจะได้สบายใจไปเรื่องนึงหลังจากที่ทุกคนลุ้นกันตัวโก่ง
ต่อตอน 5 นะ
Create Date : 27 ตุลาคม 2551
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2551 17:02:10 น.
1 comments
Counter : 653 Pageviews.
Share
Tweet
ชอบ Tam Coc ครับ สวยเหมือนกุ้ยหลินเลย
โดย:
Lucky in Life
วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:18:16:18 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
น้องNano
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
d_waneesorn
ซอร์บอนน์
hippo-know-how
danial
Webmaster - BlogGang
[Add น้องNano's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.