กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
18 กุมภาพันธ์ 2551
 

+++ประสบการณ์ระทึกขวัญในสนามบิน LHR Part4+++

คืนนั่นเป็นคืนแรกที่ผมต้องนอนที่สนามบิน

โดยทางสนามบินมีการอำนวยความสะดวกให้ด้วยการ แจกเสื่อ ผ้าห่ม น้ำเปล่า และแซนด์วิช ให้ผู้โดยสารทุกคน


ในคืนนั้นผมเจอคนหลากหลายอารมณ์มาก

กลุ่มคณะทัวร์ที่ตกเครื่องยกกลุ่ม

คนรัสเซียกลุ่มหนึ่งที่นั่งมาที่นี่เพื่อทรานสิท แต่ต้องมาติดอยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีเงินปอนด์แม้แต่เพนนีเดียว

คนแอฟฟริกันที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสบายขึ้นอีกนิดนึงโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะลำบากมากขึ้นแค่ไหน

คุณแม่ที่พยายามกล่อมลูกเล็กให้นอนหลับ

คุณยายแก่ๆ ที่นั่งตัวสั่นร้องไห้ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเค้า



พวกผมเหมือนกลุ่มผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลุ่มใหญ่ที่พยายามหนีเข้าประเทศ และไม่มีที่อยู่ที่กิน


ซึ่งตอนนี้เท่าที่ผมทราบยอดรวมผู้ประสบชะตากรรมเดียวกับผมมีไม่ต่ำกว่า 25,000 คน


ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดคือทีชาร์จมือถือ เพราะเงินปอนด์ที่ผมเหลืออยู่มีเพียงแค่ที่ชาร์จแบตมือถือ

ผมโทรไปหาแฟนผมรบกวนให้เธอช่วยแจ้งสถานการณ์ของผมให้่ทางบ้านรู้ และให้เธอช่วยเปลี่ยนตั๋วผ่านเวปให้่ด้วย

ซึ่งเธอก็เต็มใจช่วยอย่างดี ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว

นอกจากนี้เธอยังหารหัส Pin Phone มาให้ เพื่อผมจะได้โทรตู้สาธารณะฟรี ต่อให้เงินหมดแล้วก็ตาม (ขอบคุณมากๆ นะครับ)

ส่วนตัวผมเองก็พยายามต่อรองกับพนักงานทุกวิถีทางเพื่อจะหาทางเข้าไปเอากระเป๋า

จนในที่สุดเค้าก็อนุญาตให้ผมเข้าไปในห้องเก็บกระเป๋า

ส่วนเรื่องที่ผมจะเจอกระเป๋ารึเปล่าต้องวัดดวงเอา เพราะเค้าเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน


ซึ่งผมลืมพกดวงมาจากเมืองไทยซะด้วยสิ T_T


เมื่อผมเข้ามาในห้องเก็บกระเป๋า ผมก๋พบกับฝูงคนกลุ่มใหญ่ที่ลงมาต่อเครื่องที่นี่และยังไม่ได้ออกจากห้องนี้

และแน่นอนกระเป๋าจำนวนมากกว่า 25,000 ใบ ของผู้โดยสารที่นั่งมาลงที่นี่


ซึ่งกระเป๋าบางใบก็ถูกแปรสภาพไปเป็นที่นั่งที่นอนให้พวกที่เอาตัวเองสบายเข้าว่า

โดยคนกลุ่มนี้ไม่แคร์ว่าของข้างในจะแตกหักเสียหายยังไงบ้าง

หลังจากผมเดินวนรอบห้องเพื่อดูกระเป๋าทุกใบไม่ต่ำกว่า 3 รอบ

ผมก็ตัดสินใจไปติดต่อ BA (อีกรอบ) ว่ากระเป๋าผมอยู่ที่ Terminal นี้หรือ Terminal 1 ที่ผมนั่งเครื่องมาลง

ซึ่งจากการต่อแถวอันแสนนานผมก็ได้รับคำตอบที่แสนประทับใจ



ไม่ต้องเป็นห่วง กระเป๋าคุณอยู่ใน Terminal นี้แหละ แต่ผมไม่สามารถให้คุณเอาออกไปได้


แล้วตรูมาทำบ้าอะไรในห้องนี้ตั้ง 2 ชมฝ่าๆ ฟะ -*-


เมื่อผมออกมาน้องห้องผมก็โทรไปแจ้งสถานการณ์ให้แฟนผมฟัง

แฟนผมก็เลยถือโอกาสแจ้งข่าวดีให้ผมฟังด้วย



ระบบจองตั๋วของ BA ล่ม จึงไม่มีทาง Rebook ใหม่ได้อย่างแน่นอน


แต่ผมก็ยังคงไม่อยากละความหวังเพราะถ้าผมรู้ว่าตั๋วเที่ยวหน้าของผมเป้นกีโมงผมอาจจะได้ไปนอนนอก terminal ก็ได้


ผมจึงตัดสินใจลองไปใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปเบอร์กลางดู

ซึ่งผมก็ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มเมกันที่นั่งอยู่ข้างโทรศํพท์คนนึง

เค้าบอกผมว่า


"เชื่อผมเค้ายกหูโทรศัพท์ออกแล้ว เพราะผมอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ 2 ทุ่ม จนตอนนี้(ตี2) ผมยังไม่เห้นใครโทรติดเลย"


สรุปตรูได้เป็นพระเอก The terminal ภาค 2 พร้อมกับตัวแสดงร่วมอีก 25,000 คนแล้วใช่มั๊ยเนี่ย



ผมเริ่มมองซ้ายมองขวาหา Location เหมาะๆ ในการปูเสื่อนอน

แล้วผมก็เห็น Location ที่เจ๋งสุดๆ


ทางงูสำหรับใช้ในการติดต่อ BA

แถมคิวยังไม่ยาวด้วย เพราะ Counter ที่เปิดแค่ 2 Counter จาก 60 Counter เพิ่งปิดได้ไม่นาน

พอตื่นมาก็อยู่ในคิวต้นๆ เลย เจ๋งสุดๆ


ผมแทบจะรีบวิ่งไปปูเสื่อจองที่ก่อนที่คิวจะยาวนี้ และผมก็ทำสำเร็จ


ไม่อยากจะบอกเลยว่านี่เป็น ชัยชนะครั้งที่ใหญ่ที่สุดของผมในวันนี้

สงสัยว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภจะยังไม่ทิ้งผมอย่างจริงจังนะเนี่ย

ผมรีบปูเสื่อนอน ซึ่งขณะนั้นนาฬิกาข้อมือของผมก็บอกเวลา 2.30 พอดี

นั่นแปลว่าผมมีเวลานอนประมาณ 2 ชมครึ่งก่อนที่ Counter จะเปิด


ผมจัดแจงถอดรองเท้าหุ้มข้อคู่ใหญ่ ก่อนจะเอาผ้าห่มถุงใหญ่มาทำเป็นหมอน

พร้อมทั้งรูดซิบเสื้อเจ็คเก็ตให้แน่น แล้วเอาผ้าห่มอีกผืนมาคลุมตัว

เท่านั้นผมก็พร้อมจะนอนได้แล้ว

อาจจะเพราะผิดไข้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ช่วยให้ผมเลยหลับทันทีที่หัวถึงหมอน(ผ้าห่ม)

ชนิดที่เรียกว่าหลับก่อนที่ผมจะถอดแว่นตาออกซะด้วยซ้ำ

หลับแบบไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน

รู้แต่ว่าตอนที่ตื่นเนี่ยตื่นเพราะประกาศของทางสนามบิน -_-"

มองนาฬิกาข้อมือก็เพิ่งจะตี 4 นี่หว่า

จึงต้องจำใจกดสวิทซ์ในหัว เปิดโหมดรับฟังภาษาต่างประเทศซะ 1 ที ไม่งั้นเดี๋ยวไม่รู้เรื่อง


แอทเทนชั้นพรีสสส นีเป็น่ประกาศขับไล่กลุ่มแรงงานต่างด้าว เอ๊ยไม่ใช้ ผู้โดยสารที่นอนอยู่ให้ออกไปนอก Terminal 4 โดยด่วน


เพื่อให้พนักงาน Clear พื้นที่เตรียมรับผู้โดยสารของวันที่ 4th July



ตกลงที่ผมได้ที่นอนในคิวต้นๆ นี่ไม่มีประโยชน์เลยใช่มั๊ยเนี่ย -_-"


ตรูน่าจะนึกได้นะว่าตรูลืมดวงไว้ที่เมืองไทย จะมีเรื่องโชคดีแบบนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง -_-"


เมื่อผมออกมานอกห้องผมก็เห็นเต๊นท์ 2 เตนท์เตนท์แรกอยู่ซ้ายมือ เตนท์ที่ 2 อยู่ขวามือ

กับพนักงานของสนามบินที่ประกาศให้คนเดินตรงไปเรื่อยๆ

ด้วยความหนาวผมเลยเลือกที่จะซุกอยู่แถวๆ เตนท์รอฟังประกาศต่อไป

ซักพักก็มีพนักงานเอาป้ายมาติดหน้าเตนท์แรกว่า "Re-TICKET"

เตนท์ที่ 2 ชื่อ "CHECK-IN"


งานนี้มีเฮดิ

ผมอาศัยความคล่องตัวของกระเป๋าใบเดียวรึบวิ่งเข้าไปอยู่ในเตนท์ Re-Ticket ได้สำเร็จ เย้ๆ



พอเข้าไปข้างในก็เจอกับกลุ่มคนที่แออัดยัดเยียดพอสมควร

เพราะทุกคนต่างก็พยายามอัดกันเข้ามาในเตนท์นี้ให้ได้

จนทำให้่คนที่อยู่ในเตนท์เหลือพื้นที่ให้ขยับเท้าไม่เกินคนละ 5 เซนต์

แน่นอนรวมทั้งคนท้อง คนแก่ และผู้หญิงมีลูกเล็กอายุไม่เกินขวบ


เพราะทางสนามบินไม่อนุญาตให้ใครอยู่ในสนามบินอีกแม้แต่คนเดียวโดยไม่มีข้อยกเว้น


ุุุ้้ถ้าให้ต้องเลือกระหว่างตากอากาศหนาวตอนตี 4 ใน Car Park กับอยู่ในเตนท์อัดๆ

ผมว่าเตนท์อัดๆ อาจจะดีกว่าก็ได้นะ

ซึ่งเมื่อเวลายิ่งผ่านไปนาน พื้นที่รอบตัวที่ผมเคยมีอยู่ 5 ซม ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ

เพราะไม่ว่าใครก็อยากได้ไปก่อน

เริ่มมีการดัน

เริ่มมีการแซง

เริ่มมีการด่าทอใส่กันด้วยความเครียด

เริ่มมีการสบถคำหยาบคายมากขึ่้น





และเริ่มมีคำว่าน้่ำใจน้อยลง



ระหว่างที่ผมอยู่ในเตนท์ก็มี Staff ของทางสนามบินเอาน้ำ และแซนด์วิชมาแจก

ซึ่งแน่นอนมันไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทุกคน

ทำให้ Staff ต้องเอามาแจกหลายรอบพอควร

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนบางจำพวกที่หยิบทีเดียว 5 อัน 10 อัน หรือแซงคิวขึ้นไปแย่งก่อน

เพียงเพราะตัวเองหิวและมันไม่น่าจะพอกิน

ส่วนตัวผม ผมกินน้ำแค่ขวดเดียว เพราะผมกลัวการที่จะต้องเข้าห้องน้ำมากๆ

ถ้าปวดขึ้นมาคงลำบากน่าดู

ที่ๆ จะยืนก็ยังไม่มีไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวเองออกไปได้ถึงห้องน้ำรึเปล่า

ประกอบกับผมเดินทางคนเดียวไม่รู้ว่าจะไว้ใจให้ใครดูกระเป๋าให้ได้มั๊ย

ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องพูดถึงเลยครับ

ตั้งแต่ข้าวหน้าเป็ดเมื่อเที่ยงวานผมยังไม่ได้กินอะไรเลย

เพราะผมไข้ขึ้นสูงจนกินอะไรไม่ลง

แถมในปากผมก็แห้งแตกไปหมด ทั้งริมฝีปาก กระพุ้งแก้มด้านใน เหงือก และลิ้น

ในสภาพแบบนั้นผมนึกภาพตัวเองเคี้่ยวแซนด์วิชแห้งๆ ไม่ออกจริงๆ

อันที่จริงๆ ผมพยายามจะกินแซนด์วิชที่ได้มาเมื่อวานแล้วนะ แต่พอกัดไปได้คำเดียวก็รู้เลยว่า

ถ้าฝืนกินต่อผมต้องอาเจียนออกมาแน่นอน


หลังจากผมใช้เวลาต่อแถวอยู่ในเตนท์ประมาณ 5 ชม

ผมก็ถึงทางออกที่ปลายเตนท์

ซึ่งผมก็ได้พบกับสิ่งที่รอผมอยู่

สิ่งนั้นก็คือ






























เตนท์อีกเตนท์หนึ่ง


(ยังมีต่อ)


Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 18:20:59 น. 1 comments
Counter : 365 Pageviews.  
 
 
 
 
ทรหดมากๆค่ะ
 
 

โดย: Complicatedgirl วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:57:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

น้ำค้างในยามเช้า
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีที่ได้รู้จักครับ
[Add น้ำค้างในยามเช้า's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com