รู้แบบสัมมาสมาธิ รู้แบบวิปัสสนา ต่างกันอย่างไร
ในอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น สัมมาสติ คือ ข้อ 7 และ สัมมาสมาธิ คือ ข้อ 8
ถ้านักภาวนาฝีกฝนสติปัฏฐาน 4 โดยมีแก่นนำคือ อริยสัจจ์ 4 ทีมีมรรคมีองค์ 8 สิ่งทีนักภาวนาสามารถสัมผัสได้ทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลารอคอย คือ การรู้กายที่เป็นธาตุดิน และ ธาตุลม นี่เกิดจากการสัมผัสที่เข้ามาที่กาย
เมื่อนักภาวนาฝีกปรือต่อไปอย่างถูกต้องตามองค์มรรค 8 พอจิตมีกำลังตั้งมั่นมากขึ้นอันเนื่องมาจาก สัมมาสมาธิที่เริ่มตั้งมั่น ถ้านักภาวนาไปเกิดจิตปรุงแต่งขึ้นมาใน มโน สิ่งทีนักภาวนาจะพบก็คือ การเห็นไตรลักษณ์ของจิตปรุงแต่ง แต่นักภาวนาจะไม่เห็นตัวจิตผู้รู้ อาการนี่คือ การรู้แบบสัมมาสมาธิ
เมื่อนักภาวนายังฝีกต่อไปอีกตามมรรค 8 จิตมีกำลังตั้งมั่นมากขี้น นักภาวนาจะเกิดอาการหนี่งขึ้น คือ จิตเดินวิปัสสนาของจิตเอง ในเหตุการณ์ที่จิตเดินวิปัสสนานี่ นักภาวนา จะเห็นตัวจิตผู้รู้ ที่เป็นผู้ดูอยู่ และเห็นอาการที่จิตผู้รู้ไปดูเข้า ซี่งส่วนมากมักจะเป็นจิตปรุงแต่ง เหตุการณ์นี้คือ การรู้แบบวิปัสสนา
ท่านจะเห็นข้อแตกต่างกันก็คือ รู้แบบสัมมาสมาธิ ไม่เห็นจิตผู้รู้ แต่ รู้แบบวิปัสสนา จะเห็นตัวจิตผู้รู้ที่เป็นผู้รู้ผู้ดูด้วย
การรู้แบบวิปัสสนา เกิดได้ยาก แต่การรู้แบบสัมมาสมาธิเกิดได้ง่ายกว่า
การรูุ้แบบวิปัสสนาเมื่อเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้ง ก็เป็นปัญญาที่ให้แก่จิตอย่างแท้จริง แต่การรู้แบบสัมมาสมาธิ ยังไม่เกิดปัญญาให้แก่จิตอย่างแท้จริง เพียงแต่เป็นปัญญาสะสม ให้จิตสะสมความรู้นี้ไว้ พอถึงจังหวะดี ก็เกิดการรู้แบบวิปัสสนาเสียครั้งหนี่งขึ้นมา
ในตำรามักจะเขียนว่า วิปัสสนาญาณ เพราะการรู้แบบนี้จะมีตัวจิตผู้รู้โผล่มาด้วย จึงเป็นญาณเห็นจิตผู้รู้
นักภาวนาที่ภาวนามานานแล้ว มีการรู้แบบสัมมาสมาธิเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีการรู้แบบวิปัสสนาญาณเกิดขึ้นเลยสักที ก็ขอให้ฝีกฝนต่อไป บ่มรู้แบบสัมมาสมาธิให้มากขึ้นไปอีก แล้วรอเวลาที่วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
ผมจะไม่กล่าวถึงการฝีกปรือที่ผิดทาง ซี่งไม่มีทางที่จะเกิดวิปัสสนาญาณได้เลยครับ
Create Date : 15 ธันวาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 15 ธันวาคม 2555 11:05:35 น. |
Counter : 2073 Pageviews. |
|
|
|
link อยู่ทีกิจกรรมครั้งที่ 4
หมายเหตุ ช่วงที่ 2 ยังทำไม่เสร็จที่จะขึ้น youtube