ปีใหม่ลาวตรงกับวันทีเท่าใด
ปีใหม่ลาวตรงกับวันทีเท่าใด
เมื่อมีคำถามว่า ปีใหม่ลาวตรงกับวันทีเท่าใด การตอบจะมี 3 คำตอบ แล้วแต่บุคคลดังนี้
1..คนทีรู้แน่ว่าวันทีเท่าใด เขาจะตอบได้เลยว่า วันนั้น เดือนนั้น 2..คนทีไม่รู้ คนประเภทนี้ ก็จะตอบได้ 2 ลักษณะคือ 2.1 ตอบว่า ไม่รู้ 2.2 เดาคำตอบออกมาเอง โดยใช้ความเคยชินของตนเองทีเข้าใจไปเอง ซี่ง คนทีจะตอบก็จะมี 2 แบบ คือ 2.2.1 เดาว่า ตรงกับวันที 1 มกราคม เพราะเขาจะเข้าใจว่า ชาติส่วนใหญ่จะเป็นวันนี้ 2.2.2 เดาว่า ตรงกับวันสงกรานต์ของไทย เพราะไทยลาวจะใกล้เคียงกัน
จุดทีผมจะชี้ให้ดู คือ คนประเทภ 2.2 นี่แหละ
การทีคนเข้าใจไปเอง นีคือ ความเชื่อทีอยู่ในจิตใจของเขา ถ้าเมื่อไรก็ตาม ทีเขาเห็น ได้ยิน ได้สัมผัส กับอะไรสักอย่าง ทีตรงกับความเชื่อของเขา เขาพร้อมจะพูดว่า ถูกแล้ว ดีแล้ว สมควรแล้ว
แต่ถ้าเมื่อไรก็ตาม สิ่งทีเขาเห็น ได้ยิน ได้สัมผัส มันไม่ตรงกับความเชื่อของเขาอยู่ก่อน เขาพร้อมจะคัดค้าน ต่อต้าน
การหลงไปเชื่อความคิด หลงไปเชื่อความเข้าใจของตนเองนั้น คือ ขบวนการหลอกล่อของอวิชชา ซึ่ง การหลอกล่อนี้ มันจะถูกซ่อนอย่างมิดชิดจนตัวเองไม่รู้ว่า กำลังหลงผิดไปแล้วว่านีคือสิ่งทีไม่เป็นจริงแท้ เป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น
เมื่อเด็กคนหนี่งเกิดมา สิ่งแวดล้อม บุคคลรอบตัว จะสอนอวิชชาให้แก่เขา สิ่งนั้นจะฝังจมลงไปในจิตใจของเขาตั้งแต่เล็ก และ แนบเนียนจนเขาไม่รู้ แต่ถ้าเด็กไม่เรียนอวิชชา ตัวเด็กเองจะอยู่ร่วมในสังคมได้ยาก สังคมจะไม่ยอมรับเขาว่าเป็นพวก
ในการภาวนานั้น เมื่อนักภาวนาได้เห็นพลังงานของความคิดทีเกิดดับเป็นไตรลักษณ์ได้บ่อย ๆ เขาก็จะเริ่มเข้าใจกลไกของอวิชชา เข้าใจในความคิดของเขาว่า นีมันเป็นไตรลักษณ์ ไม่ใช่ของจริงแต่อย่างไร ถ้าไม่ยีดเสียแล้ว อันความคิด/ความเชื่อ ก็จะสลายไปเอง ซึ่งขบวนการตรงนี้ นักภาวนาจะต้องพบอาการแห่งไตรลักษณ์เป็นอย่างมาก พบบ่อย ๆ จึงจะมองภาพของสิ่งนี้ออก การทีนักภาวนา พบไตรลักษณ์ของความคิดได้ใหม่ๆ เขาเพียงเห็นว่า มันเกิดและดับไป แต่เขายังไม่เข้าใจว่า การดับไปนั้น คือ ความเป็นอนัตตา ความไม่เป็นจริง
ในไตรลักษณ์.. อนิจจัง ทุกขัง คือ เกิดแล้วก็ดับ อนัตตา คือ สิ่งนั้นมันไม่เป็นจริง
การรู้เห็นความเป็น อนัตตา ของความคิด/ความเชื่อ นี่จึงสำคัญนัก เพราะมีความคิดเกิด ความมีตัวตนจึงเกิดขึ้น เมื่อเข้าใจในอนัตตาได้ ก็จะเข้าใจว่า ความเป็นตัวตนนั้นทีแท้จริงมันไม่มี แล้วผลแห่งการเข้าใจนี้ ก็จะเกิดสภาวะสุญญตา ความว่างเปล่าตามมาอีกทีหนี่ง
การทีนักภาวนาหลงทีมองเห็นความว่างเปล่าของโลกภายใน แล้วก็คิดไปเองว่า นีไง มันว่างเปล่า มันไม่มีตัวตน นี่เขายังไม่เข้าใจความเป็นอนัตตา ยังหลงไปในความคิดอยู่ ทีไปเห็นความว่างเปล่าเข้าแล้ว แล้วคิดไปเอง นีคือ ความละเอียดละออของธรรมระดับสูง ทียากจะเข้าใจได้จริง ๆ
ในการพัฒนานั้น เมื่อนักภาวนาเห็นความคิดเกิดดับได้แล้ว ต่อไป เขาจะเห็นความว่างเปล่าของโลกภายในได้ ตรงจุดนี้ เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ในนักภาวนาทีไม่ละเอียด ไม่เข้าใจคำสอนอย่างแท้จริงของพระพุทธองค์ จะมองข้ามไป แล้วไปยีดความว่างเปล่าของโลกภายในว่า นั่นคือ นิพพาน เพราะเมื่อใด ทีเขาไปเพ่งมองความว่างเปล่าของโลกภายใน จิตใจเขาจะสงบ เหมือนดังไร้กิเลส จิตใจเหมือนไม่มีทุกข์ เขาจะเข้าใจไปอย่างนั้นเอง เข้าใจจากอาการความสงบของจิตทีเขาพบได้ เมื่อพบความว่างเปล่าในโลกภายใน แต่ทีแท้ นั้นเป็น ฌาน อย่างหนี่ง
การได้พบความว่างเปล่า ไม่ใช่เป็นสิ่งเลวร้าย แต่การพบได้ จิตจะสงบ ผลคือ นักภาวนาได้รู้สีกการพักจิตในระดับสูง ทีเป็นประโยชน์แก่ตนเอง นักภาวนาเข้า ฌาน ได้โดยการมองไปทีความว่างเปล่า แต่ขอให้ใช้เพราะต้องการพักผ่อน หรือใช้ในการรักษาโรคภัยให้กับตนเอง
แต่ในขีวิตประจำวัน ทีไม่ต้องการพักผ่อน ขอให้ปล่อยผ่าน ฌาน ไป ทิ้งไว้ความเป็นปกติ ทีจิตใจนึกคิดได้ เห็นความคิดเกิดดับเป็นไตรลักษณ์ได้เสมอ ๆ จนเกิดความเข้าใจในคำว่า อนัตตา ขึ้นมา แล้วนั้นแหละ การไม่ยีดมั่นถือมั่นจึงปรากฏขึ้นมา
นี่เป็นบทหักมุมอีกเรื่องหนี่ง ทียากจะเข้าใจ ยากจะเชื่อ แต่ขอให้พิสูจน์เอง
Create Date : 12 ตุลาคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 10 มิถุนายน 2558 19:18:04 น. |
Counter : 997 Pageviews. |
|
|
|