รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 

ธรรม นั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย คนเลยไม่เข้าใจธรรม

ธรรม นั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย คนเลยไม่เข้าใจธรรม

จากน้ำที่จืดสนิท ถ้าใส่เกลือลงไปในน้ำนั้น น้ำจะเปลี่ยนรสไป
การที่น้ำเปลี่ยนรส เพราะเหตุปัจจัยนี้

ธรรม นั้นก็เช่นกัน ของบริสุทธิมีอยู่ แต่เพราะเหตุและปัจจัย ทำให้ของบริสุทธิกลาย
เป็นของไม่บริสุทธิขี้นมา แต่เพราะคนไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ คนจึงไม่เข้าใจธรรม
เมื่อคนไม่เข้าใจธรรม ก็เป็นทุกข์เพราะเหตุและปัจจัยที่ผสมเข้ากับความบริสุทธิ

คนไม่เข้าใจธรรม เพราะ คนไม่เห็นการเปลียนแปลงนี้ว่าเกิดเพราะอะไร
การเข้ามาปฏิบัติ เพื่อ่ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
เมื่อนักภาวนาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ จึงจะเรียกว่า เกิดดวงตาเห็นธรรม

การภาวนา เพื่อให้เกิดดวงตาเห็นธรรม เพื่อไปเห็นการเปลี่ยนแปลง

การจะเกิดดวงตาเห็นธรรมได้ ตัวจิตต้องไม่เข้าไปผสมร่วมกับการเปลี่ยนแปลง
ที่ตัวจิตเข้าไปผสมร่วมกับการเปลี่ยนแปลง เพราะแรงของตัณหาที่ดึงตัวจิตเข้าไปผสม

สัมมาสมาธิที่จิตตั้งมั่นเท่านั้น จึงจะสามารถต้านแรงดึงของตัณหาได้

นี่คือกุญแจหลักที่จะเกิดดวงตาเห็นธรรม คือ สัมมาสมาธิจิตตั้งมั่น
เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ธรรมก็จะเห็นได้เอง

แล้วจะทำอย่างไรให้เกิดสัมมาสมาธิจิตตั้งมั่น
คำตอบก็คือ การฝีกฝนหัดให้จิตตั้งมั่นครับ

ฝีกด้วยให้จิตสัมผัสอาการของขันธ์ 5 แต่อย่าตามอาการเหล่านั้นไป
เพียงรู้ แล้วไม่ตามไป ฝีกอย่างนี้เรื่อยๆ จิตก็จะตั้งมั่นขึ้นมาทีละนิดอย่างช้า ๆ
ขณะที่จิตเริ่มตั้งมั่นบ้างเล็กน้อย ที่เรียกว่า ขณิกสมาธิ จิตก็สามารถเห็นธรรม
ได้ในระดับหนี่งแล้ว พอจิตเห็นธรรมได้บ้าง จิตก็เกิดปัญญาขึ้น
ปัญญาที่เกิดนี้ ก็จะเป็นแรงส่งให้จิตตั้งมั่นมากขึ้นอีก เมื่อจิตตั้งมั่นมากขึ้นอีก
ปัญญาก็เกิดมากขึ้นอีก ก็เป็นแรงส่งให้มากขึ้นอีก วนเวียนอย่างนี้
เป็น positive feedback จนจิตตั้งมั่นอย่างถึงที่สุด จิตก็จะพบกับธรรมที่บริสุทฺธิ
ได้เอง

นักภาวนาที่พัฒนาจิตจนตั้งมั่นได้อย่างมากพอ เขาจะเห็นตัวจิตทีตั้งมั่นได้
เขาจะรูุ้ได้เองเลยว่า จิตตั้งมั่นมีอาการอย่างนี้ จิตไม่วิ่งออกจากฐานเพื่อ
ไปวงกลมที่ 2 หรือไปวงกลมที่ 3 ใครเห็นจิตตั้งมั่นอย่างนี้ได้ คือ ผู้เห็นธรรม
ที่แท้จริง เกิดดวงตาเห็นธรรมทีแท้จริง แต่ถ้ายังเห็นไม่ได้ แล้วบอกว่า
ทำอย่างนี้ซิ ไม่มีทุกข์เลย แสดงว่า นั่นยังไม่ใช่ธรรมที่พบจริง แต่ยังเป็นเพียงความคิด
ของตนเอง

เคร็ดลับการฝีก คือ รูุ้สัมผัสของขันธ์ 5 แต่ไม่ตามสัมผัสนั้นไป
หรือ ทีผมเรียกว่า การรูุ้ทุกข์ที่ไร้ตัณหา
รู้แล้วแต่ไม่ตามไป
ฝีกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ รู้แล้วแต่ไม่ตามไป

แล้วที่รู้แล้วตามไปละเป็นอย่างไร
เช่น เดินจงกรมส่งจิตไปรู้การกระทบที่เท้า
นั่งสมาธิดูลมหายใจ ส่งจิตไปรูุ้ลมที่ปลายจมูุก
เวลาเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียน ส่งจิตไปจับการเคลื่อนไหวที่มือ
สิ่งเหล่านี้ คือ การตามไป ซึ่งไม่สมควรกระทำแบบนี้

ฝีกไปเรื่อยๆ รู้อาการของขันธ์ 5 แต่ไม่ตามไป
แล้วจิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเรื่อยๆ เอง
แล้วธรรมก็ปรากฏออกมาเอง
ไม่ต้องไปถามใครในธรรมอีก เพราะเห็นธรรมได้เองแล้ว

อย่าท้อนะครับ เดินหลักนี รูุ้ทุกข์ที่ไร้ตัณหา เดินไปเรื่อย

***
fb 29 Aug 2012




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2555
1 comments
Last Update : 29 สิงหาคม 2555 20:20:00 น.
Counter : 1591 Pageviews.

 

การฝีกรู้ที่ไม่ตามไป ถ้าท่านไม่เข้าใจ ใหดูได้ที่วิดิโอใน youtube

กิจกรรมคร้งที่ 3

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=14-03-2012&group=15&gblog=111

และ
กิจกรรมเสริม 13 กรกฏาคม 2555

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2012&date=04&group=14&gblog=11

 

โดย: นมสิการ 29 สิงหาคม 2555 20:31:18 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.