ป้องกันตัว กับ กีฬาป้องกันตัว นั้นต่างกันอย่างไร?

การป้องกันตัว vs กีฬาป้องกันตัว

กีฬาป้องกันตัว

คำ 2 คำนี้ ผมเชื่อว่ามีอีกหลายท่านที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน เกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัว เดิมทีถ้าพูดถึงการป้องกันนั้น ย่อมหมายถึงวิถีทางแห่งนักสู้ หรือการกระทำทุกรูปแบบ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์ ที่กำลังเผชิญอยู่ ...แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป หลายๆอย่างก็เปลี่ยนตาม จากสมัยก่อนที่ผู้คนส่วนใหญ่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการ ต่อสู้ แย่งชิง เป็นสำคัญ จึงทำให้ผู้คน ต้องดิ้นรนในการปกป้อง ทรัพยืสิน และสิทธิของตน โดยการฝึกฝนตัวเองให้มีความสามารถในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันออกไปตาม ภูมิประเทศ เช่น

- ญี่ปุ่น สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นที่ราบจึงส่งผลให้ผู้คนถนัดการใช้ มือจึงทำให้ เกิดรูปแบบ การป้องกันตัวขึ้นมากมายอย่าง ซูโม่ สำหรับคนที่รูปร่างใหญ่, ยูยิตสุ, ไอคิโด สำหรับคนที่มีรูปร่างเล็ก เป็นต้น

-เกาหลี สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา จึงส่งผลให้ผู้คนมีความถนัดในการใช้เท้า จึงทำให้เกิดวิชาการป้องกันกันตัวรูปแบบต่างๆ ที่เน้นการใช้เท้าเป็นสำคัญ เช่น เทควันโด ,...

-อย่างในประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่ อุดมสมบูรณ์ มีสภาพภูมิประเทศ ที่เอื้ออำนวยต่อการฝึกศิลปะป้องกันตัวทุกรูปแบบ จึงทำให้ผู้ฝึกสะดวกต่อการรับวัฒนะธรรมหลายๆด้านเข้ามา รวมถึงวิชาการต่อสู้ที่มีการผสม จากศาสตร์หลายแขนง แล้วมีการพัฒนาที่เป็นเอกลักษณ์ ที่เรียกว่า มวยไทย โดยมีการใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายให้เป็นอาวุธได้ หรือแม้กระทั่ง ยามที่จับอาวุธ ก็ตาม

-อย่างในโลกตะวันตกผู้คนส่วนใหญ่เป็นผู้รักอิสระ เสรี และเสียงเพลง จึงทำให้เกิด วิชาการต่อสู้ที่ มีการนำวิชาการต่อสู้จากหลากหลายรูปแบบ หรือเป็นการเลียนแบบ แล้วก่อให้เกิด วิชาการต่อสู้ในรูปแบบ ที่แตกต่างออกไปมากมาย เช่นการใช้มือ อย่างมวยสากล, การเลียนแบบวิถีชีวิต การใช้เครื่องมีอทำมาหากิน อย่าง บราซิล ก็จะมีวิชาการต่อสู้ ที่ผสมผสาน ท่าทางของสัตว์ การจับพลั่วหรือเครื่องมือทางการเกษตร หรือการเต้น อย่างวิชา คาโปเอร่า เป็นต้น แต่ปัจจุบันในบราซิล เนื่องผู้คนมาสายเลือดนักสู้ สูงมาก จึงมีการนำวิชายูยิสุ (ว่าด้วยเรื่องการจับ บิด ล็อค ซึ่งเน้นการนอนสู้) จากญี่ปุ่น มาพัฒนาต่อจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เรียกว่า บราซิลเลี่ยน ยูยิสสุ (Brazilian Jujitsu) น่าสนใจมาก เพราะมีสไตล์การต่อสู้ที่โดดเด่น..

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วิชาการป้องกันต่างๆที่เกิดขึ้น ล้วนมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อการป้องกันตัว ปกป้อง และเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต.......

ดังนั้นเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป สิ่งที่เคยถูกใช้เพื่อการป้องกันตัว กลับกลายเป็นการใช้เพื่อการแข่งขัน... อาจด้วยหลายเหตุผล บ้างก็อ้างว่า เพื่อเป็นการรณรงค์ อนุรักษ์ไว้ซึ่งมรดก ทางปัญญา, บ้างก็นำมาทำเพื่อการบันเทิง บ้างก็อ้างว่าเพื่อให้เหมาะกับยุคสมัย เป็นต้น.....

จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า กีฬาป้องกันตัว เช่น มวยสากลสมัครเล่น,เคนโด,เทควันโด,มวยไทย(ปัจจุบัน),คาราเต้โด,ยูโด,วูซู,... เป็นต้น

และเมื่อสิ่งนี้ได้เข้าถึงกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เห็นว่าวิชาเหล่านี้ มันทำให้ดูเท่ห์ มีเสน่ห์ และคิดว่ากีฬาป้องกันตัวนี้น่าจะปกป้องตนเองได้ในยามมีภัย ซึ่งมีผู้คิดเช่นนี้อีกมากมาย จนส่งผลให้เกิดธุรกิจสอนการป้องกันตัว หรือกีฬาป้องกันตัว ตามมาอีกมากมาย

แต่การนำวิชาการป้องกันตัว มาใช้เพื่อการแข่งขันแล้ว แน่นอนผู้นำมาถ่ายทอด ย่อมต้องลดรูปแบบ ท่าทาง หรือหลักการป้องกันตัวออกไปบางส่วน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ ทนได้ หรือเพื่อลดการบาดเจ็บ เพราะผู้เรียนวิชาป้องกันตัว ในปัจจุบัน มีความอดทนน้อยมาก ดังนั้นผู้เรียนกีฬาป้องกันตัว... หลายๆท่านจึงมักเข้าใจว่า การที่ตนเองได้เหรียญรางวัลจากการแข่ง อย่างมากมายนั้น จะบ่งบอกว่าตัวเองเก่ง... ซึ่งความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพียงแต่ว่าผู้เรียนกีฬาป้องกันตัวอาจมีทักษะการป้องกันตัวมากกว่า คนทั่วไปบ้างเท่านั้น เช่น เรื่องการหลบหลีก,หรือความเร็วในการตอบโต้ เป็นต้น ...

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เนื่องจากว่า การแข่งขันนั้นย่อมอยู่ภายใต้กฏกติกา และมีผู้คุมกฏ ซึ่งเป็นกรรมการ ดังนั้น นักสู้ย่อมมีความปลอดภัย และมีโอกาสได้ใช้ ทักษะการป้องกันตัว อย่างเต็มที่น้อยมาก ....แต่ในชีวิตจริง

การต่อสู้ การทะเลาะวิวาท ไม่มีทั้งกฏ ผู้คุมกฏ ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ ไม่จำกัดเรื่องสัดส่วน ไม่จำกัดรุ่น น้ำหนัก ดังนั้นการป้องกันตัวในชีวิตจริง นักสู้จะทำอะไร ยังไงก็ได้ เพื่อเอาตัวรอดทั้งตนเอง หรือเพื่อปกป้องคนที่ตนเองรัก เป็นต้น

ซึ่งเพียงเท่านี้ก็น่าจะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง ระหว่างการป้องกันตัว กับ กีฬาป้องกันตัว ...แต่หาได้หมายความว่าผู้เรียนวิชาป้องกันตัว จะเก่งกว่าผู้เรียนกีฬาป้องกันตัว ไม่ เพราะความสามารถไม่ได้ขึ้นอยู่วิชาที่เรียน แต่ขึ้นอยู่กับผู้เรียน เป็นสำคัญ ....

การป้องกันตัวสำหรับในชีวิตจริง
(อ่านบทวิเคราะห์หลักการป้องกันตัวนี้ //www.nakzooh.com/blog/?p=138 )

เพียงแต่ผู้มุ่งเน้นเรียนการป้องกันตัว เช่นเรียนการใช้ มีด, ปืน,การจับ บิด ล็อค,การทุ่ม ย่อมมีโอกาสที่จะเอาตัวรอดในสังคม ที่ต้องพึ่งตนเอง เช่นทุกวันนี้

ตัวอย่างการป้องกันตัว จากหลากหลายรูปแบบ

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ จึงทำให้หลายๆ สำนักมุ่งพัฒนานักสู้ หรือนักป้องกันตัว ที่มีคุณภาพ มากกว่า ปริมาณของนักกีฬาป้องกันตัวที่มากมาย แต่แทบเอาตัวไม่รอดในยามฉุกเฉิน

ดังนั้นการกีฬา จีงเหมาะที่จะกระตุ้นให้ผู้คนรักการดูแลสุขภาพ หรือเพื่อความบันเทิงมากกว่า ไม่ว่ากีฬาประเภทใดก็ตาม ซึ่งผู้สนใจ สามารถพิจารณาเองได้ว่าตนเอง ชอบ หรือเหมาะกับสิ่งใด ซึ่งแตกต่างกับวิชาการป้องกันตัว ที่มุ่งเน้นให้ผู้ฝึกนั้น แข็งแกร่งทั้งจิตใจและร่างกาย รวมถึงการมีธรรมะ ที่คอยหล่อหลอม ให้ผู้เรียน มีความอ่อนโยน ควบคู่ความเก่งกาจ อีกด้วย

หากมีความบกพร่องประการใด ต้องขออภัย ผู้อ่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย ดังนั้นผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ ในการเสพข้อมูลข่าวสารนี้ด้วย

ด้วยความเคารพ /จากทีมงานนักสู้ ดอทคอม
โทร.08-6573-0044

www.Nakzooh.com

Create Date : 06 มีนาคม 2553

0 comments

Last Update : 6 มีนาคม 2553 21:11:34 น.

Counter : 736 Pageviews.