Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

ตอนที่ 105 ~ ผมรักลูกสาวท่านคับ

***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****


ภายในรถของฮวางโบซึ่งทั้งสองมุ่งมุ่งหน้าไปที่สนามบิน

ฮยอนจุงนั่งเงียบมาซักพัก...

“นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” ฮวางโบเริ่มสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกฮะ”

เธอหันไปค้อนพร้อมสีหน้าไม่พอใจ...

แต่ในที่สุดเขาก็บอกเธอว่า “จริงๆแล้วก็...มีเรื่องโน้นเรื่องนี้นิดหน่อย”

เธอพ่นลมหายในออกมาเพื่อได้ยินคำตอบของคุณสามี

“ผมควรจะทำยังไงดีฮะ...? ท่านคง...จะไม่ถึงกับฆ่าผมหรอก ใช่มั้ยฮะ?”

เธอถึงกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “โอ หุหุ ^^ ฮ่าฮ่าฮ่า” <ที่แท้ก็กลัวคุณพ่อตานี่เอง>

ฮยอนจุงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนพูดออกมาว่า “วิ้ว ถ้าผมรู้เรื่องนี้มาก่อน ผมคงจะ...”

“ทำไม เธอจะทำอะไรเหรอ?”

“ก็ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้พบท่านทั้งสองมาก่อนเลย”

“แต่พวกเราไม่เคยมีเวลาที่จะทำอย่างนั้นนี่นา ไม่เป็นไรหรอก ชั้นจะอธิบายให้ท่านเข้าใจ...เกี่ยวกับเรื่องแล้วก็สถานการณ์ของพวกเรา”

“เอ่อ...คุณได้เคย...คุยกับท่านเกี่ยวกับผมบ้างมั้ยฮะ แบบประมาณว่า กำลังเดทกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีอนาคตรักครอบครัว ขอบงานการกุศล อดทน อะไรประมาณนี้อ่ะ?”

“คุยสิ นี่ชั้นจะบอกให้น่ะ .ไม่มีทางหรอกนะที่พวกท่านจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของพวกเราน่ะ แต่ชั้นไม่ได้เล่ารายละเอียดเยอะขนาดนั้นหรอกน่ะ ชั้นแค่เล่าว่า เธอเป็นนักร้องและเป็นลีดเดอร์วง SS501”

“แค่นี้เหรอฮะ คุณเล่าแค่นี้เหรอฮะ ทำไมบรรยายสรรพคุณว่าที่ลูกเขยน้องจัง”

“ชั้นว่า เธอควรไปเล่าด้วยตัวเองดีกว่าน่ะ หุหุ”

ย้อนกลับไปช่วงกลางเดือนตุลาคม ที่บ้านของครอบครัวฮวางโบ
หญิงสาวกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น โดยมีคุณพ่อของเธอนั่งอยู่ตรงข้าม

คุณพ่อเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “เรื่องที่พ่อได้ยินมาเกี่ยวกับเธอน่ะ...มันเป็นความจริงรึเปล่า?”

ฮวางโบซึ่งนั่งค้อมศีรษะลงต่ำตอบเบาๆว่า “ใช่ค่ะ”

“พ่อดูรายการโชว์ WGM อะไรนั่นในทีวีเพราะว่ามีลูกร่วมอยู่ในนั้น...แต่พ่อมีความรู้สึกว่าว่ารายการนั่นมันเหมือนกับเล่นกันจริงๆเลยน่ะ แล้วมันเป็นอย่างที่พ่อเห็นหรือเปล่า ?

“พ่อว่าไงนะคะ?”

“มันไม่มีสคริปต์เหรอ? คือพ่อหมายความว่า ต้องอยู่ด้วยกันแบบคู่แต่งงานกันจริงๆเลยเหรอ?”

เธอรู้สึกตกใจและประหลาดใจสุดๆรีบตอบไปว่า “ไม่ใช่นะคะ..มันก็แค่สำหรับรายการโชว์เท่านั้น”

“แค่นั้นเองน่ะรึ? งั้นทำไมพ่อถึงได้ยินคนพูดกันมากมายว่าลูกกับเจ้าหนุ่มนั่นกำลังคบกันอยู่จริงๆล่ะ?”

(แย่แล้วชั้นวันนี้) “จริงๆแล้วนอกจากรายการทีวีที่ทำ...มันก็แค่....เป็นเพราะว่าพวกเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะมากๆ...ได้เรียนรู้กันและกัน เข้าใจกัน แล้วในที่สุด....ต่างคนต่างก็เริ่มรู้สึกชอบกันและกัน...แล้วก็....”

“อะไรน่ะ? พวกเธอเริ่มชอบกันเพราะว่าใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆอย่างนั้นเหรอ? แล้วนักแสดงคนอื่นที่เขาเล่นเป็นสามีภรรยากันในละครดราม่าที่มันยาวเป็น 100 ตอนล่ะ? พวกเขาควรจะแต่งงานกันด้วยซะเลยสิเพราะรู้สึกชอบกันหลังจากใช้เวลาแสดงละครด้วยกันขนาดนั้นน่ะ? “

“พ่อคะ คือว่า...นั่นมัน..”

“แล้วคู่อื่นๆในรายการนี้ล่ะเป็นไงบ้าง? พวกเขาได้ออกไปเดทกันข้างนอกหรือว่าคบกันแบบพวกเธออยู่บ้างรึเปล่า? เพราะว่าพ่อไม่ค่อยได้ตามข่าวซุบซิบคนดังกับเขาเท่าไหร่...มีเรื่องอะไรที่พ่อไม่รู้บ้างมั้ย?”

“ไม่มีหรอกค่ะพ่อ”

พ่อของเธอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนพูดต่อ “พ่อคิดว่า...พ่อได้ปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระจริงๆ...และมันก็ทำให้พ่อรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ที่ไม่ได้จับลูกสาวของพ่อคนนี้มาหักขาซะตอนที่ลูกยืนกรานว่าจะต้องเป็นป๊อปสตาร์ให้ได้น่ะ จริงๆน่ะ ทั้งๆที่รู้ว่าพ่อรู้สึกยังไงกับการใช้ชีวิตแบบนั้นน่ะ...คนเป็นพ่อประเภทไหนกันที่สามารถจะทนดูลูกสาวตัวเองซึ่งใส่เสื้อผ้าแทบจะปิดอะไรไม่มิดออกไปยืนเต้นต่อหน้าคนอื่นแล้วไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลยน่ะ? พ่อน่ะอดทนกับเธอมาอย่างมากจริงๆนะ...เพราะพ่อรู้ว่าเธอมันหัวดื้อขนาดไหน...และพ่อก็ไม่อยากไปขัดขวางเธอด้วย...พ่อพยายามอดกลั้นเอาไว้...ตราบใดที่ลูกยังไม่ทำอะไรเลยเถิดจนเกินไป...จนกว่าลูกจะแต่งงาน!!!”

“แต่งงาน!!!!” เธอผงะด้วยความตกใจเมื่อได้ยิน

“จำได้มั้ยที่ลูกบอกพ่อสมัยที่เพิ่งเป็นป็อปสตาร์ใหม่ๆล่ะ? “ พ่อของเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเริ่มมีอารมณ์

“พ่อจำได้ว่าลูกเคยพูดกับพ่อว่า หนูจะไม่ทำอะไรที่พ่อไม่เห็นดีด้วยหรอกค่ะ คุณพ่อไม่สามารถจะเชื่อใจลูกสาวของตัวเองได้เลยหรือคะ? หนูจะเข้มแข็งเพราะว่าพ่อได้เลี้ยงหนูให้โตขึ้นมาแบบนั้น หนูมั่นใจว่าหนูจะไม่กลายเป็นคนที่ตามืดบอด และจะไม่มีทำให้พ่อผิดหวัง ถึงแม้จะไปอยู่ในท่ามกลางวงการบันเทิงที่มันดูมืดมนอย่างนั้น” กล่าวจบพ่อของเธอก็ถึงกับถอนหายใจ

“พ่อคะ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยเสียงเครือๆที่จวนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

“การมีอายุมากขึ้นมันจะมีประโยชน์อะไรฮึ? มันน่าขันที่ลูกไม่มีเซ้นส์ในการเลือกผู้ชายเอาซะเลย”

เธอรู้สึกแย่ที่พ่อของเธอพูดแบบนั้น “พ่อคะ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ”

“นี่ลูกกล้าดียังไง! คิดจะเถียงพ่อเหรอ”

<ฮือ !! ท่าทางไม่รอดแล้วชั้น> “แต่ว่าพ่อคะ...พ่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำเลยนะคะว่าฮยอนจุงเขาเป็นคน...เอ่อ..ผู้ชายแบบไหน”

“อ๋อ แน่นอน พ่อต้องรู้อยู่แล้ว ไอ้เจ้าหน้าอ่อนนั่นมันอายุเท่าไหร่นะ? ถึงยี่สิบรึยังน่ะ?”

เธอรู้สึกเหมือนโดนสบประมาทอย่างแรง ร้องเสียงหลงว่า “ ไม่ใช่คะ ยี่สิบสามแล้วค่ะ “

คุณพ่อเหวี่ยงสายตาใส่ก่อนอบรมเธอต่อ “ไม่ต้องมาทำเป็นปากดี”

เธอสะดุ้งโหยงแล้วก้มหน้าไม่ปริปากอะไร

“พ่อไม่สนหรอกนะ ว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะอายุ 20 หรือ 23...ชั้นจะไม่มีทางเรียกเด็กอย่างนั้นว่าเป็นผู้ชาย ในเมื่อเขายังไม่ได้เข้ากรมรับใช้ชาติเลยด้วยซ้ำ...”

ยิ่งฟังเธอก็ยิ่งหดหู่สุดๆ แต่ก็ยังพยายามอธิบายต่อ “ ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้เข้ากรม...แต่เขาก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ…”

“นี่เธอกำลังบอกว่าเขามีจิตวิญญาณของชายแก่ซ่อนอยู่ภายในอย่างนั้นเหรอ? ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ซักแค่ไหน..แต่ปีหน้าลูกกำลังจะอายุขึ้นเลข 3 แต่เขาเพิ่งจะยี่สิบ...เท่าไหร่นะ?”

“เอ่อ...ยี่สิบสี่ค่ะ”

“เฮ้อ...พระเจ้า~~~~”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า “พ่อคะ ได้โปรดอย่าไปยึดติดกับอายุของเขาเลยนะคะ”

คุณพ่อตะโกนใส่หน้าเธอกลับไปทันทีว่า “ยายเด็กโง่ ตอนนี้มันจะมีอะไรที่สำคัญมากไปกว่าเรื่องอายุได้อีกล่ะ? นี่ลูกไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานอย่างคนอื่นเขาบ้างเลยรึ?”

“แน่นอนค่ะ หนูต้องคิดอยู่แล้ว...”

ถ้างั้นลูกจะได้แต่งงานได้ยังไงกัน หา? .ในเมื่อชาวบ้านเขาพูดกันไปทั่วแล้วเรื่องที่เธอกำลังคบกับเด็กอยู่น่ะ!!!”

เธอลังเลเล็กน้อยได้แต่ทำใจดีสู้เสือตอบไปว่า “ได้สิคะ...หนูก็แค่แต่งงาน...กับฮยอนจุง”

“ลูกจะไปแต่งงานกับเด็กคนนั้นได้ยังไง? พ่อจะปล่อยให้ลูกสาวตัวเองไปอยู่กับเด็กอมมือที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนั้นได้ไงกัน หา??!!”


“โธ่ พ่อคะ...T_T…ที่จริงแล้วฮยอนจุงเขารู้เรื่องต่างๆมากมาย...เขาฉลาดกว่าหนูด้วยซ้ำไปนะคะ...T_T”

“ฉลาดงั้นเหรอ อ๊าายสสสส”

“แล้วเขายังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าหนูด้วย...เขามีจิตใจที่ดีและเข้มแข็งเพราะว่าเขาได้ผ่านเรื่องต่างๆมากมากมายในช่วงที่เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่...”

“เจ้าเด็กบ๊องส์นั่น มันดูเหมือนคนที่จะทำให้ผู้หญิงของเขาต้องเผชิญกับเรื่องยุ่งยากต่างๆมากมาย เขาหน้าตาสวยกว่าผู้หญิงยังไม่พอ...อายุยังน้อยกว่าอีก...ลูกยังคิดว่าทุกอย่างมันออกมาลงตัวเพอร์เฟคได้อีกน่ะหรือ? รอดูต่อไปอีกหน่อยเถอะ...ลูกจะไม่มีวันรู้เลยว่าเมื่อไหร่เขาจะบินหนีไปหาสาวอื่น... หึ..ผู้ชายแบบนั้นน่ะ”

เธอรู้สึกช็อคเมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้เธอเครียด “ พ่อคะ...ทำไมถึงได้” <พูดแบบนี้ล่ะคะ ?!!!>

“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่ะ..ลูกเข้าไปอยู่ในวงการนั้นตั้งมา 9 ปี ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาบ้างเลยหรือ? ทำไมถึงได้หน้ามืดตามัวขนาดนี่ได้? “

“พ่อคะ!!! มันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วนะคะ~~”

“พ่อเนี่ยน่ะ พูดเลยเถิด เรื่องไหนเหรอ?”

“ถามจริงๆเลยนะคะ พ่อเชื่อใจลูกสาวของพ่อคนนี้มั้ยคะ? พ่อคิดว่าหนูหน้ามือตามัวขนาดนั้นจริงๆหรือค่ะ? คิดว่าหนูจะปล่อยให้ข่าวลือพวกนั้นมาถึงหูพ่อเพียงเพราะหนูแค่ทำตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองอย่างเดียวหรือคะ? แล้วคิดหรือคะว่าหนูสบายใจดีไม่มีปัญหาอะไร พ่อคิดว่าหนูไม่เคยรู้สึกว่า...ความรู้สึกแปลกๆเหมือนตัวเองกำลังหลอกเด็กอยู่...เหมือนกับว่าหนูเป็นนักล่าผู้ชายอะไรทำนองนั้น...พ่อไม่นึกสงสัยซักนิดเลยหรือคะว่าทำไมลูกสาวคนนี้-คนที่พ่อคิดว่าเคยเลี้ยงดูอบรมมาอย่างดี ถึงได้ประพฤติตัวแบบนี้ได้?...เคยคิดบ้างรึเปล่าคะว่า...มันอาจจะมีเหตุผลที่ดีซึ่งทำให้หนูเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ถูกเลี้ยงดูอบรมมาอย่างเคร่งครัด? พ่อไม่คิดอยากจะลองหาความจริงดูว่า ผู้ชายที่ลูกสาวของพ่อเลือกมาเป็นคู่ชีวิตน่ะเป็นคนแบบไหนบ้างหรือคะ? แล้วไม่อยากลองพบกับเขาดูซักครั้งเพื่อจะได้เห็นว่าเขาดีพอสำหรับหนูมั้ย? ถ้าคิดว่าเขายังไม่มีข้อบกพร่องในบางเรื่อง บางทีพ่ออาจจะสั่งสอนแนะนำอะไรบางอย่างให้เขาได้”

“อะไรน้า!!! .ให้พ่อแนะนำสั่งสอนอะไรเจ้านั่นน่ะเหรอ ? พ่อไม่อยากสอน แล้วก็ไม่มีความคิดที่จะยกลูกให้กับไอ้หมอนั่นด้วย!!!”

“พ่อคะ...T_T” <ทำไงดีล่ะ คราวนี้>

“เขาไม่มีค่าพอจะให้พ่อสัมภาษณ์ก่อนที่จะรับสมัครเป็นลูกเขยหรอกนะ...ลูกก็รู้ใช่มั้ยว่าเรื่องข้อจำกัดของอายุน่ะมันมีอยู่จริง...”

“หนูรู้สึกผิดหวังมากเลยค่ะ...พ่อคะ...หนูนึกว่าพ่อจะแตกต่างจากคนอื่น...หนูเคยคิดว่าพ่อจะไม่ตัดสินคนๆนึงโดยการใช้อคติของตัวเองล้วนๆ...ทำไมพ่อถึงได้ตัดสินอนาคตของลูกสาวโดยใช้ความคิดของตัวเองเพียงคนเดียวล่ะคะ?”

“แล้วความคิดของพ่อมันผิดอะไรตรงไหนไม่ทราบ?”

“คนที่จะแต่งงาน...คือตัวหนู...ความรู้สึกของหนูควรจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสิคะ”

“ลูกคนนี้...เฮ้อ...เธอไม่สามารถจะทำให้ชีวิตการแต่งงานมันราบรื่นได้โดยใช้ความรู้สึกล้วนๆหรอกนะ ยัยเด็กโง่!!!”

เธอเริ่มตอบเสียงดังกลับไปว่า “เรื่องนั้นหนูทราบดีอยู่แล้วค่ะ นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หนูต้องทุกข์ใจอยู่นาน”

แล้วเสียงของเธอก็ค่อยๆลดเสียงลง ”พ่อคิดว่าหนูอายุมากขึ้นโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรมาเลยหรือคะ?

“กล้าดียังไงที่มาพูดเรื่องอายุกับพ่อของเธอน่ะ? โอเค งั้นเธอก็อยู่มานานมากพอที่จะรู้อะไรทุกอย่างแล้วใช่มั้ย..ชั้นคิดว่าชั้นก็คงจะแก่เกินไปและควรจะรีบตายๆไปซะเลยตอนนี้”

“โธ่ พ่อคะ .หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้นซักหน่อย...T_T”

กลับมาที่เหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน
ฮวางโบกำลังนั่งยิ้มน้อยๆขณะที่นึกถึงเรื่องตอนนั้น...

“คุณขำอะไรหรือฮะ?”

“วิ้ว...ลืมให้มันหมดทุกอย่างเถอะนะ...แค่มีสมาธิกับงานของเธอตอนที่อยู่ก็พอ”

ฮยอนจุงทำหน้ากังวลเมื่อได้ยิน มันจะมีเรื่องยุ่งยากใจอะไรที่ทำให้บูอินของเขาต้องเจ็บชั้นหรือลำบากใจอีกหรือเปล่าน่ะ เขาพยายามรอฟังเธอพูดต่อไป

เธออมยิ้มแล้วพูดต่อไป “คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง”

“หา?”

“ชั้นเดาว่า ตอนนี้สมองของเธอกำลังมีปัญหาหนักเรื่องต่างๆกองสุมอยู่มากมาย...มันจะเป็นเรื่องยากที่จะแสดงความสามารถออกมา ถ้ามันเป็นแบบนั้นใช่มั้ย?”

“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไงฮะ?”

“ชั้นหมายถึงว่า แค่อยากให้เธอมีสมาธิกับการแสดงในขณะที่เธอไปถ่ายทำละคร F4 ที่โน่นน่ะจ้ะ ชั้นจะไม่ปลื้มอย่างแรงถ้าได้ยินว่า...เธอทำงานได้ไม่ดีเพราะว่ามีปัญหาเรื่องชีวิตส่วนตัว”

เขาได้แต่จ้องมองไปที่ถนนเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจออกมา

“ชั้นไม่อยากให้เธอต้องเสียสมาธิไปกับการคิดในเรื่องที่มันไม่มีประโยชน์ไร้สาระน่ะ”.

“..................”

“อย่าเศร้าไปนักเลย ชั้นน่ะกำลังคาดหวังจากความสามารถเฉพาะตัวซึ่งเป็นข้อดีในตัวเธออยู่นะ”

“คาดหวัง แล้วมันคืออะไรหรือฮะ?”

“ก็การตอบสนองที่ชาญฉลาด...คิดอะไรได้รวดเร็ว....เธอจะคิดอะไรบางอย่างที่มันเจ๋งๆขึ้นมาได้อย่างแน่นอนตอนที่เธอพบหน้ากับคุณพ่อของชั้น”

“แล้วผมจะได้พบกับท่านเมื่อไหร่ล่ะฮะ?”

“ก็ เอาเป็นว่าเธอตั้งใจทำงานให้ดีๆตอนที่ไปถึงนิวคาลิโดเนียก่อนเถอะนะ...เรื่องจะไปพบคุณพ่อของชั้นไว้ค่อยคิดกันทีหลัง...เมื่อไหร่ที่เราจะต้องลงมือทำเรื่องนั้นจริงๆ...ถึงเวลานั้นสมองที่คิดอะไรได้รวดเร็วตามธรรมชาติของเธอก็คงจะ....”<ช่วยให้พวกเราผ่านมันไปได้>

“แต่..ผมคง. ~~”

“โอตายจริง...ชั้นลืมไปเลยว่าเธอเป็นโรคกลัวผู้ใหญ่นี่นา!”

“เรื่องนั้นก็ด้วยฮะ”

“แต่ว่าเธอก็ทำได้ดีมาตลอด หลังจากเกิดเรื่องใหญ่คราวนั้น”

“เรื่องใหญ่คราวนั้น?”

“หลังจากเหตุการณ์แกล้งจุ๊บ (ให้รู้ว่าเธอเป็นของผม) ที่เอเวอร์แลนด์แล้ว...ชั้นรู้สึกประทับใจมากเลยนะกับวิธีการรับมือของเธอกับสถานการณ์หลังจากนั้น...มันดีกว่าที่ชั้นคาดเอาไว้อย่างมากทั้งๆที่ตอนแรกชั้นเป็นกังวลแทบแย่น่ะ”

“ที่จริงแล้ว...ผมว่ามันไม่ใช่การใช้ความคิดที่รวดเร็วฉับไวหรอกฮะ”

“จ้ะ แล้วอะไรล่ะ?”

“...ผมก็แค่พูดความจริงออกมา ตอนนั้นผมคิดว่าไม่มีอะไรที่มันจะทรงพลังมากไปว่าการพูดตามความสัตย์”.

เธอยิ้มกว้างเมื่อได้ยินที่เขาพูด


“โชคดีที่ วิธีนี้มันใช้ได้ผลดีอย่างมากกับท่านประธานชิกุน”

“...ไม่ใช่เฉพาะกับเขาคนเดียวหรอกนะ”.

“หืมมม?”

“ชั้นคิดว่ามันก็ใช้ได้ผลกับแฟนคลับของเธอด้วยนะ”

“คุณคิดอย่างนั้นเหมือนกันหรือฮะ?”

เธอพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า”ใช่แล้วจ้ะ”

“มันเป็นเรื่องขี้ขลาดมากๆที่จะไม่พูดความจริงออกมา...มันไม่สามารถจะทำให้ใครรู้สึกประทับใจหรือซาบซึ้งได้...ผมจะไม่สามารถเอาชนะใจใครได้เลยถ้าทำตัวขี้ขลาดอย่างนั้น”

เธอตอบยิ้มๆกลับไปว่า “ เธอพูดถูกแล้วล่ะ”

“ผมหวังว่าความซื่อสัตย์และการพูดตามความจริงของผม จะสามารถใช้การได้กับคุณพ่อของคุณเช่นกันน่ะฮะ”

“มันก็น่าจะใช้ได้น่ะ” เธอยิ้มอย่างเก้อเขินแล้วบอกเขาว่า “ แค่แสดงให้ท่านเห็นว่าเธอรักชั้นด้วยใจจริง....ชั้นคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณพ่อคุณแม่ของชั้น”

“ผมหวังว่า...”

“ว่าอะไรเหรอ?”

“เธอจำนิทานพื้นบ้านของเกาหลีเกี่ยวกับกระต่ายน้อยตัวนึงที่เดินทางลงไปใต้ท้องทะเลเพื่อไปที่วังของจ้าวสมุทรได้มั้ย?”

“โอ ผมจำได้ฮะ เขาถูกเต่าเจ้าเล่ห์หลอกให้ลงไปใต้ทะเล จ้าวสมุทรจะได้ควักเอาตับของเจ้ากระต่ายออกมาเพื่อใช้รักษาอาการป่วยของเขาใช่มั้ยฮะ?”

“ใช่จ้ะ แต่กระต่ายที่ฉลาดเป็นกรดก็สามารถหลอกเจ้าเต่าและจ้าวสมุทรสำเร็จแล้วก็หนีรอดจากทะเลขึ้นมาได้”

“เธอคิดยังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

“ผมอยากจะให้กระต่ายตัวนั้นมีตัวตนอยู่จริง...”

“...ทำไมล่ะ?”

“ก็กระต่ายมันหนีมาได้โดยบอกพวกนั้นไปว่า มันเอาอวัยวะภายในของตัวเองออกมาผึ่งลมข้างนอกเดือนละครั้ง และคราวนี้ก็ลืมตับที่ผึ่งลมเอาไว้บนบก...ผมหวังว่าผมจะสามารถเรียนรู้วิธีการเอาอวัยวะภายในออกมาไว้ข้างนอกจากเจ้ากระต่ายนั่น...และผมหวังว่าผมสามารถจะควักหัวใจของผมออกมาให้คุณพ่อคุณพิสูจน์ <เพราะแค่เพียงคำพูดไม่พอ> เพื่อที่ว่าท่านจะได้รู้ว่าผมรักคุณมากขนาดไหน”

“หุหุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า “ <โอ เลี่ยนได้อีกแล้วก็ 4-D ได้อีก สามีชั้น>

“โธ่ ขำทำไมฮะ ผมอยากทำได้อย่างนั้นจริงๆน่ะ” ว่าแล้วเขาก็หันไปหยิกแก้มที่เริ่มระเรื่อของเธออย่างมีความสุข

ติดตามคู่รักผักกาดหอมรีมิกซ์ ตอนที่ 106

ยาย(นาจา)




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2553
1 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2553 21:01:38 น.
Counter : 865 Pageviews.

 

“เอ่อ...คุณได้เคย...คุยกับท่านเกี่ยวกับผมบ้างมั้ยฮะ แบบประมาณว่า กำลังเดทกับชายหนุ่มหน้าตาดีมีอนาคตรักครอบครัว ชอบงานการกุศล อดทน อะไรประมาณนี้อ่ะ?”

หุหุหุ พรีเซ็นต์เต็มที่ อยากได้ลูกสาวเค้านี่

 

โดย: joy&yoo IP: 222.123.4.125 1 ตุลาคม 2553 22:34:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.