ตอนที่ 99 ~ โปรดจงเป็นพยานให้ความรักของผมด้วย
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย **** ภายใน Olympic Fencing Stadium ซึ่งเป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ต วง SS501 กำลังอยู่ระหว่างงานแฟนมีทหลังจากการแสดงมินิคอนเสิร์ตของพวกเขาจบลง ในงานมีการฉาย วิดีโอเกี่ยวกับกิจกรรมที่วง SS501 ได้ทำไปเร็วๆนี้ หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งชมวิดีโอที่แฟนคลับได้จัดทำมา การร้องเพลงโซโล่ของปารก์จองมิน และสุดท้ายที่ไม่ลืม คิมฮยอนจุงที่ออกมาในเพลง “Thank you 고맙다 เพื่อขอบคุณแทนใครบางคนที่อยู่ในที่นี้ คิมฮยอนจุงเปิดตัวด้วยการขึ้นภาพสไลด์ใสๆบนจอมอนิเตอร์ และท่ามกลางเสียงต้อนรับไปทั่วทั้งฮอลล์ สไลด์ตัวขึ้นมาจากชั้นใต้ดินแต่แฝงไปด้วยความหมายของเพลงโดยเนื้อร้องมีอยู่ว่า “ขอบคุณนะ ที่อยู่เคียงข้างผม ตื่นเต้น เวลาที่เราเดินไปด้วยกัน ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาต่อหน้าคุณว่าผมรักคุณ และผมก็อยากทำให้คุณมีความสุขตลอดไป ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณต้องมาพบกับคนอย่างผม มันเจ็บปวดมากใช่มั้ย ที่ผมไม่มีอะไรมบูรณ์แบบซักอย่าง ผมจะอยู่เคียงข้างจนถึงวันสุดท้าย ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผม ผมขอสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือของคุณตราบชั่วรันดร์ ผมขอสัญญาว่าจะเดินเคียงข้างคุณจนถึงนาทีสุดท้าย และถึงแม้ว่าความรักของเราจะจบลง แต่ผมจะขอสาบานว่าผมจะเก็บความทรงจำที่สวยงามของเราไว้ตลอดไป ผมขอโทษ ที่ไม่สามารถดูแลคุณให้ดีไปกว่านี้ได้ การยืนอยู่เคียงข้างผม มันคงไม่ดีพอสำหรับคุณ แต่ผมก็จะปกป้องคุณ แม้ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิตของผม ผมขอสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือของคุณตราบชั่วรันดร์ ผมขอสัญญาว่าจะเดินเคียงข้างคุณจนถึงนาทีสุดท้าย และถึงแม้ว่าความรักของเราจะจบลง แต่ผมจะขอสาบานว่าผมจะเก็บความทรงจำที่สวยงามของเราไว้ตลอดไป มีแค่คุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยกโทษให้ผม แม้ว่าผมจะทำผิดพลาดไปมากมาย แม้ว่าผมจะไม่สามารถดูแลคุณให้ดีไปกว่านี้ได้ ผมต้องการเพียงแค่คุณเท่านั้นจริงๆ และถึงแม้ว่าความรักของเราจะจบลง แต่ผมจะขอสาบานว่าผมจะเก็บความทรงจำที่สวยงามของเราไว้ตลอดไป ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผม” https://www.youtube.com/watch?v=C28ko1qsgRI ขณะที่ฮยอนจุงร้องแต่ภายในใจของเขากล่าวขอบคุณเธอ <บูอิน ผมอยากจะขอบคุณอีกเป็นหลายพันครั้ง เพราะถ้าผมไม่มีคุณแบบนั้น ผมอาจจะไม่มีวันดีดีแบบนี้ ผมอาจจะหมดกำลังใจไปเลยก็ได้ เพลงนี้ผมจึงต้องการมอบให้คุณ เพื่อคุณคนเดียวเท่านั้น ....คนดีของผม> การแสดงคอนเสิรต์ใกล้เข้ามาจนใกล้จะจบ และท้ายสุดก็เป็นการเปิดกล่องของขวัญที่แฟนคลับมอบให้พวกเขา... เมื่อใกล้จะจบงาน MC พูดขึ้นมาว่า”ผมว่าเราได้ทำตามโปรแกรมต่างๆที่เราได้เตรียมมาเกือบจะครบแล้ว..” ว่าแล้วก็หันไปพูดกับฮยอนจุงด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า “ผมไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน...เอ่อ...ผมควรจะทำเป็นไม่สนใจหรือว่าไงดีครับ...?” “ขอโทษน่ะฮะ คุณว่าอะไรนะฮะ? “ ลีดเดอร์ทำหน้างงไม่รับมุข MC “ผมหมายถึงว่า...วันนี้พวกเรามีแขกพิเศษคนสำคัญมาร่วมงานด้วยน่ะ” พิธีกรอธิบายพร้อมกับชำเลืองมองไปทางฮวางโบ ส่วนฮวางโบเมื่อเห็น MC มองมาก็รีบเหลือบตาลงทันทีไม่ยอมสบตาเขา <(งานเข้าแล้วชั้น คราวนี้> ลีดเดอร์ยืนนิ่งไม่พูดอะไรแต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ... MC ยังพูดยิ้มๆต่อไปว่า “ถ้ามันจะยุ่งยากมากเกินไป...พวกเราก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้นะครับ...” แต่ฮยอนจุงเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ก่อนจะหยิบไมโครโฟนของเขาขึ้นมาและพูดว่า “กรุณาให้เวลาพวกเราซักครู่ได้กล่าวอะไรบางอย่าง หลังจากที่โปรแกรมที่เตรียมเอาไว้จบแล้วได้มั๊ยฮะ” “อ๋อ ได้เลยครับ...ไม่มีปัญหา”.MC ว่า 15 นาทีต่อมา มีผู้ชมบางส่วนที่บ่นพึมพำด้วยความผิดหวังหลังจากที่ได้ยิน MC ประกาศว่ารายการตามโปรแกรมในวันนี้ได้หมดลงแล้ว แต่แล้ว MC ก็พูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า แต่ผมได้ยินมาว่า...”ยังมีรายการพิเศษต่อภาค 2 นะครับ...? “ เสียงผู้ชมต่างเงียบเสียงตั้งใจฟังกันหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยิน MC ประกาศ “ลีดเดอร์ของพวกเราอยากจะพูดอะไรบางอย่างครับ” เขาพูดพลางหันหน้าไปมองฮยอนจุง ฮยอนจุงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนจะหยิบไมโครโฟนขึ้นมา... MC ถามเขาว่า “คุณต้องการให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?” “ไม่เป็นไรฮะ ผมจัดการเองได้...” ระหว่างนั้นก็เริ่มมีเสียงกระซิบซาบสลับกับเสียงถอนหายใจเป็นระยะๆจากกลุ่มผู้ชม ฮยอนจุงหันไปมองฮวางโบซึ่งอยู่ตรงที่นั่งแถวหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชมและส่งรอยยิ้มกระชากใจสาวที่ทุกคนคุ้นเคยแล้วเริ่มพูด “ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่วันนี้พวกคุณมาให้กำลังใจพวกเรากันมากมาย เสียงเชียร์และกำลังใจของพวกคุณเป็นพลังให้กับพวกเรามากกว่าอาหารที่เรากินเข้าไปซะอีกฮะ” เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดดังขึ้นจากกลุ่มผู้ชมหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป “พวกคุณจะอยู่กับพวกเราตลอดไปใช่มั้ย!!!!? “ ผู้ชมตะโกนตอบลีดเดอร์ว่า “ ใช่แล้วค่ะ~~~” ฮยอนจุงกล่าว ขอบคุณ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ฮวางโบนั่งมองเขาด้วยสายตาที่ยิ้มๆและแสดงความชื่นชมอยู่เงียบๆ... เขาชำเลืองมองเธอแว่บนึงก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชมต่อไปว่า...”วันนี้ผมมีบางอย่างอยากจะพูดให้พวกคุณได้รู้กัน ผมเกรงว่าผมได้ทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงบางอย่างกับพวกคุณลงไป...” ฮวางโบพอได้ยินก็นั่งตัวเกร็งลุ้นว่าเขาจะพูดอะไรต่อ..ส่วนผู้ชมก็นั่งเงียบสนิทไร้เสียงใดๆ... “ผมได้ทำเรื่องบางอย่างที่แย่ๆต่อพวกคุณซึ่งเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นและไว้ใจในตัวผมและให้อภัยต่อความผิดพลาดของผมมาโดยตลอด...” ผู้ชมยังคงเงียบกริบ ฮยองจุงยังคงพูดต่อไปว่า “พวกคุณเป็นคนที่มีค่าสำหรับผมถัดจากพ่อกับแม่ของผม คุณเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคิมฮยอนจุง ลีดเดอร์ของวง SS501” ฮวางโบยังนั่งใจเต้นตึกตักช่วยลุ้นเขาอยู่ในใจ... “แต่...ในตอนนี้สถานการณ์บางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...” ผู้ชมยังคงนั่งเงียบคล้ายกับจะเดาว่าสิ่งที่ไอดอลของพูดอยู่นี้จะเป็นเรื่องอะไร บางส่วนลุ้นเป็นข่าวดีที่จะออกอัลบั้มใหม่ บางส่วนก็พอทำใจยอมรับข่าวไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตามแต่ รับได้หมด... “ในตอนนี้ผมมีใครบางคนที่ได้กลายเป็นคนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผมยิ่งกว่าพ่อและแม่ของผมเอง...สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ก็คือ...ผมไม่ได้มีโอกาสบอกความจริงเรื่องนี้กับพวกคุณจากปากของผม...ทั้งๆที่ผมควรจะแนะนำคนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผมกับพวกคุณซึ่งเป็นคนที่ค่ามากสำหรับผมเช่นกัน...ผมต้องการที่จะบอกให้พวกคุณรู้ก่อนหน้านี้...แต่เป็นเพราะว่าผมไม่สามารถจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ด้วยตัวเอง...จึงเป็นเรื่องโชคร้ายที่มีข่าวออกมาก่อนที่ผมจะได้บอกเรื่องนี้ต่อหน้าพวกคุณ...” มาถึงตอนนี้เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังๆขึ้นในหมู่ผู้ชมเพราะเริ่มภาวนากับข่าวที่จะบอกในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ “นี่ก็เดือนกว่าๆแล้วที่มีข่าวออกมา...ผมค่อนข้างมั่นใจว่าทุกคนคงจะทราบเรื่องนี้กันหมดแล้วและคงอยากที่จะแสดงความยินดีกับพวกเรา...” ฮยอนจุงหันไปมองหน้าฮวางโบขณะที่พูด ฮวางโบมองชายหนุ่มกลับไปด้วยสายตาที่สงบนิ่ง... ฮยอนจุงนึกในใจขณะที่มองหน้าเธอ < ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายเพราะผม..ผมเป็นใครกันถึงได้ทำให้คุณต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านั้น? ไอดอลคืออะไร? แล้วแฟนคลับคืออะไร..?> “ก่อนจะพูดต่อไปว่า...เธอได้ผ่านเรื่องต่างๆมามากมาย...เพราะทั้งหมดนั่นเป็นเพราะผมคนเดียว” เธอเหลือบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาเขา... สายตาของฮยอนจุงยังคงจับจ้องที่เธอในขณะที่พูดต่อไปว่า...”ถึงจะผ่านมาเพียงแค่หนึ่งเดือน....แต่..อาจเป็นเพราะความรักจากพวกคุณที่มีให้ผมมันมากจนเกินไป. เกินไปกว่าที่ผมจะพูดออกมาได้ ...มันจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอที่จะรับมันเอาไว้ได้ทั้งหมด...และมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับผมด้วยเช่นกัน...และผมเองก็ทำได้เพียงเป็นเฝ้าดู...โดยไม่สามารถจะทำอะไรได้..ดังนั้นผมจึงได้ตัดสินใจที่จะมอบคำสัญญา...” พูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วบริเวณที่นั่งของผู้ชมราวกับไฟลามทุ่ง เขายิ้มอย่างใจเย็นแล้วพูดต่อไปว่า “โชคดีที่ผมไม่ได้รู้สึกว่าถูกหลอกลวง เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนที่ให้คำสัญญาแต่เพียงฝ่ายเดียว” ฮวางโบส่งยิ้มจางๆให้เขาเพื่อเป็นกำลังใจ... “แต่...ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้มอบคำสัญญาให้แก่กันแล้ว แต่พวกเรายังคงต้องการพยานที่จะรับรู้เรื่องนี้...เพราะผมรู้สึกกังวลว่าเธออาจจะเปลี่ยนคำพูดของเธอในภายหลัง...” เธอยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคุณสามีเริ่มปล่อยมุข... ฮยอนจุงหันไปพูดกับผู้ชมว่า “ผมอยากจะให้พวกคุณช่วยอะไรหน่อยได้มั้ยฮะ?” พอได้ยินประโยคนี้เสียงผู้ชมที่เซ็งแช่อยู่ก็กลับเงียบสงบลงอีกครั้ง “ผมอยากจะทำพิธีมอบคำสัญญาให้กันและกันอีกครั้งนึงที่นี่และในเวลานี้...ผมหวังว่าพวกคุณจะสามารถเป็นพยานให้กับพวกเราได้....” ผู้ชมต่างแตกตื่นโกลาหลกันอีกครั้งหลังจากได้ยินคำขอร้องของเขา ฮยอนจุงหันไปถามทีมงานบนเวทีว่า “ขอโทษน่ะฮะ คุณช่วยหาไมโครโฟนมาให้ผมอีกอันได้มั้ยฮะ ? “ จากนั้นก็โบกมือเรียกฮวางโบให้ขึ้นมาหาเขา <ขึ้นมาบนนี้ซิฮะ ตอนนี้ผมกำลังจะทำอะไรบางอย่างเพื่อคุณ> แต่สิ่งที่เขาพูดกลับทำให้ทีมงานมองหน้าเขากลับแบบงงๆ จองมินผู้ฉลาดรู้ดีว่าตอนนี้ฮยอนจุงกำลังจะทำอะไร จึงรีบเดินลงไปที่แถวผู้ชมด้านหน้า จากนั้นก็ยื่นไมโครโฟนของเขาให้ฮวางโบพร้อมกับพูดบ่นพึมพำว่า “ทำไมจะต้องวุ่นวายอะไรนักหนา กะอีแค่การแลกเปลี่ยนคำสัญญาเนี่ยนะ...?” ฮวางโบรู้สึกประหม่ารีบส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับไมโครโฟนที่จองมินส่งให้ แต่ฮยอนจุงกลับบอกเธอว่า “กรุณารับไมค์ด้วยนะฮะ” เธอเหวี่ยงสายตาใส่เขานิดนึงก่อนจะเอื้อมมือไปรับไมค์มาถือไว้ “อ่ะ พอใจยัง?” ฮยอนจุงเห็นท่าทางของเธอก็ยิ้มฟันขาวออกมาก่อนจะพูดว่า “คุณได้ยินผมชัดมั้ย คุณฮวางโบ เฮจุง? กรุณาเช็คไมค์ของคุณด้วยฮะ โหล-โหล 2 โหล 24 ^^” เธอถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบไปว่า “อ่า อ่า 3 โหล 36 เธอได้ยินชั้นมั้ย? นี่ฮวางโบ เฮจุงพูดน่ะ” “ผมได้ยินคุณชัดแจ่มแจ๋วเลยฮะ” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นในหมู่ผู้ชม ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบที่ดูไม่ค่อยจะปลื้มนักซึ่งยังคงดำเนินต่อไป ฮยอนจุงมองหน้า MC สลับกับยองแซงแล้วชั่งใจอยู่ครู่นึงก่อนจะหันไปบอกอดีตรูมเมทว่า “ยองแซง นายช่ายมายืนตรงนี้หน่อยสิ ตอนนี้ชั้นต้องการพระเอกอย่างนายแล้วล่ะ“ ยองแซงทำหน้างงแล้วบ่นกับตัวเองว่า “นี่นายยังต้องการความช่วยเหลือจากชั้น...อีกแล้วเหรอ?” <ที่ทำไปก่อนหน้านี้ มันยังไม่พอใช่มั้ย?> ฮยอนจุงคิดอยู่ในใจ <ไหนๆก็ใกล้จะจบ ชั้นจะทำให้แม่ยกของนายเทคะแนนให้หมดหน้าตักเลยน่ะ> จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหลังยื่นให้เพื่อนเลิฟแล้วบอกว่า “นายช่วย...อ่านข้อความในนี้ให้หน่อยนะ ดังดังน่ะ...” ยองแซงรับกระดาษมาแล้วถามว่า...”นี่มันอะไรกัน หืม?” ยองแซงพูดพลางก้มหน้าอ่านอย่างเคร่งเครียดและถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วหันมาถามทันทีว่า “นี่นายจะทำอย่างนี้จริงๆเหรอ? “ เมื่อถึงวินาทีที่ยิ่งใหญ่มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เวลาผ่านไป ฮยอนจุงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผู้ชายประเภทไหนกันที่จะมาทำตลกกับเรื่องแบบนี้ได้เหรอ ?” ยองแซงได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะคิดแล้วว่าคงจะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งฮยอนจุงได้อีกแล้ว ฮยอนจุงถือไมค์แล้วเดินเข้าไปใกล้บริเวณที่นั่งผู้ชมมากขึ้นและพูดว่า “ช่วยกรุณาเงียบกันนิดนึงนะครับเพราะว่าเรากำลังจะทำพิธีแลกเปลี่ยนคำสัญญาซึ่งมีความสำคัญมากและตอนนี้พวกคุณก็จะเป็นพยานให้กับพวกเรา...ที่ผมกำลังขอร้องพวกคุณให้ทำแบบนี้ก็เพราะคุณคือคนสำคัญของผมเช่นกัน ดังนั้นกรุณาเป็นพยานให้กับการมอบคำสัญญาที่มีความสำคัญในครั้งนี้ด้วยนะครับ” ฮวางโบได้ยินก็รู้สึกงงกับสิ่งที่เขาพูดออกมา นี่เขาลืมไปแล้วหรือไงว่านี่คอนเสริต์ของวง SS 501 ? “สัญญาอะไรของเขาน่ะ?” จากนั้นฮยอนจุงก็หันไปบอกยองแซงที่กำลังยืนงงว่า “อ่ะ นายเริ่มอ่านได้แล้วล่ะ ตอนนี้นายมีบทบาทสำคัญมากเลยสำหรับชั้นเลยน่ะ”.. ยองแซงจ้องหน้าลีดเดอร์อยู่ครู่นึงก่อนจะหันไปมองทางด้านผู้ชมและพูดว่า “กรุณาด้วยนะครับ ผมาขอรบกวนเวลาซักครู่ เพราะผมเองก็มีบางอย่างที่สำคัญจะพูดด้วยเช่นกัน” เสียงผู้ชมเงียบลงในทันที... ยองแซงถอนหายใจและตัดสินใจพูดสิ่งสำคัญญออกมา “ลีดเดอร์ของพวกเรากำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องใหญ่โดยที่ไม่ได้บอกกับพวกผมมาก่อนล่วงหน้า” กลุ่มผู้ชมเริ่มวุ่นวายสับสนอีกครั้งหลังจากได้ยิน บางคนก็เริ่มพูดกันขึ้นมา ยองแซงยังคงพูดต่อไป “แต่...ผมไม่สามารถจะขัดขวางเขาได้...เพราะว่า...ผมไม่สามารถจะรับผิดชอบเขาไปจนตลอดชีวิตได้....” ทันใดนั้นเสียงดังเซ็งแซ่ก็กลับเงียบกริบอีกครั้ง “แต่ยังไง เมมเบอร์ของวง SS501 ก็จะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปตลอดชีวิตของพวกเรา เราจะไม่มีวันแปรเปลี่ยนสัมพันธภาพของกันและกัน ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า หากพวกเราไม่ได้เป็นสมาชิกวงเดียวกัน พวกเราก็สัญญาว่าจะเก็บความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้ไว้นานตลอดไป” ยองแซงพูดพลางกับพยายามสะกดกลั้นน้ำตาไว้เพราะว่าเขารู้สึกซาบซึ้งกับโมเม้นท์ที่กำลังจะเกิดต่อหน้าเขาและแฟนคลับหลายร้อยคนในขณะนี้ “ และ เพื่อเป็นการตอกย้ำความรักความผูกพันที่มีให้ต่อลีดเดอร์”. ฮยอนจุงยืนนิ่งฟังอยู่เงียบๆ... “ตอนนี้ ผมกำลังจะรับหน้าที่สำคัญในวันนี้ในสิ่งที่” ยองแซงหยุดชะงักเพราะเขารู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ถนัดในการร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นๆเลย เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆแล้วพูดต่อไปว่า “ สิ่งที่คิมฮยอนจุงกำลังจะทำต่อไปนี้ ...ในฐานะของเพื่อน...ผมมีความสุขและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะผมไม่คิดมาก่อนว่า เขาจะเชื่อใจผมมากถึงขนาดนี้ ตอนนี้ผมทราบแล้วว่า คำสัญญาอะไรที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนี้ แต่เมมเบอร์ออีก 3 คน ยังไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่คนเดียว ” แล้วยองแซงก็หันหน้าไปพูดกับลีดเดอร์ว่า “ เมื่อลองคิดดูว่าจะมีผลกระทบอย่างไรบ้างจากคำสัญญานี่ นายไม่คิดว่ามันจะดูยุติธรรมกว่านี้มั๊ย ถ้าจะให้สมาชิกอย่างพวกเราได้ดูมันด้วย?” จุนเบบี้ได้ยินที่ยองแซงพูด ก็โพล่งปากออกมาทันที “ขอผมดูมั่งสิฮะถึงผมจะเด็กที่สุดแต่ผมก็ควรจะรู้ทุกเรื่องในวงน่ะฮะ” ยองแซงพยักหน้าเรียกสามหนุ่มให้เดินมาใกล้ๆเพื่ออ่านข้อความบนกระดาษ เมื่ออ่านจบจองมินชะงักและหน้าเหวอไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โดยไม่พูดอะไร จุนเบบี้ได้แต่จ้องหน้าลีดเดอร์ ส่วนสมาชิกคนสุดท้ายคยูจงก็เดินกลับไปนั่งที่เงียบๆโดยมีแววตาที่ดูหดหู่ เมื่อทุกคนเดินกลับไปแล้ว ยองแซงถามทันทีว่า “พวกนาย...มีใครที่จะคัดค้านเรื่องนี้บ้างมั้ย...?” จองมินส่ายหน้าพร้อมกับตอบทันทีว่า “มันน่าขันที่จะมาคัดค้านเรื่องอะไรแบบนี้น่ะ..”. จุนเบบี้พูดขึ้นมาบ้างว่า “ถึงแม้ว่าผมอยากจะคัดค้าน...แต่ผมก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อยู่ดี” คยูจงบอกไปว่า “นายทำหน้าที่ต่อไปได้แล้วล่ะ อย่าได้แคร์สื่อเลย” จองมินลุกขึ้นยืนแล้วแอบส่งซิกด้วยสายตาให้กับสองหนุ่มว่าให้เดินกลับมานั่งที่ได้เดิมกันได้แล้ว.. เมื่อทุกอย่างไม่มีการคัดค้าน ยองแซงจึงพูดกับผู้ชมว่า “ผมคิดว่างานแฟนมีทครั้งนี้ ได้กลายเป็นการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนแบบกลายๆ” หัวเราะคิกแล้วพูดต่อไปว่า “ยังไงก็ตาม...ผมคิดว่ามันจะกลายเป็นเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำในชีวิตของพวกคุณ ที่ไม่มีวันลืมด้วยเช่นกัน” ฮยอนจุงหลังจากยืนฟังอยู่นานก็พูดขึ้นมาว่า “นายจะร่ายนิราศอีกนานมั๊ยเนี่ย ได้โปรดช่วยรีบๆหน่อยได้หรือเปล่า? ชั้นยืนรอจนขาแข็งแล้วน่ะ” ยองแซงรีบพูด “หุหุ! ได้เลยเพื่อน ชั้นจะเริ่มอ่านคำสัญญา ณ บัดนาว” เสียงจ้อกแจ้กจากกลุ่มคนดูก็ค่อยๆเงียบลงอีกครั้ง ในขณะที่จองมิน ฮยองจุนและคยูจงเดินไปที่บริเวณทางเข้าเวที “คำสัญญานี้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงปี 2100 “ ยองแซงเอียงคอหน่อยๆก่อนจะอ่านต่อไปว่า” คนสองคนจะต้องปฏิบัติตามคำสัญญานี้...” ยองแซงเอียงคออีกครั้งขณะที่อ่านและนึกในใจว่า <นี่มันสำนวนอะไรของนายกันเนี่ยหา> “ผู้ที่ผมกำลังจะอ่านชื่อต่อไปนี้ กรุณายืนขึ้นด้วยครับ” ฮวางโบนั่งกระพริบตารอฟังอย่างงุนงง... “คิมฮยอนจุง” ลีดเดอร์เดินเข้ามาใกล้ยองแซงพร้อมกับกล่าวว่า “ครับ” “ฮวางโบ ฮเยจุง” หญิงสาวเกิดอาการมือเท้าชาไม่สามารถกระดิกขึ้นมาได้ชั่วขณะ แต่สายตายังคงจ้องหน้ายองแซง... “คุณฮวางโบ เฮจุง กรุณาลุกขึ้นยืนด้วยครับ“ ยองแซงเรียกเธออีกรอบ เมื่อยองแซงเรียกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง เธอจึงต้องลุกขึ้นยืนแต่สายตายังคงยสายตาที่คาดเดาไม่ออก แต่แล้วก็ยอมลุกขึ้นยืน...จากนั้นก็เริ่มมีเสียงฮือดังขึ้นมาอีกครั้งในกลุ่มคนดู “กรุณาเงียบด้วยนะครับ นี่จะเป็นตอนที่สำคัญมากจริงๆ” ยองแซงอธิบายแกมขอร้องต่อแฟนคลับซึ่งก็ได้ผล เสียงที่ดังอยู่ตอนนั้นก็เงียบลงทันที ยองแซงขยับตัวอ่านเสียงดังกว่าเดิมว่า “คำสัญญาที่คุณกำลังจะมอบให้แก่กัน มันเป็นคำสัญญาที่พวกคุณกำลังจะกระทำต่อหน้าของพยานมากมาย ดังนั้นคุณจะไม่สามารถจะเปลี่ยนใจได้ในภายหลัง.” เขาเอียงคออีกรอบพร้อมกับนึกในใจ <นี่อะไรของนาย(ว่ะ)เนี่ย> “คุณสองคนเข้าใจใช่มั้ยครับ?” “เข้าใจครับ” ฮยอนจุงรีบตอบทันที <ก็ชั้นเขียนเองกับมือนี่นา ^^> ส่วนฮวางโบได้แต่เอียงคอทำท่างงๆ ว่าเด็กพวกนี้กำลังจะทำอะไร “คุณฮวางโบ ฮเยจุง คุณได้ยินที่ผมพูดเมื่อกี้นี้รึเปล่าครับ?” “ว่าไงนะคะ?” “เมื่อใดที่คุณได้ให้คำสัญญาไปแล้ว คุณไม่สามารถที่จะถอนตัวหรือว่าเปลี่ยนคำพูดได้เป็นอันขาด คุณเข้าใจใช่มั้ยครับ?” ฮวางโบขมวดคิ้วก่อนร้องออกมาว่า “อะไรนะ?” “โปรดฟังอีกครั้งน่ะฮะ? เมื่อใดที่คุณได้ให้…” แต่พูดยังไม่ทันจบฮยอนจุงก็หันมาพูดกับเธอว่า “คุณก็แค่ตอบไปว่าเข้าใจ ก็พอแล้วฮะ แล้วคุณก็ทำตามที่สัญญาได้เขียนไว้ แค่นี้ก็จบแล้วพวกเราจะได้กลับบ้านกันซ่ะที” ฮวางโบซึ่งยังรู้สึกสับสนตอบไปตามที่คุณสามีสั่ง “งั้นเหรอ ก็ โอเคค่ะ” “โอเคครับ ถ้างั้น “ ยองแซงอ่านข้อความต่อไป “ คิมฮยอนจุง คุณจะสัญญาหรือไม่ว่าคุณจะรักฮวางโบ ฮเยจุงตลอดไป ไม่ว่าฝนจะตกหนักหรือหิมะจะถล่ม...คุณจะอยู่เคียงข้างเธอไม่ว่าในยามมีหรือในยามยาก...คุณจะไม่มีวันมองผู้หญิงอื่น...และไม่ว่าคุณจะมีปัญหายุ่งยากและลำบากซักเพียงใด...คุณจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอเป็นอันขาด..?” ผู้ชมถึงกับฮาแตกเมื่อได้ฟังคำสัญญา 4-D ของลีดเดอร์ แต่เขาตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “ผมสัญญาครับ” ฮวางโบยืนนิ่งนึกในใจว่า <เดี๋ยวจะถึงตาชั้นแล้วใช่มั้ยเนี่ย T_T> “และคุณฮวางโบ ฮเยจุง.?” เธอยืนกัดริมฝีปากตัวเองและจ้องหน้ายองแซงและลุ้นกับคำสัญญาที่เขียนโดยคิมฮยองจุง ชิลลางจอมแผนการของเธอ ยองแซงเมื่อเห็นท่าทีของฮวางโบก็รีบพูดกับเธอทันที “กรุณาจริงจังกับเรื่องนี้ด้วยนะครับ”. ฮวางโบสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วตอบไปว่า“ได้ค่ะ” "ฮวางโบ ฮเยจุง คุณจะสัญญาหรือไม่ว่าคุณจะรักฮยอนจุงตลอดไป ไม่ว่าฝนจะตกหนักหรือหิมะจะถล่ม...จะอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าในยามมีหรือในยามยาก...ไม่ว่าคุณจะมีปัญหายุ่งยากและลำบากซักเพียงใด...คุณจะไม่มีวันทอดทิ้งเขาเป็นอันขาด..คุณจะไม่ใส่กระโปรงสั้นๆเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนอื่น...และคุณจะไม่ยอมแพ้ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ที่แย่ๆ…? เสียงดังขึ้นในหมู่ผู้ชมอีกครั้งคราวนี้มีทั้งเสียงหัวเราะปนกับเสียงพูดพึมพำ ฮวางโบถอนหายใจเบาๆพร้อมกับก้มหน้าลง... “ชั้นไม่คิดว่าเธออยากจะทำแบบนี้นะ”ยองแซงบอกฮยอนจุง “ไม่มีทาง” เขาหันไปบอกเธอทันทีว่า “เร็วเข้าสิฮะ ตอบมาเลย” เธอกัดริมฝีปากตัวเองในขณะที่เหวี่ยงสายตาใส่เขา... ยองแซงว่า “ผมควรจะอ่านให้ฟังอีกรอบมั้ยฮะ? หรือว่าคุณไม่เข้าใจที่ผมเพิ่งอ่านไป?” “T_T” <ฮือ วันนี้มันวันอะไรกันนะเนี่ย> ฮยอนจุงเร่งเร้าเธออีกครั้ง “เร็วสิฮะ ตอบมาเดี๋ยวนี้เลย “ ชายหนุ่มพูดพร้อมกับส่งซิกด้วยสายตาชี้ไปที่ทางเข้าเวทีแสดง ฮวางโบมองตามสายตาของเขาไปที่บริเวณทางเข้าก็เห็นว่า สามหนุ่มต่างคนต่างกำลังช่วยกันใช้กำลังยื้อยุดฉุดพี่ผู้จัดการซึ่งกำลังพยายามจะเดินเข้ามาขวางบนเวทีเอาไว้ เธอถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วพูดทันทีว่า “ชั้นสัญญาค่ะ” ยองแซงรีบดำเนินรายการต่อ “โอเค ทั้งคู่ก็ได้ตอบ ตกลง ไปเรียบร้อยแล้ว ดังที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่าคำสัญญานี้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงปี 2100 และผมขอป่าวประกาศและแช่งเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าหากมีคนใดคนหนึ่งละเมิดสัญญานี้ คุณและลูกๆของคุณจะต้องทุกข์ทรมานจากโรคน้ำกัดเท้าและไส้เลื่อนไปจนชั่วลูกชั่วหลาน” ฮวางโบถึงกับขำแตกเมื่อได้ยินแต่ก็พยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต เธอก้มหน้าลงเพื่อซ่อนอาการขำแต่ไหล่ของเธอยังคงสั่นกระเพื่อมไม่หยุด เพราะไม่เคยได้ยินคำสัญญาอะไรที่เขียนขึ้นมาได้ 4D แบบนี้ ตรงกันข้าม ฮยอนจุงกลับทำหน้ายิ้มสบายอกสบายใจ... “ทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้พร้อมกับสมาชิก SS501 จะเป็นพยานในการแลกเปลี่ยนคำสัญญาในครั้งนี้ และนับจากนี้ไปพวกคุณทุกคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะต้องทำรายงานให้ทราบ ถ้าเกิดพบเห็นว่ามีการละเมิดสัญญาขึ้นมาไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็ตาม” ฮวางโบเก็บอาการขำต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอทรุดลงไปนั่งกับพื้นและระเบิดหัวเราะออกมาอย่างดัง “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า“ “ตอนนี้ผมขอจบพิธีการแลกเปลี่ยนคำสัญญาต่อหน้าแฟนคลับ 2000 คนของวง SS501 แต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ!” ยองแซงกล่าวปิดท้าย ลีดเดอร์ซึ่งกำลังยิ้มแก้มปริด้วยความสุขพูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณมากครับทุกๆคน พวกเราจะพยายามใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” แต่ขณะเดียวกันที่บริเวณทางเข้าเวที เริ่มมีความโกลาหลแบบย่อยๆเกิดขึ้นทั้งการยื้อยุดระหว่างสามหนุ่มกับพี่ผู้จัดการและยังมีแฟนคลับที่พยายามจะฝ่าขึ้นมาบนเวที ยองแซงพูดปลอบใจแกมขอร้องกับผู้ชมซึ่งกำลังเริ่มคลั่งและส่งเสียงดังว่า “กรุณาใจเย็นๆ และโปรดอยู่ในความสงบด้วยนะครับ ผมทราบดีว่าเรื่องนี้มันทำให้พวกคุณรู้สึกช็อคมากขนาดไหน...แต่ได้โปรดให้ความรักกับวง SS501 ต่อไปด้วยนะครับ พวกเราไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะว่า ลีดเดอร์ของเราเขากำลังอยู่ในวัยเบญจเพส ถ้าพวกเราไม่ระวังตัวกันให้ดีๆ ก็อาจจะถูกเขากัดเอาได้...” ฮยอนจุงไม่สนใจคำพูดแอบกัดเล็กๆของเพื่อนซี้ แต่กลับวางไมค์ลงแล้วรีบวิ่งไปหาโยโบของเขาและฉุดตัวเธอให้ลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะฮะ” ฮวางโบทำหน้างง “เราจะไปไหนกันเหรอ?” “ไปหาอะไรกินกันดีกว่าฮะ ผมหิวจะแย่อยู่แล้วอ่ะ” แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยแฟนคลับสาวรุ่นซึ่งส่งเสียงกรี๊ดดังไม่ขาดสาย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกกังวลกับอาการคลั่งของสาวๆพวกนี้ ฮยอนจุงรีบดึงตัวเธอเข้ามาใกล้และใช้ท่อนแขนของเขาบังส่วนศีรษะของเธอเอาไว้ และพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ สาวๆ ช่วยใจเย็นๆกันหน่อยนะ มันทำให้พี่ลำบากใจมาก ถ้าพวกเธอเป็นแบบนี้กันน่ะ” ฮวางโบซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาพอได้ยินก็นึกในใจขึ้นมาว่า <ช่วยบอกตัวเองก่อนเถอะนะคุณสามี...T_T> ในขณะที่เขาพยายามประคองเธอให้เดินออกไปจากวงล้อม ยองแซงและคยูจงก็พยายามเข้ามาช่วยดึงตัวแฟนคลับที่ส่งเสียงกรีดร้องอยู่รอบๆออกมาทีละคน จองมินเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบคว้าไมค์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่เอาน่า สาวๆ ควบคุมสติกันหน่อยสิ! ทำไมไม่ขอพี่ฮยอนจุงเขาให้ถ่ายรูปกับพวกเธอเป็นการชดใช้แทนล่ะ...เฮ้อ..ทำไมถึงวุ่นวายไร้ระเบียบกันแบบนี้ล่ะหา?” จุนเบบี้รีบหยิบไมค์มาช่วยพูดอีกคนว่า “ใช่เลย มาจัดแถวถ่ายรูปกับพี่เขากันดีกว่าน่ะ” ลีดเดอร์หันไปมองรอบๆแล้วรีบรับลูกทันทีว่า “โอเค ได้เลย มาถ่ายรูปด้วยกัน พี่จะโพสท่าถ่ายกับพวกเธอจนหนำใจไปเลยดีมั้ย!” ฮวางโบซึ่งแข้งขาอ่อนจนแทบจะยืนไม่อยู่ได้แต่คิดในใจว่า “โอย ชั้นอยากจะบร้าตาย นี่มันวันโลกาวินาศของคนเกิดราศีสิงห์รึเปล่าน่ะ...T_T” โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอมรีมิกซ์ ตอนอวสาน ในวันพุธนี้น่ะจ๊ะ ทุกคน ยาย (นาจา)
Create Date : 20 กันยายน 2553
4 comments
Last Update : 20 กันยายน 2553 22:29:48 น.
Counter : 894 Pageviews.
โดย: มินมิน IP: 125.27.49.142 20 กันยายน 2553 23:53:33 น.
โดย: donut IP: 113.53.90.238 21 กันยายน 2553 12:51:48 น.
โดย: luck IP: 58.136.48.6 21 กันยายน 2553 17:48:26 น.
โดย: hunny IP: 124.122.102.167 21 กันยายน 2553 21:15:14 น.
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"