Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

ตอนที่ 88 – รักจุง รักโบ เพราะพวกเขาคือ จุง-โบ คู่รักผักกาดหอม

***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****


เวลาเช้าตรู่ ที่ห้องพักของฮยอนจุงที่โรงแรมแห่งหนึ่งในมาเก๊า
ฮยอนจุงเพิ่งจะกลับมาถึงห้องหลังจากเสร็จการถ่ายทำด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาแทบไม่อยากจะทำอะไรแต่ก็ต้องใช้ความพยายามที่จะจัดการทำความสะอาดล้างเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้าก่อนจะลากสังขารตัวเองไปนอนฟุบอยู่บนเตียง และก่อนที่จะผลอยหลับไปเขาต้องต่อสู้กับหนังตาของตัวเองที่แสนหนักอึ้งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฮวางโบ

“สวัสดีค่ะ?” เสียงของเธอดังขึ้นที่ปลายสาย

“ผมเองฮะ”

“ว้าว นี่มันเช้ามากๆเลยนะสำหรับเธอ”

“การถ่ายทำเพิ่งเสร็จเมื่อกี้นี้เองฮะ...ผมเลยโทรมาหาคุณก่อนจะเข้านอน”

“จริงเหรอเนี่ย? เธอคงต้องเหนื่อยมากๆเลยสิท่า... “

“พวกเขาอัดคิวถ่ายทุกๆฉากของแต่ละคนแบบต่อเนื่องน่ะฮะ..ถ้าผมโชคดี ก็น่าจะได้พักเบรคถ่ายละครซัก 2 วันหลังจากวันมะรืนนี้.”

“จริงอ่ะ? ถ้าเธอโชคดีงั้นเหรอ?”

“ก็ ถ้าผมไม่ทำผิดพลาดมากเกินไป....ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับตัวผมเองฮะ”

“ถ้างั้น...ชั้นควรจะไปหาเธอตอนนั้นมั้ย?”

ฮยอนจุงยิ้มทั้งๆที่ตาจวนจะปิดอยู่แล้ว “ ใช่แล้วฮะ มาเร็วๆเลยน่ะ”

“ชั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดตารางทันมั้ยเพราะว่ามันออกจะกระทันหันไปนิดน่ะ...”

ฮยอนจุงพูดสวนขึ้นมาทันทีว่า “มันไม่ใช่เรื่องกระทันหันซะหน่อย! มันเป็นการฉลองครบ 200 วันของเรานะฮะ..”.

ฮวางโบพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ “โอ๊ะ! จริงของเธอด้วยสิ! ชั้นลืมไปเลยน่ะ! ช่วงนี้ชั้นยุ่งมากเลย..”

“นี่มันน่าผิดหวังแค่ไหน...คุณลืมเรื่องวันครบรอบของเราได้ยังไงกันฮะ?”

ฮวางโบถอนหายใจ “เปล่าหรอกจ้ะ ชั้นล้อเล่นนนน ชั้นจองตั๋วเครื่องบินรอไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ”

ยอนจุงน้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาทันทีจนแทบจะลึมง่วง “จริงเหรอฮะ?”

“จริงสิจ๊ะ ดีจังเลยน่ะ ที่เธอได้มีวันหยุดพักเบรคได้ เธอต้องแสดงบทจีฮูให้ดีๆนะอย่าให้โดนเทคบ่อย ชั้นจะได้ไม่ต้องนั่งเฉาอยู่คนเดียวที่โน่นน่ะ”

“ฮะ..รับรองผมจะทำให้เต็มที่เลย”

“เอาล่ะ เธอไปนอนเถอะนะ ชั้นเองก็ต้องตื่นไปทำงานในอีกไม่กี่ชั่วโมงเหมือนกันจ้ะ”

“โอเคฮะ ราตรี สวัสดิ์ ฮ้าววว ฮะ”

ที่โซล ช่วงพักทานอาหารกลางวัน อึนยีกับฮวางโบนั่งคุยกันที่โรงอาหารของสถานี MBC

อึนยีว่า “เป็นไงมั่งล่ะ ชิลลางของเธอเขาโอมั้ย ไปทำงานที่โน่นน่ะ?”

“ชั้นเดาว่าก็น่าจะโอนะ...”

“นี่เธอ ทำไมทำเหมือนกับพูดถึงคนแปลกหน้าอยู่ล่ะ...”

“มันไม่ใช่ว่าชั้นอยู่ที่นั่นแล้วเห็นเขาด้วยตาตัวเองซักหน่อยนี่นา...แล้วชั้นควรจะพูดยังไงล่ะ?”

อึนยีส่ายหน้าก่อนพูดต่อไปว่า “มันก็แค่ฟังดูเหนือนเธอน่ะจะดูชิลๆกับเรื่องนี้เกินไปรึเปล่า “

ฮวางโบฉุกคิดอยู่ในใจ <ถ้าชั้นไม่ทำอย่างนั้น...ชั้นกลัวว่าอาจจะควบคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่น่ะสิ...>

“เธอน่ะควบคุมอารมณ์ตัวเอง...ได้ดีเกินไป...”อึนยีพูด

ฮวางโบจ้องหน้าอึนยีแล้วถามกลับไปว่า “พี่ดูออกเลยเหรอคะว่าชั้นกำลังทำอย่างนั้นอยู่น่ะ?”

“ใช่เลย” อึนฮีตอบด้วยความมั่นใจ

“งั้น ชั้นก็คงทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรแล้วล่ะ...ถ้ามันมองออกได้ง่ายขนาดนี้...”

อึนฮีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เพราะเป็นชั้นไงล่ะ ถึงได้มองออก นี่เธอ ถ้าเป็นคนอื่นเขาเห็นเธอในตอนนี้นะ พวกเขาต้องคิดว่าเธอน่ะไม่แคร์ฮยอนจุงบ้างเลย”

“มันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตราบใดที่คนๆนึงรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของชั้น...”

อึนยีเงยหน้าขึ้นมาและกำลังจะพูดต่อแต่แล้วก็หยุดชะงัก แล้วจ้องไปที่ทางเข้าของโรงอาหารก่อนจะพูดออกมาว่า “โอ๊ะ ดูนั่นสิ พวกหนุ่มเอ๊าะ น้องสามีเธอน่ะ”

จองมิน จุนเบบี้ และยองแซงเดินเรียงแถวถือถาดอาหารอยู่ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ จุนเบบี้เห็นเธอเป็นคนแรก เขาส่งยิ้มกว้างพร้อมกับโบกไม้โบกมือทักทายฮวางโบด้วยความดีใจ ไม่นานนักสามหนุ่มก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเธอและอึนยี

ฮวางโบทักทายไปว่า “ วันนี้พวกเธอมีตารางถ่ายทำรายการที่นี่เหรอ?”

จองมินว่า “อ๋อ เดี๋ยวพวกเราต้องไปออกอากาศรายการวิทยุน่ะฮะ”

“แล้วมากันแค่สามคนเองเหรอ?” ฮวางโบถาม

จุนเบบี้รีบแย่งตอบบ้างว่า “ลีดเดอร์ของเรา...อย่างที่พี่รู้ๆอยู่แล้วว่าเขาไม่อยู่ ส่วนคยูจงเขาติดอีกงานนึงฮะ”

“โอ งั้นหรอกหรือ”

น้องเล็กยังพูดต่อไปว่า “ลีดเดอร์ขอให้พวกเราคอยดูแลพี่ฮะ...แต่พวกเราดูจะทำหน้าที่กันไม่ได้ดีซักเท่าไหร่...ผมต้องขอโทษด้วยนะฮะ...”

ฮวางโบทำปากยื่นเหมือนไม่ค่อยพอใจก่อนพูดว่า “ชั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องไปรบกวนพวกเธอให้มาทำอะไรแบบนี้ที่เขาทำเองไม่ได้ด้วยนะ...”

“ก็ มันคงเป็นสิ่งเดียวที่พี่เขาสามารถจะทำได้น่ะฮะ...”จุนเบบี้ตอบ

จองมินพูดแทรกขึ้นมาว่า “เขาขอให้พวกเราคอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า...”

ฮวางโบทำหน้างงก่อนถามว่า “แล้วเขาหมายถึงอะไรเหรอ?”

จองมินตอบ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันฮะ...เขาก็แค่บอกว่าให้คอยดูแลพี่อย่างระมัดระวัง”.

ฮยางโบยักไหล่ก่อนพูดต่อว่า “ชั้นสงสัยจริงๆเลยว่า เขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่?”

เบบี้จุนว่า “ที่จริงแล้วพี่เขาก็เคยมีเรื่องที่กังวลอยู่หลายเรื่องเหมือนกันฮะ...แต่ก็มักจะเป็นเรื่องที่มันไม่จำเป็นจะต้องห่วงเกือบทั้งนั้นเลย”

จองมินเสริมว่า “ผมว่ามันน่าจะใช้คำว่าแปลกประหลาดมากกว่าไม่จำเป็นนะฮะ”

ฮวางโบถามด้วยความแปลกใจ “แปลกประหลาดงั้นเหรอ?”

จองมินว่า “ก็เรื่องประเภทที่ว่า...”.ในปี 2012 เอเลี่ยนจะมาบุกโลกจริงๆรึเปล่า? “ หรือ “ชั้นอยากจะไปเกิดใหม่เป็นสิงโตในชาติหน้า แต่ก็กลัวว่าจะทำยังไงดีถ้าดันไปเกิดเป็นสิงโตที่อยู่ในสวนสัตว์ของเกาหลี?” “

“อะไรนะ? หุหุ ^^” ฮวางโบคิดอยู่ในใจ <ไม่ผิดหวังเลย นี่แหละแฟนชั้นตัวจริงต้อง 4-D อย่างนี้>

จองมินตอบ “แต่ที่มากไปว่านั้น ช่วงหลังๆมาเนี่ย เขามีอีกเรื่องนึงที่เป็นห่วงมาก”

ฮวางโบพยายามกลั้นหัวเราะก่อนถามว่า “แล้วมันคืออะไรล่ะ?”

จองมินปัดผมที่ปรกอยู่ใบหน้าก่อนจะตอบ “เขาจะทำยังไงถ้าชาติหน้าเขาไปเกิดเป็นสิงโตตัวผู้ในอาฟริกา แต่ว่าพี่ฮวางโบดันไปเกิดเป็นสิงโตตัวเมียที่อยู่ในสวนสัตว์ในเกาหลี”

อึนยีซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบๆมาโดยตลอด เจอประโยคนี้เข้าไปถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างดัง “หุหุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า กร๊าก “ <เฮจุง แฟนเธอนี่มันที่สุดแห่งความ 4-D จริงๆนะ>

ฮวางโบยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับอุทานว่า “โอพระเจ้า หุหุ!” <คิดได้ไงเนี่ย>

จองมินยังพูดต่อไปว่า “ดังนั้นการไปท่องเที่ยวที่อาฟริกาจึงเป็นเป้าหมายใหม่ของเขา”

“ทำไมล่ะ?”

จองมินตอบหน้าตาย “เขาบอกว่าเขาจะได้จดจำถนนทุกสายในอาฟริกาเอาไว้ ดังนั้นเขาจะได้สามารถหาทางกลับมาที่เกาหลีได้ไม่ว่าชาติหน้าเขาจะเกิดที่ไหนก็ตาม.”

ฮวางโบหัวเราะออกมาดังๆก่อนอุทานว่า “พระเจ้า ชั้นกำลังจะตายอยู่แล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า .. โอ เขานี่หลุดโลกจริงๆเลย!”

ยองแซงซึ่งนั่งเงียบก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองในถาดจนอิ่มแล้ว เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า “เรื่องของเรื่องก็คือ คุณไม่สามารถที่จะหัวเราะออกมาดังๆได้ เพราะเวลาที่เขาพูดถึงเรื่องอะไรทำนองนี้ ลีดเดอร์ของเราจะจริงจังสุดๆ...ราวกับว่าเขาอาจจะทำอย่างนั้นจริงๆก็ได้”

ฮวางโบพยายามกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ก่อนตอบว่า “ใช่จ้ะ...บางทีเขาก็สามารถจะพูดจาจริงจังเกินเหตุ...”

จุนเบบี้หลังจากปล่อยจองมินพูดมาพักนึงแล้ว เริ่มส่งยิ้มหวานแล้วเรียกเธอด้วยเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ฮะ”

ฮวางโบถามกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า “จ้ะ ว่าไง?” <อย่าบอกว่าหิวน่ะ>

“พี่พอจะมีเวลาแวะไปเยี่ยมพวกเราที่บ้านบ้างมั้ยฮะ?”น้องเล็กเบบี้เริ่มอ้อน

“หา? ชั้นเหรอ?...พี่ไปที่นั่นได้ด้วยเหรอ?”ฮวางโบถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก


จองมินตอบทันทีว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะฮะ? แม้แต่แม่บ้านที่มาทำความสะอาดยังเข้าๆออกบ้านเราได้สบายเลย”

“อ้อ...งั้นพี่ก็กำลังถูกเชิญไปในฐานะของแม่บ้านอย่างนั้นรึเปล่า?”ฮวางโบกล่าวติดตลก

ยองแซงรีบตอบทันทีว่า “ถ้าขืนพวกเราทำแบบนั้น มีหวังคงถูกฆ่าตายยกหมู่กันหมดแน่เลย?”

“ว่าไงน่ะ?” ฮวางโบถามด้วยความแปลกใจ

ยองแซงตอบ “ไม่ว่าพี่จะไปในฐานะพี่สะใภ้หรือว่าแม่บ้าน ก็คงจะจบลงด้วยการไปทำงานบ้านให้พวกเราทั้งคู่...แต่ถ้ามีคนพูดขึ้นมาว่าพี่ไปที่บ้านพวกเราเหมือนเป็นแม่บ้านทำความสะอาดล่ะก็ ลีดเดอร์คงจะต้องโกรธสุดๆอย่างแน่นอน!”

“หุหุ! พี่กำลังสงสัยจริงๆนะว่า...เขาทำให้พวกเธอเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาเคยพูดกับพวกเธอถึงเรื่องนี้ด้วยรึ?”

จองมินตอบ “เขาไม่ได้พูดถึงมันบ่อยๆหรอกฮะ...แต่เมื่อไหร่ที่เขาพูดขึ้นมาแล้วล่ะก็...เขาจะจริงจังสุดๆ ดังนั้นพวกเราเลยจำได้ขึ้นใจเลยฮะ...”

จุนเบบี้เสริมทันทีว่า “เวลาที่ลีดเดอร์พูดถึงพี่สะใภ้ทีไร เขาจะจริงจังมากถึงมากที่สุดเลยฮะ...แอบน่ากลัวหน่อยๆด้วยซ้ำ”

“น่ากลัว? ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ?”

จุนเบบี้ตอบ “ก็เขาอาจจะพูดอีกว่าเขาต้องการจะแต่ง.”

แต่เบบี้พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกยองแซงเอาข้อศอกกระทุ้งที่สีข้างเบาๆเพื่อเป็นการเตือน น้องเล็กสะดุ้งหยุดพูดทันที ได้แต่ก้มหน้ายิ้มเขินๆ...

ฮวางโบรู้สึกเศร้านิดๆเมื่อได้ยิน และคิดในใจว่า < ถ้าเขาสามารถแต่งงานได้ตามที่เขาต้องการ...เขาจะมีท่าทางที่ดูหดหู่สิ้นหวังแบบนั้นมั้ยนะ...?>

จองมินรีบเปลี่ยนเรื่องถามขึ้นมาว่า “ตกลงพี่จะไปได้มั้ยฮะ?”

“แล้วพวกเธออยากให้ชั้นไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

“พี่ว่างตอนไหนล่ะฮะ?”

“ชั้นว่า คืนพรุ่งนี้น่าจะได้นะ”

“งั้นพี่ก็มาคืนพรุ่งนี้แล้วกันนะฮะ เพราะว่าพี่พลาดงานวันเกิดของยองแซงไป...”จองมินตอบ

“อะไรน่ะ? วันเกิดยองแซง เมื่อไหร่กันเหรอ?”ฮวางโบถามด้วยความแปลกใจ

“วันเดียวกับที่ลีดเดอร์เดินทางไปมาเก๊าฮะ” เสียงเจ้าของวันเกิดแก้มป่องตอบเบาๆ

จองมินจัดแจงพูดต่อทันทีว่า “ไหนๆเขาก็เป็นเหมือนกับน้องสามีของพี่คนนึง ดังนั้นช่วยกรุณาเตรียมอาหารที่เริ่ดๆให้เขาหน่อยนะฮะ...”

ฮวางโบทำหน้างงสุดๆแล้วพูดไปว่า” ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ...นี่เธอไม่ได้พยายามจะแกล้งชั้นอยู่ใช่มั้ย?’

จองมินตอบ “เปล่านะฮะ ผมก็แค่อยากรู้ว่าพี่น่ะแคร์พวกเรามากแค่ไหนเท่านั้นเอง”

“แคร์ เหรอ!!! T_T อา..จองมิน” <ต้องมีแผนอะไรอีกแน่ๆเลยใช่มั้ย?>

จองมิน “ว่าไงฮะ? “

“บอกตามตรง พี่น่ะกลัวเธอจริงๆนะ คราวนี้เธอจะคอยชี้นิ้วสั่งให้ทำอะไรอีกรึเปล่าฮึ?” ฮวางโบตอบ

จองมินตอบ “คราวนี้ผมจะหุบปากให้สนิทเลยฮะ..แต่ว่ายองแซงจะรับหน้าที่นี้เอง”

ฮวางโบหันไปมองหน้ายองแซงด้วยท่าทางกังวล

ยองแซงบอกฮวางโบด้วยเสียงนุ่มๆว่า “แค่พี่ทำหมูชุบแป้งทอดให้ทานผมก็มีความสุขแล้วล่ะฮะ...ผมไม่ขออะไรมากไปกว่านี้เพียงแต่ว่า...คุณภาพและรสชาติขอให้ใกล้เคียงกับร้านอาหารในโรงแรมระดับ 5 ดาว นิดส์นึงนะฮะ..”

เมื่อได้ยินเมนูตามคำขอฮวางโบก็แหงนหน้าขึ้นไปทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้แล้วตอบไปว่า “บางที...นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ลีดเดอร์ของเธอคาดการเอาไว้รึเปล่า? เรื่องแย่ๆที่เขากลัวว่าอาจจะเกิดขึ้นน่ะ...ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะเข้าไปในที่ๆไม่ควรไปยังไงก็ไม่รู้น่ะ”

จองมินว่า “หลังจากพวกเราทานอาหารฝีมือพี่กันเสร็จแล้ว เราก็จะเล่ารายละเอียดแบบครบทุกเม็ดให้ลีดเดอร์ของเราได้รับทราบผ่านทางทีวีดาวเทียมฮะ...^^”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...เขาจะต้องหัวเสียสุดๆไปเลยล่ะ...” ฮวางโบตอบอย่างขำขัน

“ผมว่าเขาอาจจะรีบบินกลับมาที่นี่เลยก็ได้นะ...ฮิฮิฮิฮิ...”ม้ามินส่งเสียงหัวเราะชอบใจ

ฮวางโบได้แต่รู้สึกขอบคุณพวกน้องๆอยู่ในใจที่พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับว่าเป็นพี่สาวของพวกเขาจริงๆ

<ฮยอนจุง เธอจะแยกตัวออกมาจากน้องๆที่น่ารักพวกนี้ได้อย่างไรกัน? ชั้นโอเคนะ..ถ้าเธอจะทำมันต่อไปมากเท่าที่เธอต้องการ ในขณะที่เธอยังสามารถเปล่งประกายด้วยพลังแห่งความสดใส...ฉายแสงที่เจิดจ้าของเธอออกมาให้ทุกๆคนได้เห็น ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขและสดใสของเธอ...เพราะว่าชั้นไม่เป็นไรจริงๆ>

ช่วงบ่ายของวันต่อมา ที่อพาร์ทเมนท์ของฮวางโบ
ในขณะที่ฮวางโบกำลังก้าวออกมาจากลิฟท์ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ๆเหมือนมีคนกำลังวิ่งออกไปจากบริเวณใกล้ๆห้องพักของเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็พบร่องรอยการวาดภาพแบบสดๆใหม่ๆด้วยปากกาเมจิคสีแดงเหมือนเลือดอยู่ตรงนั้น ฮวางโบได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าห้องไป

จากนั้นเธอก็เริ่มลงมือตระเตรียมข้าวของลงในตะกร้าปิกนิคสำหรับเมมเบอร์ทั้ง 4 ของวง SS501 ขณะที่กำลังทำอยู่เธอหยุดชะงักไปครู่นึงก่อนจ้องมองไปที่ประตูแล้วคิดในใจว่า

ถึงแม้ว่าข้อความและรูปภาพเหล่านั้นมันจะทำให้ชั้นต้องเจ็บปวดในฐานะที่เป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ แต่ว่า..คนที่ลงมือทำนี่สิ..เธอจะรู้ตัวบ้างมั้ยว่าการทำแบบนี้มันเป็นการทำร้ายจิตวิญญาณของตัวเธอเองมากขนาดไหน…?

ไม่นานนัก เธอก็จัดของลงตะกร้าจนเสร็จและเดินออกมาที่ลิฟท์เพื่อลงไปข้างล่าง หลังจากที่เธอเดินเข้าไปในลิฟท์ ก็มีสองสาววัยรุ่นหน้าตาไร้เดียงสาค่อยๆเดินขึ้นมาจากช่องบันได จากนั้นก็จัดการงัดเอาปากกาเมจิคขึ้นมาวาดผลงานที่ค้างเอาไว้ต่อ ทันใดนั้นเองเด็กสาวซึ่งยืนอยู่ด้านซ้ายก็หยุดชะงักแล้วค่อยๆหันหลังกลับมาอย่างช้าๆ จากนั้นเพื่อนอีกคนก็เริ่มรู้ตัวว่ามีเรื่องผิดปกติและหันกลับมาดูด้านหลังเช่นกัน

แล้วทั้งคู่ก็ได้พบว่าฮวางโบกำลังยืนมองดูพวกเธอวาดภาพกันอยู่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง

สองสาวยืนตัวแข็งด้วยความตกใจส่วนสายตาก็สอดส่ายพยายามมองหาทางหนีทีไล่กลับไปทางบันได

ฮวางโบพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า “อย่าเพิ่งหนีไปไหนเลยนะ ชั้นก็แค่สงสัยว่าพวกเธอเป็นใครกัน...”

เด็กสาวคนที่ 1 มองดูเธอด้วยท่าทางหวั่นกลัว

ฮวางโบชวนเด็กทั้งสองด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “เข้าไปคุยในห้องของชั้นกันซักครู่ก่อนสิ”

เด็กสาวคนที่ 2 เมื่อได้ยินคำชวนก็โพล่งขึ้นมาทันทีว่า “นี่คุณล้อพวกชั้นเล่นรึไง? ชั้นรู้นะว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไรน่ะ... “

“เธอคิดว่าชั้นจะทำอะไรล่ะ? ไหนลองบอกมาสิ ถ้าเธอตอบถูก ชั้นจะให้เครื่องประดับของชั้นเป็นรางวัล”

เด็กสาวคนที่ 2 จ้องหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร....

“เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ชั้นจะให้ของพวกเธออยู่ดีถึงแม้ว่าเธอจะตอบไม่ถูกก็ตาม”

เด็กสาวคนที่ 1 หันไปมองหน้าเพื่อนก่อนพูดว่า “นี่เธอ เอาไงดีล่ะ...”

เด็กสาวคนที่ 2 ยังคงจ้องมองเธอไม่วางตา ก่อนพูดต่อไปว่า..”คุณคิดว่าจะหลอกชั้นได้งั้นเหรอ?”

ฮวางโบถอนหายใจออกมาพร้อมๆกับคิดในใจว่า < พวกเธอยังเด็กมากเลยนะ แต่ก็มีพิษสงไม่ใช่ย่อย...> “ทำไมพวกเธอไม่คิดว่าอย่างมากเธอก็จะถูกหลอกแค่ครั้งเดียวแล้วลองเข้ามาในห้องก่อนล่ะ?”

เด็กสาวคนที่ 1 ได้แต่ยืนงงๆเมื่อได้ยินที่เธอพูด...

“ไม่เอาน่า พี่สาวคนนี้ก็แค่อยากคุยอะไรนิดหน่อยกับพวกเธอเท่านั้น พวกเธอชอบมาเขียนอะไรต่างๆมากมายตามที่ใจเธอต้องการไว้ที่ประตูบ้านของชั้น แล้วเธอจะยอมฟังชั้นพูดบ้างซักครั้งไม่ได้เชียวเหรอ?”

เด็กสาวคนที่ 2 ยืนฟังด้วยท่าทางประหลาดใจ....

“ที่เธอโกรธเพราะว่าชั้นเรียกตัวเองว่าพี่สาวรึเปล่า? ‘งั้น...ชั้นเป็นคุณน้าก็ได้นะ? เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ...ชั้นคงยังไม่แก่เท่ากับคุณแม่ของพวกเธอหรอกใช่มั้ย?”

ในที่สุดเด็กสาวคนที่ 2 ก็ยอมจำนน หลังเจอการหว่านล้อมสารพัดรูปแบบของฮวางโบ....

ที่ห้องนั่งเล่น ภายในอพาร์ทเมนท์ของฮวางโบ


ฮวางโบยกถาดที่มีแก้วน้าผลไม้มา แล้วยื่นส่งให้สองสาว “อ่ะ นี่จ้ะ ดื่มน้ำผลไม้กันก่อนสิ”

แววตาของเด็กทั้งสองคนเต็มไปด้วยความสับสนทั้งระแวดระวังและตื่นกลัว ต่างคนต่างทำท่าลังเลก่อนที่จะรับแก้วมาแล้วยกขึ้นจิบ

“พวกเธอเรียนอยู่ชั้นไหนกันเหรอจ้ะ?”ฮวางโบนั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้าม

เงียบไม่ไม่คำตอบใดๆ...

“ถ้าให้เดา...เธอน่าจะอยู่มัธยมต้นกัน..ใช่มั้ยล่ะ?”

“พวกรูปแล้วก็คำพูดต่างๆที่อยู่ข้างหน้าห้อง...เป็นฝีมือของเธอสองคนทั้งหมดเลยรึเปล่าน่ะ?” ฮวางโบถามด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม

เด็กสาวคนที่ 1 เงยหน้าขึ้นมาแล้วรีบบอกว่า ..”.ไม่ใช่นะ ชั้นเปล่า”

“ชั้นเดาว่าคงจะมีอีกหลายคนสินะ...” ฮวางโบพูดต่อทันที


“ไม่เป็นไรหรอกนะที่ชั้นถูกกระทำด้วยสิ่งเหล่านั้น...อืมม ที่จริงมันก็ไม่โอเคเท่าไหร่หรอกนะ...แต่ว่าชั้นสามารถรับได้...แต่ในทางตรงข้าม พวกเธอน่ะสิที่กำลังมีปัญหา”

ทั้งสองก้มหน้าลงต่ำแต่ก็ยังแอบชำเลืองมองดูเธอ...

“ชั้นไม่จะไม่เป็นไรตราบใดที่ชั้นไม่ได้ใส่ใจแล้วก็ไม่อ่านคำพูดเหล่านั้น...ชั้นอยากจะรู้จริงๆนะว่า ตอนที่วาดภาพพวกนั้นน่ะ สภาวะจิตใจของพวกเธอเป็นแบบไหนกัน...? เฮ้อ” ฮวางโบพูดด้วยความรู้สึกเป็นห่วงแทน

ขณะที่ฟังสายตาของทั้งคู่ก็เริ่มดูแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง...

“การทำเรื่องแบบนี้...มันจะทำให้พวกเธอต้องทุกข์ทรมานใจมากขึ้นในท้ายที่สุด...เมื่อเธอได้สาปแช่งหรือว่ากระทำเรื่องแย่ๆต่อใครซักคน ท้ายที่สุดเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นมันก็มักจะย้อนกลับเข้ามากัดกินตัวเธอเอง...”

เด็กสาวคนที่ 2 พูดพึมว่า..”นั่นมันไร้สาระสิ้นดี”

ฮวางโบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูดต่อไปว่า...”ชั้นไม่แน่ใจว่าเธอจะเข้าใจสิ่งที่ชั้นพูดไปได้มากซักแค่ไหน...ถ้าเธอรักใครซักคน เธอก็ควรจะมอบความรักให้เขาอย่างเต็มหัวใจต่อไปให้ถึงที่สุด”

“.....................”

“แบบนั้นมันจะเป็น...สิ่งที่ดีสำหรับเธอ แต่ว่า...ความเกลียดชังนี่มัน...มีแต่จะคอยทำลายตัวของเธอเอง..และนั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอจะได้รับจากความรู้สึกเกลียดชัง”ฮวางโบยังคงพูดต่อไป

“.....................”

“บางทีสิ่งที่ชั้นกำลังพูดอยู่...มันอาจจะเข้าใจยากเกินไปสำหรับพวกเธอ”

“....................”

“พวกเธอเป็นแฟนคลับของพี่ฮยอนจุงกันใช่มั้ย?”

เด็กสาวคนที่ 2 มองตาขวางๆก่อนพูดขึ้นมาว่า “อย่ามาเรียกชื่อพี่ชายของเราแบบนั้นนะ!”

ฮวางโบมองเด็กสาวพวกนั้นพลันคิดในใจ <อะไรทำให้พวกเธอกลายเป็นแบบนี้ได้นะ...?>

เด็กสาวคนที่ 2 โพล่งขึ้นมา “มันทำให้ชั้นรับไม่ได้สุดๆที่ผู้หญิงอย่างเธอมาใกล้ชิดกับพี่ชาย!”

“ผู้หญิงอย่างชั้นเหรอ?” ฮววางโบถามด้วยความแปลกใจ

เด็กสาวคนที่ 2 ตอบ “ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกเท่านั้นที่จะคู่ควรกับพี่ชายของเรา และเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ไม่มีวัน!”

ฮวางโบเหลือบตาลงต่ำก่อนถามกลับไปว่า..”.ถ้างั้น ใครกันล่ะที่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกน่ะ?”

“ชั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกัน..แต่ยังไงที่แน่ๆเธอก็ไม่ใช่คนๆนั้น!” เด็กสาวคนคนที่ 2 ตอบ

ฮวางโบถอนหายใจออกมา “เรื่องนั้นน่ะชั้นรู้อยู่แล้วนะ ไม่ใช่แค่ว่า ชั้นไม่ใช่คนสวยที่สุดในโลกหรอกนะ แต่ในเมืองนี้ชั้นก็ไม่ใช่คนที่สวยที่สุด หรือแม้แต่ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ 3 คนนี่ ชั้นก็ยังไม่ใช่คนที่สวยที่สุดอยู่ดี....”

เด็กสาวคนที่สองมองหน้าเธอด้วยความงงสุดขีด

“การที่จะเป็นคนสวย มันขึ้นอยู่กับการที่เธอมองดูสิ่งต่างๆรอบตัวของเธออย่างไร...เธอก็เหมือนกันนะ สามารถจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกได้เช่นกัน” ฮวางโบตอบ

เด็กสาวคนที่ 2 สวนขึ้นมาทันทีว่า “นี่พูดจาไร้สาระอะไรของเธอกันเนี่ย?”

ฮวางโบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ไร้สาระเหรอ? เธอนี่ การเลือกใช้คำของเธอมัน...เฮ้อ”
มาถึงตอนนี้เด็กสาวคนที่ 1 เริ่มมีท่าทีที่ดูเป็นศัตรูคู่อาฆาตลดน้อยลง

“เธอสามารถจะเป็นคนที่สวยงามมากขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเธอพูดแต่สิ่งที่ดีๆและคิดแต่เรื่องที่ดีและสวยงาม” ฮวางโบตอบ

“.....................?”

ฮวางโบพูดต่อ “ความคิดที่ชั่วร้ายมันจะทำให้คนๆนั้นดูน่าเกลียดน่าชัง...ตอนนี้พวกเธอก็มีหน้าตาที่น่ารัก แต่ว่าเธอจะทำยังไงถ้าเธอกลายเป็นคนน่าเกลียดน่ะ?”

เด็กสาวคนที่ 2 ตอบ “พวกเราเป็นแค่เด็กนะ! อย่าพยายามแกล้งพูดคำหวานกับพวกเราด้วยเรื่องด้วยแบบนั้น...”

“ชั้นไม่ได้พยายามพูดคำหวานกับเธอนะ (ถอนหายใจแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟา) อา พอแค่นี้แล้วกัน! ชั้นเดาว่ามันคงเกินความสามารถของชั้น...ตอนนี้ชั้นต้องรีบไปแล้วล่ะ..พวกเธอสองคน เอ้า ลุกได้แล้วจ้ะ”

สองสาวทำท่าลังเลก่อนจะลุกขึ้นยืนตามที่เธอบอก

“อา! รอแป๊บนึงนะ..”.พูดจบฮวางโบก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน

เด็กสองคนได้แต่ยืนมองหน้ากันด้วยความอึดอัด แต่ไม่ช้าฮวางโบก็กลับออกมาจากห้องพร้อมกับถือแหวนกับสร้อยคอติดมือมาด้วย

“นี่ไง ของที่ชั้นสามารถจะให้พวกเธอได้ก็มีเท่านี้ล่ะนะ...ของอย่างอื่นมันแพงเกินไปที่จะให้...ลองเลือกกันดูแล้วกันว่าใครจะเอาชิ้นไหน...เฮ้ แต่ยังไงมันก็เป็นทอง 18K เชียวนะ...”ฮวางโบพูดพลางกับยื่นของให้


สองสาวยืนจ้องเครื่องประดับที่เธอส่งให้ตาเป็นประกาย จากนั้นก็หันมามองหน้ากัน

“ชั้นยังไม่เคยให้แฟนคลับตัวเองเข้ามาในห้องเลยนะ....จริงๆนะเนี่ย แอนตี้แฟนกลับมีพลังมากกว่าซะอีก...ที่ชั้นให้ของพวกนี้กับเธอก็เพราะว่าพวกเธอเป็นแขกคู่แรกที่เข้ามาให้บ้านชั้น...เอ้า..เลือกสิ เร็วๆเข้า”ฮวางโบตอบ

เด็กสาวคนที่ 1ทำท่าลังเลแต่แล้วก็ยื่นมือไปหยิบสร้อยคอ...” ชั้นเอา...อันนี้”

เด็กสาวคนที่ 2 เริ่มโวย “นี่เธอ...อันนั้นมัน.”

เด็กสาวคนที่ 1 “ อะไรนะ? ชั้นเลือกก่อนนี่นา”

เด็กสาวคนที่ 2 เถียงทันที “ชั้นก็จะเลือกมันเหมือนกันนี่ ชั้นกำลังมองดูมันอยู่เลยนะ”

เด็กสาวคนที่ 1 “ แต่ชั้นเป็นคนที่มองมันก่อนเธอนะ!”

“ชั้นกำลังจะหยิบมันขึ้นมาแต่เธอน่ะมาผลักชั้นออกไป” เด็กสาวคนที่ 2 เถียงขาดใจ

เด็กสาวคนที่ 1 เถียงกลับทันที “ชั้นไปผลักเธอเมื่อไหร่กัน? ชั้นก็แค่ยื่นมือออกไปหยิบสร้อยเท่านั้น!”

“เงียบเลย!!! ทั้งสองคน” ฮวางโบส่งเสียงดุๆห้ามทัพสองสาว

ซึ่งก็ได้ผล ทั้งสองคนสะดุ้งโหยงกลับมายืนก้มหน้ามองพื้น

“ทำไมต้องทะเลาะกันด้วยล่ะ ทั้งๆที่เธอก็มีวิธีที่ดีที่จะตกลงเรื่องนี้กันได้ไม่ใช่หรือ?”

สองคนได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก...??

“มายืนหันหน้าเข้าหากันสิ! “ ฮวางโบออกคำสั่งทันที

แต่สองสาวกลับยืนกระพริบตานิ่งไม่ขยับเขยื้อน

“ยืน หันหน้าเข้าหากัน ให้ไวเลย !”

สองสาวยังลังเลเล็กน้อยก่อนขยับตัวหันหน้าเข้าหาหัน

“มาเล่นเป่ายิ้งฉุบ ตัดสินกัน” ฮวางโบงัดเอาแผนปรองดองขึ้นมาใช้ทันที

“ว่าไงนะ?” เด็กสาวคนที่ 1 ถามเสียงหลง

“ชั้นบอกว่าให้เล่นเป่ายิ้งฉุบกันไงล่ะ” ฮวางโบตอบ

สองสาวพูดพร้อมกันช้าๆ “ค้อน...กรรไกร...”

“นี่เธอ นี่มันเป่ายิ้งฉุบแบบไหนกันเนี่ย? ไม่ต้องเลย เดี๋ยวชั้นเป็นคนพูดให้เอง ค้อน! กรรไกร! กระดาษ!”ฮวางโบออกคำสั่งราวกับเป็นนักกีฬาด้านเป่ายิ้งฉุบทีมชาติ

และในที่สุดเด็กสาวคนที่ 1 ก็เป็นผู้ชนะ

ฮวางโบส่งสร้อยคอให้เธอแล้วพูดว่า “นี่จ้ะ สำหรับผู้ชนะ!”

เด็กสาวคนที่ 1 ตาเป็นประกายแวววาวก่อนจะยื่นมือไปรับสร้อยมาอย่างงงๆเล็กน้อย” ขอบคุณค่ะ”

ส่วนเด็กสาวคนที่ 2 ยืนทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา ฮวางโบจึงยื่นแหวนไปให้และพูดว่า “อ่ะ รับนี่ไปสิ นี่เธอ รู้มั้ยว่า อันนี้มันแพงกว่าสร้อยอีกนะ”

เด็กสาวคนที่ 2 พอได้ยินก็หูผึ่งหันมาถามทันทีว่า “ จริงเหรอ?”

“จริงสิ แต่ว่ามันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือว่าเธอกำลังคิดจะเอาไปขายต่อที่ไหนรึเปล่าน่ะ?” ฮวางโบพูดดักคอ

เด็กสาวคนที่ 2 เหลือบตาลงต่ำแล้วทำปากยื่นน้อยๆแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร...

ฮวางโบพูดต่อไปว่า”ชั้นไม่สนหรอกนะว่าเธอจะทำอะไรกับมัน...แต่ว่าตอนนี้พี่สาวคนนี้ต้องรีบไปจริงๆแล้วล่ะ เราออกไปจากห้องกันเถอะ!”

ด้านนอกตึกอพาร์ทเมนท์
ขณะที่ฮวางโบกำลังเอาตะกร้าปิกนิกใส่ที่ท้ายรถของเธอ เด็กสองคนก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางรีๆรอๆ

ฮวางโบเงยหน้าขึ้นมาแล้วถามไปว่า “ตกลงพวกเธอชื่ออะไรกันน่ะ บอกชั้นได้มั้ย?”

เด็กสาวคนที่ 1 ทำท่าตกใจก่อนถามว่า “ทำไมต้องรู้ด้วยล่ะ?”

ฮวางโบพ่นลมออกมาก่อนถามกลับไปว่า “แล้วทำไมถึงรู้ไม่ได้ล่ะ?”

เด็กสาวคนที่ 1 ตอบเบาๆว่า “ชั้นชื่อ อินซุน”

เด็กสาวคนที่ 2 ยังหุบปากสนิทแต่ชำเลืองมองหน้าเธอ...

เด็กสาวคนที่ 1 เอาข้อศอกกระทุ้งเพื่อน “นี่เธอ บอกพี่เขาไปสิ”

เด็กสาวคนที่ 2 ว่า “อะไรนะ? ก็ได้ๆ..ชั้นชื่อ กาอึล...”

“แหม ชื่อเพราะทั้ง 2 คนเลย เธอยิ้มน้อยๆก่อนพูดต่อว่า ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้พบกันในสถานการณ์ที่ดีเท่าไหร่...แต่ยังไงยินดีที่ได้รู้จักเธอทั้งสองคนนะจ้ะ อินซุน และ กาอึล ชั้นจะจำชื่อพวกเธอเอาไว้และจะบอกพี่ฮยอนจุงเรื่องเธอสองคนตอนที่เขากลับมาอย่างแน่นอนจ้ะ”ฮวางโบพูดพร้อมกับแตะที่ไหล่ของทั้งสองเบาๆ


สองสาวยืนตกตะลึงตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินที่เธอบอก

อินซุนพูดขึ้นทันที “บอกพี่ฮยอนจุงเหรอ?”

“ใช่จ้ะ” ฮวางโบตอบ

กาอึลว่า” คุณจะบอกว่าอะไรเหรอ?”

“หา? แน่นอน! ก็ต้องบอกความจริงน่ะสิ”ฮวางโบตอบ

กาอึลได้ยินก็ชักสีหน้าขึ้นมาทันที

“ชั้นจะบอกเขาว่าชั้นให้สร้อยกับแหวนพวกเธอไป แล้วก็ชั้นให้พวกเธอเล่นเป่ายิ้งฉุบเพราะพวกเธอทะเลาะกัน”

อินซุนถามด้วยท่าทางกระวนกระวาย “แล้ว...มีอย่างอื่นอีกมั้ย...?”

“อะไรนะ? อ๋อ เธอหมายถึงเรื่องประตูบ้านน่ะเหรอ? “ ฮวางโบยิ้มก็พูดต่อไปว่า “ เขาไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะ ถึงแม้ว่าเธอจะได้ใช้ความพยายามอย่างมากมายลงไป...ชั้นไม่สามารถจะปล่อยให้เขามาเห็นมันได้หรอก....แหมนี่มันจะดีซักแค่ไหนกันนะ..ถ้าเกิดมันมีอะไรบางอย่างบนนั้นที่จะทำให้เขามีความสุขเมื่อเขาได้เห็นมันน่ะ..”.

กาอึลก้มหน้าลงเหมือนสำนึกผิด...

ส่วนอินซุนก็มีแววตาที่แสดงความเสียใจไม่แพ้กัน...

ฮวางโบถอนหายใจแล้วตอบ “ไปกันได้แล้วล่ะ..พวกเธอจะกลับมาวาดภาพศิลปะอีกก็ได้นะถ้าเกิดเครียดเรื่องการเรียนมากเกินไปน่ะ แต่ช่วยพยายามอย่าให้มันแรงเกินไปนักก็แล้วกัน”

กาอึลเงยหน้าขึ้นมาและมองหน้าเธอด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า...

ฮวางโบรู้สึกซาบซึ้งที่ความพยายามของเธอเป็นผลสำเร็จ “ชั้นสงสัยว่า...ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของเธอรึเปล่า”

อินซุนว่า “ชั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ.”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ชั้นก็ขอโทษพวกเธอด้วยนะ” เธอส่งยิ้มกว้างก่อนพูดต่อว่า “ ยังไงก็ตาม ยินดีที่ได้รู้จักเธอทั้งคู่นะจ๊ะ เดินทางกลับบ้านให้ดีๆด้วยล่ะ”


หลังจากโบกมืออำลาสองสาว ฮวางโบก็ขับรถออกไปจากที่นั่น อินซุนและกาอึลได้แต่ยืนมองตามหลังรถด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกหลายอย่างๆสับสนปนเปอยู่ในใจของพวกเธอ

โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนที่ 89 – ตอนที่ 89 – รูปใครเอ่ย ทายซิ ><




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2553
4 comments
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 10:00:55 น.
Counter : 1373 Pageviews.

 




สวัสดีจ้า แวะมาทักทายในวันทำงาน มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ

 

โดย: หน่อยอิง 24 สิงหาคม 2553 11:28:24 น.  

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 24 สิงหาคม 2553 11:44:35 น.  

 

โบ.... สวยด้วยใจดีด้วย นางฟ้าจริงๆ Y_______Y

ขอบคุณค่ะยาย

 

โดย: ตอง IP: 119.31.42.87 24 สิงหาคม 2553 14:44:16 น.  

 

ตอนนี้น่ารักดีนะยาย เหล่าน้องเขยน่ารักได้อีก กิกิกิ... โบนี่ก็สุดยอดสวยแล้วก็ยังนางฟ้าอีก อิอิอิ... ขอบคุณยายมากๆเลยจ้ายายนาจาสู้ๆ //คอมยังเจ๊งอยู่คุยสดกับยายไม่ได้ Ssorry จริงๆ

 

โดย: มินมิน IP: 202.91.18.201, 64.255.180.59 24 สิงหาคม 2553 21:44:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.