อย่างไรก็ตามในยามที่ประเทศกำลังประสบกับปัญหารอบด้านนักลงทุนที่ดีควรวิเคราะห์ให้ออกว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหา “ชั่วคราว”หรือเป็นปัญหา “เชิงโครงสร้าง” และนำสิ่งที่วิเคราะห์มาประเมินเพื่อวางแผนกลยุทธ์การลงทุนต่อไปผมจึงขอสรุปปัญหาที่เรากำลังเผชิญต่อไปนี้ครับ

1) ปัญหาส่งออก ... ผมเข้าใจว่าปัญหานี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่หากไม่รีบแก้ไขจะส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างอย่างแน่นอนเนื่องจากรายได้บ้านเรานั้นพึ่งพิงการส่งออกเกิน 50% แต่ปัญหานี้มีทางออก ด้วยการนำสินค้าไปผลิตที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนต่างๆและส่งกลับมาบรรจุในบ้านเราเพื่อส่งออกอีกที หากปัญหานี้แก้ไขได้สำเร็จโอกาสก็จะเปิดออกอีกครั้งครับ

2) ปัญหาการค้ามนุษย์ ... ปัญหานี้ผมเข้าใจว่าเป็นปัญหาที่ “เรื้อรัง” มานานแต่หากเราเร่งแก้ไข ปัญหานี้ก็จะหมดไป ถือเป็นปัญหาชั่วคราวในมุมมองของผม และเมื่อแก้ไขได้แล้วก็จะกลับมาเป็นปกติ

3) ปัญหาการบิน ... นี่ก็เป็นปัญหาชั่วคราวเช่นกันถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะปรับปรุงแก้ไขหากแก้ไขสำเร็จแล้วคิดว่าโอกาสจะเปิดออกมาอย่างมากครับ

4) ปัญหาหนี้ครัวเรือน ... ปัญหานี้ในมุมมองของผมนั้นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างแนวทางแก้ไขก็คือ การลดต้นทุนดอกเบี้ยให้น้อยลง ผ่านการปล่อยสินเชื่อในระบบทดแทนการปล่อยสินเชื่อนอกระบบ

5) ปัญหาภัยแล้ง ... แน่นอนที่สุดว่าเป็นปัญหาชั่วคราวแต่หากไม่มีการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร มันจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง และหากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำเกษตรหันมาใช้น้ำให้น้อยลง ไม่ให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรน้ำปัญหานี้ก็จะหมดไปได้ในที่สุดครับ

จากการประเมินวิเคราะห์ภาพดังกล่าวพบว่า บ้านเราอยู่ในช่วงอ่อนแอ และศัตรูก็จะชอบช่วงเวลานี้เพื่อโจมตีให้อ่อนแอลงไปอีก อย่างไรก็ตามในอนาคตยังมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างขนาดใหญ่รออยู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะพลิกโฉมประเทศไทยใหม่ ยกตัวอย่างเช่นการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเมือง และรถไฟฟ้าระหว่างเมืองเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะทำให้ GDP ของเราขยับขึ้นหลาย % แบบสบายๆนอกจากนั้นยังมีตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมีกว่า 20ล้านคนต่อปีเข้าไปแล้ว บวกด้วยการค้าชายแดนที่เติบโตขึ้นทุกปี... ผมเข้าใจว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันอย่างแน่นอน แต่เราต้อง “อดทน”ในห้วงเวลานี้

สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในปัจจุบันแม้แต่ในตลาดหุ้นยังมีเสียงสะท้อนจากนักลงทุนที่แสดงถึงความ “ท้อแท้” หมดกำลังใจหุ้นไม่ขึ้น มีหลายคนเริ่มโชว์พอร์ตที่ตัวเองขาดทุนอย่างหนัก ในเวลานี้...หากเราถอยการจะกลับมายึดชัยภูมิดีๆอีกครั้งจะต้องใช้สรรพกำลังมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าสำหรับผมแล้วกลยุทธ์ที่ใช้ในยามนี้ก็คือ “อดทน” รอให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเหมือนเป็น “เกมวัดความอดทน” เพราะไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะหยุดอยู่อย่างนั้นไปตลอดกาล...

“นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว” คือ กลยุทธ์ที่ใช้ต่อสู้กับเกมวัดความอดทนนั่นเองครับ

NAIWAENTAMMADA

#หนังสือน่าอ่าน : ชื่อหนังสือ กลยุทธ์ลงทุนหุ้นโตเร็ว GROWTH INVESTOR

การลงทุนในเชิง “ปลอดภัยไว้ก่อน” หรือนายแว่นธรรมดาจะเรียกมันว่า SAFETY INVESTORหรือการลงทุนอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่คิดว่าทำอย่างไรจึงไม่ขาดทุน ก่อนที่คิดว่าจะทำกำไร และผมเองก็ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่า หากเราไม่เสี่ยงเสียบ้างบางทีนักลงทุนก็จะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพอร์ตหุ้นของตนเองได้!

อย่างไรก็ตามการเสี่ยงอย่างไร้หลักการ สำหรับผมแล้วถือเป็นความเสี่ยงสูงสุด แต่หากเราเสี่ยงอย่างมีหลักการ โอกาสประสบความสำเร็จก็จะเปิดออกมา และการที่เราเริ่มที่จะรู้จักก้าวออกมาจากเขตปลอดภัยนั้นทำให้ใครหลายคนร่ำรวย และมั่งคั่งมาอย่างมากมายแล้วครับ!