พฤศจิกายน 2549

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
บทวิพากษ์ระบอบประชาธิปไตยไทย(1.จิตวิญญาณประชาธิปไตย)
คำว่า"จิตวิญญาณประชาธิปไตย" หลายคนพูดและใช้คำๆนี้บ่อยๆ เพื่อแสดงความคิด ความเห็น คำว่าจิตวิญญาณของนักประชาธิปไตยฟังดูเพราะ สวยหรู อลังการ ก็จริงอยู่ แต่จำเป็นต้องถามให้แน่ใจว่าในชีวิตจริงของคนไทยเราขณะนี้มันมีอยู่หรือไม่ ทุกคนได้พกพาจิตวิญญาณประชาธิปไตยที่ว่านี้ออกจากบ้านไปทำงาน ถือไว้ในขณะแสดงความคิดเห็นต่อคนอื่นหรือไม่ หรือพกไปทำการเลือกตั้ง ด้วยหรือไม่ หรือแค่ไปตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดบังคับเท่านั้น เหตุที่เราจำเป็นต้องแปลความหมายของคำนี้ให้ชัดเจน ก็เพื่อให้สำเร็จประโยชน์จากการใช้ความหมายของคำ ทุกคนจะได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ และมีทัศนะในการวางตัวให้อยู่ในกรอบที่ถูกต้อง เพราะว่าถ้าแปลความหมายผิด การกระทำก็จะผิดตาม เช่นถ้าพูดให้ติดตลก หากคำว่าจิตวิญญาณประชาธิปไตย หมายถึงจิตวิญญาณแบบที่ชาวบ้านทั่วไป เข้าใจกันละก็ คำว่าวิญญาณนั้นก็คงออกไปในลักษณะวิญญาณของภูตผี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาจจะสรุปเชิงประชดได้ว่าวิญญาณที่ว่านี้คงยังไม่เข้าสิงคนไทย ประเทศไทยจึงไม่เป็นประชาธิปไตยเสียที ดอกกระมัง นั่นทีเดียว
อันที่จริงระบอบประชาธิปไตยในหน่วยเล็กที่สุดนั้น ต้องบอกว่าอยู่ภายในใจตัวของเราเอง ดังนั้น ประชาธิปไตยจึงต้องใช้ควบคู่กับสติและปัญญา และสติ ปัญญา ต้องควบคุมความเป็นประชาธิปไตย เพราะอารมณ์ควบคุมประชาธิปไตยไม่ได้ ดังนั้นระบอบประชาธิปไตยประชาชนจึงควรเป็นผู้มีสติปัญญา เป็นผู้ปกครองตัวเองได้ ซึ่งจริงๆแล้วสามารถทำได้ บางคน อาจจะไม่เชื่อว่าจิตใจของคนสามารถฝึกฝนได้ คนที่นับถือศาสนาพุทธ หรือแม้แต่คนทั่วไปถ้าได้รับการฝึกดีแล้วนั้น เขาสามารถเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้านในตัวคนเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่นพระพุทธเจ้า ที่ฝึกฝน พากเพียรเข้มงวดกับตัวเอง ต่อสู้คัดค้านกับตัวเอง วิพากษ์ตัวเอง หาข้อบกพร่องของตัวเอง จนควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ และ หรือกระทั่งในความเป็นจริงของปัจจุบันนี้ก็เชื่อว่ายังมีคนดีที่สามารถฝึกฝนตัวเอง เตือนตัวเองได้ ค้านตัวเองได้ ควบคุมตัวเองได้ อยู่ไม่น้อยในสังคมไทย ดังนั้นเวทีของสภานั้นอาจไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในสภาเสมอไป เราอาจจะสร้างสภาภายในจิตใจของเราเองก็ได้ ถ้าเรามีความกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องพอ การมีรัฐสภาโดยกำหนดให้มีฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาลโดยมีการแสดงออกถึงความคิดเห็น ในรูปแบบของของการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฏรปัจจุบันนั้น ถือว่าเป็นสภาภายนอก ที่เป็นตัวสะท้อนสภาภายใน ปัญหามีอยู่ว่าถ้าสภาภายใน(ใจ) ซึ่งถือว่าเป็นแก่นแกนของ สภาภายนอก ได้มีการอภิปรายไปแล้ว ปรากฏว่าพรรคฝ่ายชั่ว ชนะโหวต พรรคฝ่ายดี นั่นก็จะมีผลกระทบถึง สภาภายนอกด้วย คนชั่วก็จะชนะคนดีไปด้วย สิ่งที่เรียกกันว่า กิเลส ความพ่ายแพ้แก่ตัณหา ทำให้หลายคนในรัฐสภาลืมตัว หรือไม่รู้ตัว หรือไม่รู้ว่าไม่รู้ ว่าตัวเองเล่นบทบาทที่เขาสวมให้อย่างไม่ลืมหู ลืมตา กล่าวคือ เล่นบทบาทของสภาภายนอก ในนามของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ที่จะต้องสนับสนุน หรือค้านไปทุกเรื่องอย่างมีทิฐิมานะ มีอวิชชา โดยลืมบทบาทของการเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย ลืมบทบาทของความเป็นพลเมืองของชาติไป ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องนั้น ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องสามารถเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านได้ในตัวคนเดียวกัน คือมีภาวะของสติปัญญาเป็นพื้นฐานในการดำเนินงาน ทางกาย วาจา และใจแสดงความคิดความเห็นอย่างเที่ยงธรรม ประเทศชาติจึงจะไปรอด



Create Date : 06 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2549 11:16:51 น.
Counter : 748 Pageviews.

4 comments
  
แวะมาให้กำลังใจ จขบ.
อ้อ ยืมรูปไปใช้ด้วยนะ
โดย: หอมกร วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:36:09 น.
  
ว้า ใหญ่ไป เปลี่ยนไปเอารูปการ์ตูนจากไทยรัฐในบล็อกของน้อง phenix ดีก่า
โดย: หอมกร วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:18:48 น.
  
ขอบคุณที่มาเยี่ยม แสดงความเห็นตามสบายครับ
โดย: เนื่อง มาจากเหตุ (เนื่อง มาจากเหตุ ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:24:15 น.
  

MySpace Layouts

หวัดดีค่ะ แวะมาเยี่ยมเยียน ค่ะ ประชาธิปไตย ของไทย ไม่ 100 เปอร์ ทุกวันนี้จะโหยหาประชาธิปไตย (แบบเดิมๆเพื่อไร) ทำไม ประเทศอื่นสามารถวิพากวิจารณ์ ผู้นำประเทศ นายก ได้อย่างเสรี แต่ ประเทศไทย ทำไม่ได้ นี่หรือ ประชาธิปไตย

โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:57:48 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เนื่อง มาจากเหตุ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]