ในฐานะลูกชาวนา ขอให้เกรด A บวก สำหรับเรื่องราคาข้าว ของมิ่งขวัญ
หลายปีที่ผ่านมา ราคาข้าวมีความชัดเจน และไม่สับสนตลอดมา คือมีความชัดเจน และไม่สับสนว่า ราคาตกต่ำ ตลอด.
ที่ตกต่ำ เพราะกล-ไก-ตลาด เป็นตัวชี้ขาด เสมอมา เรียกว่าเป็นกลไกตลาดที่รัก ก็ว่าได้.
ที่น่าอนาถอีกอย่างหนึ่ง ก็คือทฤษฎีที่ว่า ราคาสินค้าเกษตร เป็นตัวแสดงสัญญาณของเงินเฟ้อ เมื่อเราจะต้องควบคุมเงินเฟ้อ
ดังนั้น เราจึงต้องควบคุม ราคาสินค้าเกษตร.
ซึ่งอีแบบนี้ หมาน้อยที่ไหน ไม่บอกก็รู้ว่า ชาวนาต้องจนตลอดชาติ แน่
ผมเลยชักสงสัยว่า ตำราเศรษฐศาสตร์แบบนี้ มันรับใช้ใคร
แล้วตอนเข้ารับตำแหน่ง รมต.มิ่งขวัญ ไปกล่าวสัมมนา ขณะที่อดนอน พักผ่อนไม่พอ พูดอยู่ดีๆ ก็ล้มตึงลงไป นั่นหนอ.
พูดง่ายๆว่า ก็คือเกือบเป็นลมตายไปแล้ว เพราะทำงานให้กับประชาชน
ซึ่งถ้าตายไป อาจจะดีสำหรับส่วนตัวท่าน เพราะว่าจะไม่มีใครด่าไล่หลัง ได้
เนื่องจากยังไม่ต้องทำอะไร
เพราะคนที่ ไม่เคยทำอะไร ย่อมไม่เคยทำผิด..
เอาเถิด.. ใครจะว่าอะไร ก็ให้เขาว่าไป..
แต่ในฐานะ ที่ผมเป็นลูกชาวนา คนหนึ่ง ก็ต้องขอให้กำลังใจท่าน ให้อดทนทำงานต่อไป ส่วนที่มีปัญหา ก็ขอให้แก้ไข ปรับปรุง
ความพยายาม และความตั้งใจดี ของท่าน ย่อมจะหนุ่นส่งให้ท่าน ทำงานให้สำเร็จลงได้
ท่านที่มีภูมิความรู้สูง ทั้งหลาย ที่ชาวนาต้องจนอยู่ใต้น้ำลายท่าน มานานมนั้น
ท่านจะให้คะแนนอะไร ก็ปล่อยให้ท่าน ให้ไปเถิด เพราะท่านก็ตั้งโจทย์ในแบบของท่าน ก็ให้ท่าน ให้คะแนนของท่านไป
ส่วนในฐานะลูกชาวนา ปัญญาน้อยเช่นผม ก็มีสิทธิที่จะตั้งโจทย์ในแบบของ ชาวนาเช่นกัน
สำหรับโจทย์เรื่องราคาข้าว ที่ท่านได้ทำไป จากราคาก่อนรับตำแหน่ง 6,500 บาทต่อตัน ไปเป็น 12,000 บาท (ข้าวขาว 5%-หอมมะลิ 17,000 บาท) เท่ากับเท่าตัว
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ เพราะฝนตก ดินถล่ม หรือท่านจะส่งสัญญาณ ราคาข้าว ยังไงหรือไม่ ก็ไม่ทราบ..
แต่เมื่อได้ราคาขนาดนี้แล้วละก็
ต้องขอบอกว่า ผมให้ A บวก สถานเดียว
ใครจะว่าหาผมปล่อยเกรด ยังไง ก็คงต้องให้ว่าไป...
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
รมต.มิ่งขวัญ เคยเป็นเป็นผู้บริหารด้านการตลาดมาก่อน
ความหมายของการตลาด ไม่ใช่การขายของ
แต่หมายถึงการสร้างมูลค่าให้กับสินค้า
เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ
แน่นอนว่า หลักของอุปสงค์-อุปทาน รมต.มิ่งขวัญมีหรือจะไม่รู้!
เรื่องกลไกด้านราคา มีหรือรมต.มิ่งขวัญจะไม่รู้
เรื่องของกลไกด้านตลาด มีหรือรมต.มิ่งขวัญจะไม่รู้
ลองคิดดูว่า ทำไมคนไทย จึงซื้อตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติ ราคาถูกกว่า คนต่างชาติ
นั่นเพราะปรัชญาด้านราคา สุดท้ายต้องไปรับใช้ประเทศชาติ-ประชาชน
เพื่อให้ชาวนาไทย ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก ได้ ราคาข้าวส่งออก จึงต้องให้มีราคาสูงไว้ ซึ่งร้อยปีก็เพิ่งจะมีแบบนี้มั้ง
ส่วนคนไทย ที่เป็นผู้ซื้อภายในประเทศ ก็ควรจะได้บริโภคให้ถูก จะด้วยวีธี"เฮงซวย"ขนาดไหนก็ต้องทำ
ถ้าคุณรักประชาชนอย่างแท้จริง ยกเว้นว่า คุณไม่ได้รัก..
ท่านทั้งหลาย อย่าจ่ายให้กับความหงุดหงิดของนักวิชาการ ไม่กี่คน
เพราะมันเป็นความหงุดหงิดที่มีราคาแพง และกอรปไปด้วยทุกข์เข็ญของราษฎรเสียจริง!
ขอสนับสนุนนักบริหารทั้งหลาย ที่ทำเรื่องที่ "เป็นไปไม่ได้" ให้"เป็นไปได้"
ถ้าท่านมีความฝัน นั่นแหละท่านถึงจะเป็นที่พึ่งของราษฎรได้ ส่วนคนที่พูดความจริง มักพูดอยู่ได้เพียง 2 ประโยคนี้เท่านั้น คือ"ผมไม่มีปัญญา" และทุกอย่าง "เป็นไปตามกลไกตลาด"