@@@///--มุ่งมั่นต่อไปก็เพื่อชีวิต--///@@@
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
27 พฤศจิกายน 2548
 
All Blogs
 

วิพากษ์สังคมไทย ทำไมบ้านเราต้องมีใบปริญญา .....


บทความนี้ผมเขียนด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังนิดหน่อยต่อระบบการศึกษาในสังคมไทยทุกวันนี้ มันคงเป็นความเห็นของผมซึ่งหลายท่านอาจคิดแย้ง ผมก็ไม่ถล่าปฏิเสธหรอกว่าความคิดใครถูกหรือผิด เรามันไม่อะไรที่ถูกต้องตลอดไป หรือผิดเสียทุกเวลา มันอู่ที่ที่ข้อกำหนดอีกหลายอย่างที่จะบอกว่าของใครมันถูกหรือผิด เข้าเรื่องกันดีกว่าว่าทำไมบ้านเราต้องมีใบปริญญา...

ถ้านับย้อนไปถึงสมัยโบราณก่อนที่จะมีการปฏิรูปการศึกษาในบ้านเราเป็นอย่างตะวันตก ในสังคมบ้านเราจะใช้วัดซึ่งเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญอย่างมากในแง่มุมแห่งการศึกษา เพราะวัดเป็นสถานบันทางสังคมแห่งสำคัญหัวเลี่ยวหัวแรงในการสืบสอนความรู้ให้แก่สังคมนี้ นอกวัดแล้ว ยังมีสถาบันทางสังคมอีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าวัดก็คือสถาบันครอบครัว สถาบันนี้ได้สืบต่อความความรู้จากรุ่นสู่รุ่นมาโดยตลอด ดังเห็นใช้จากวิถีชีวิตทั่วไปในสังคม เช่นพ่อเป็นชาวนาลูกก็เป็นชาวนา พ่อทำสวนลูกก็เป็นชาวสวน พ่อเป็นชาวประมง ลูกก็รู้เรื่องการประมงด้วยเช่นกัน อะไรอย่างนี้เป็นต้น ถึงผมก็ว่าวิถีแห่งสังคมไทยถูกต้องดีอยู่แล้วถ้าไม่ดีผมกว่าทำไมเราถึงประวัติศาสตร์ที่ดำรงอยู่ได้นับพันปี นี่คงเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่าภูมิปัญญาของเราดีอยู่แล้วเราปรับตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติ เราอยู่อย่างพึ่งพาธรรมชาติไม่เอาเปรียบกันมามานแสนนาน... ซึ่งถ้าไม่เกิดการล่าอณานิคมของชาวต่างชาติเกิดขึ้นในโลก เราคงอยู่อย่างสงบไม่ต้องมาวุ่นวายเหมือนอย่างทุกวันนี้ การล่าอณานิตคมของชาวต่างชาติที่เกิดขึ้นมานานเป็นร้อยปีแล้ว ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังดำรงคงอยู่ไม่ได้ศูนย์หายไปใหนหากแต่ว่าเปลี่ยนรูปแบบไป จากเดิมที่ใช้กำลังทางทหารในการเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ เป็นการเผยวัฒนธรรมรวมถึงความรู้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเข้ายึดครองความคิดของคนในสังคมต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความรู้ที่เรามีอยู่แล้วและสืบทอดกันมานับพันๆ ปีเป็นสิ่งล้าหลังไป ทำให้เกิดการละเลย ทอดทิ้งความรู้เหล่านั้น และได้มีการสร้างระบบการถ่ายทอดความรู้ในอย่างรูปแบบที่เห็นกันอยู่ปัจจุบัน...

ระบบการศึกษาในรูปแบบปัจจุบันมีการแบ่งเป็นขั้นเป็นตอนอย่างชัดเจนเรียนสำเร็จการศึกษาหนึ่งขั้นก็ได้รับประกาศนียบัตรหนึ่งใบ นี่แหละครับเป็นที่มาของใบปริญญาที่สังคมไทยต้องมี ความสำคัญของใบประกาศนียบัตรที่ได้มามันก็มีค่ามากทางสังคมเพราะนั่นหมายถึงงานหมายถึงการได้มาซึ่งโอกาสต่างๆ ในชีวิตมากมาย หลายคนยอมทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งใบประกาศเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแรงกายแรงใจ การอ่านหนังสือ เงินทองในการจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าใช้จ่ายในการหาอุปกรณ์การเรียน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ผมว่าไม่น่าจะพึงประสงค์กับการคาดหวังจากในสังคมในใบประกาศเหล่านี้ เช่นค่าจ้างทำรายงาน ค่าจ้างทำการบ้าน ค่าจ้างในการทำโปรเจคหรือวิทยานิพนธ์ ผมได้มีโอกาสได้คลูกคลีกับสิ่งเหล่านี้อยู่มาไม่น้อยกว่าสองปีแล้ว รู้สึกอึดอัดเสมอ บางสิ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องจ้าง ทางสถาบันการศึกษาให้งานเขายากไปหรือเปล่า หรือนักเรียนนักศึกษาเหล่านั้นเรียนไม่รู้เรื่อง หรือว่าอาจารย์ผู้สอนไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนไม่ได้หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้นักเรียนนักศึกษาเหล่านี้ต้องหาทางออกด้วยการว่าจ้างคำตอบของปัญหาเหล่านี้ผมคงไม่สรุปเพราะผมยังเป็นแค่ปลายเหตุของผลที่เกิดขึ้น ผมต้องคงเข้าหาสาเหตุในแง่มุมอื่นก่อนคือคงต้องเข้าไปเป็นอาจารย์ในที่ใดที่หนึงก่อนถึงจะสรุปได้ว่าทำไม? ...

ผ่านเลยมาสู้เรื่องการจ้างผมทำโปรเจค.... ผมรับจ้างทำโปรเจคให้กับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาไม่น้อยกว่า 5 ชิ้นซึ่งเป็นโปรเจคที่จะเป็นตัววัดว่าเขาจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือไม่ ซึ่งแน่นอนโปรเจคที่ผมทำให้พวกเขามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมฯเพราะความรู้ที่ผมมีเหลือตอนนี้คงไม่แต่เรื่องคอมฯ เท่านั้น ความรู้ที่ผมไปเรียนจบมาไม่ได้ใช้มาสองสามปีแล้วลืมแล้วคงคืนให้อาจารย์ไปหมดแล้วคงเหลือบ้างก็เป็นเรื่องแนวความคิด และวัฒนธรรมของกลุ่มคนที่ผมได้สัมพัสในช่วงชีวิตแห่งการเรียน การรับทำโปรเจคใจจริงผมต้องการแนะนำมากกว่า รวมถึงเป็นการสะท้อนแนวความคิดของการใช้งานโปรแกรมกลุ่ม Open Source ให้แก่สังคมด้วย ผมเชื่อว่าหากมีตัวอย่างที่ดี บ้างคงมีคน(ผมหมายถึงอาจารย์ที่สอนในสถาบันเหล่านั้น) ได้หันมาสนใจการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ รวมถึงนักศึกษาที่ผมช่วยทำโปรเจคให้เขาด้วย แต่สุดท้ายผมเพิ่งเข้าใจพวกเขามองผมแค่เครื่องมืออันหนึ่งในการทำให้พวกเขาผ่านการสอบครั้งสุดท้ายก่อนได้รับใบปริญญาเท่านั้นเอง ผมเป็นแค่เครื่องมือที่ให้พวกเขาจบแค่นั้น เชื่อใหมพวกเขาเหล่านั้นเรียนสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (ถ้าจบปริญญษตรีก็จได้วุฒิ วทบ.คอมฯ )ความรู้ของพวกเขายังด้อยกว่าคนที่ผมเจอในขณะเล่น Pirch หลายคน ผมไม่เข้าใจมากๆ ว่าทำไม พวกเขาเหล่านั้นน่าจะได้รับการขัดเกลามาบ้างจากสถาบันในเรื่องแนวความคิด ความรู้ ตลอดถึงการแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา แต่เท่าที่ผมสัมผัส(อาจฟังความข้างเดียว)ทางอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้อะไรพวกเขาเลย ความรู้ก็พึ่งผมตลอด แนวคิดไม่ต้องพูดถึงถามผมตั้งแต่เริ่มตั้งโปรเจค จนถึงสิ้นสุดการนำเสนอ นี่คงเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สังคมคาดหวังกับ บัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ไว้แค่ใหน แล้วความจริงมันเป็นอย่างไร หลากหลายคำถามที่อยู่ในหัวผม ผมก็ได้แต่หวังว่าจะหาคำตอบได้ซักวัน และคงจะเลิกช่วยพวกนักศึกษาที่ไม่เอาใหนซักที ผมคงหันเปลี่ยนไปเป็นการสอนซึ่งผมก็คิดคงยากนะที่จะสอนสิ่งที่ผมรู้ให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆ มีคนบอกผมหลายคนว่าร้านผมนะคนที่จะเข้าคือคนที่จะมาจ้างทำรายงานหรือโปรเจคเท่านั้น คงไม่มีคนที่มีความรู้มาแลกเปลียนหรอก เด็กที่เขารู้เขาก็คงหาความรู้อยู่ที่บ้าน จะมาจ้างให้ผมสอนทำไมในเมื่อสือสารต่างๆ ในวันนี้มีมากมาย ซึ่งผมก็เชื่อว่าคงมีความจริงอยู่มาก แต่อย่างไรแล้วผมก็ยากเห็นเด็กที่อยากรู้ และผมสอนให้เขารู้อย่างท่องแท้และเท่านั้นไม่ใช่ฉาบฉวยแบบที่เป็นอยู่ทุกๆ วันนี้.....

ความหมายของใบปริญญาของผมตอนนี้มันก็แค่กระดาษ A4 ที่ผมถ่ายเอกสารติดไว้ในร้านบอกให้ทุกคนรู้และอย่าได้ดูถูกคนๆ หนึ่งที่แต่งตัวตามสบาย บางวันผมไม่ได้หวี หน้าตาไม่ได้ล้างมาเปิดร้านเล่นคอมฯ หรือไม่ก็น้ำไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืนนั้งคีโปรแกรมหรือไม่ก็ทดลองโปรแกรมทั้งคืน ยังไม่ได้นอน นี่คงเป็นความสุขในชีวิตผมที่ได้ทำ ความสุขของผมคือการได้ทดลองและได้อยู่กับความคิดของตัวเอง สร้างปัญหาในใจตัวเองแล้วหาคำตอบให้ตัวเอง อยู่อย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ผมว่าผมหาตัวเองเจอแล้ว เสียงบ่นนี้มันเป็นความรู้สึกอ่อนล้าในตัวผมที่เจอคนมามากมายตลอดเวลาตั้งแต่เปิดร้าน คนถามผมตั้งแต่เข้าร้านจนออกจากร้านคำถามแต่ละคำถามผมบอกตรงๆ ว่าเหนื่อยที่จะตอบ มีตั้งแต่พิมพ์ชื่อเว็ป hotmail ไม่เป็นรู้แต่ว่าจักแต่เขา SET ไว้ให้แล้วเปิดเบลาเซอร์ก็ขึ้น hotmail เลย หาเว็ปไซด์ไม่ได้ก็ถามผม ผมรู้สึกเจ็บปวดมากมีครั้งหนึ่งมีคนถามผมให้หาเว็ปอันหนึ่งให้ผมบอกว่าไม่รู้เขาโมโหผมมาก บอกผมด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงว่าเปิดร้านเน็ตอย่างไรไม่รู้เรื่องเว็ปเลย ผมฉุนมากๆทะเลากับเขาสุดท้ายก็บอกให้เขาเดินออกไปหาร้านอื่นแล้วลองถามร้านอื่นดีกว่าร้านผมไม่รู้จริงๆ ผมมันโง่ด้านนี้ผมไม่คิดเงินเชิญ หลายหน บางคำถามผมไม่อยากตอบหลายผมไม่ใช่ทอกกิ้งดิกนะ ที่กดปุ๊บก็บอกความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษเลย ซึ่งหลายคนหาว่าผมหยิ่ง ผมไม่ได้หยิ่งหรอกบอกตรงคนที่รู้จักผมดีพอจะรู้ว่าผมคิดอย่างไร ผมยินดีเสมอถ้าจะคุยกันแต่ไม่ใช่ว่าการคุยนั้นมีแต่คำถามที่ต้องการคำตอบจากผมอย่างเดียวผมบอกตรงๆปัญหาในหัวผมมีมากมายล้วนแล้วแต่ไม่มีคำตอบ ทั้งนั้นแต่ผมจะถามใครได้เพราะถามไปก็ไม่มีคำตอบผมต้องใช้ช่วงเวลาของชีวิตตัวเองในการแสวงหาคำตอบถึงอาจหมายถึงไม่มีคำตอบเลยก็ได้จนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิตผม ....

สงวนลิขสิทธิ์โดยร้านเพนกวินคอมพิวเตอร์
1/138 ถ.ดอนนก อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000 โทร 077-912047

//www.hamtanon.org/article/why_you_have_degree.html




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2548
6 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2548 23:14:59 น.
Counter : 984 Pageviews.

 

ฟรี 10 เครื่องมือทดสอบเครือข่าย

1.> Nmap (Network Mapper) เป็นโอเพนซอร์ส ที่ //www.insecure.org/nmap
2.> N-Stealth (N-Stealth Security Scanner) มีทั้งฟรีและเสียค่าใช้จ่าย สำหรับเวอร์ชั่นฟรีก็เพียงพอต่อการตรวจสอบขั้นพื้นฐาน ที่ //www.nstalker.com/eng/products/nstealth
3.> SNMPWalk เป็นโอเพนซอร์สในโครงการ Net-SNMP ของ Carnegie Mellon University ที่ //net-snmp.sourceforge.net
4.> Fpipe ที่ //www.foundstone.com
5.> SQLRECON ที่ //specialopssecurity.com/labs/sqlrecon
6.> Enum ที่ //www.bindview.com/service/razor/utilities
7.> PsTools ที่ //www.sysinternals.com/utilities.html
8.> Netcat ที่ //www.vulnwatch.org/netcat
9.> John the Ripper ตัวแคร็กพาร์สเวอร์ดและการออดิต ที่ //www.openwall.com/john หรือที่ //securiteam.com/tools/3X5QLPPNFE.html
10.> The Metasploit Framework ที่ //www.metasploit.com



 

โดย: naigod IP: 203.118.104.250 27 พฤศจิกายน 2548 14:30:22 น.  

 

มาอ่านบทความแล้วเลยอยากเล่าให้ฟัง

ในฐานะกำลังเรียนหนังสือเพื่อให้ได้เป็นอาจารย์
ขอบอกว่า มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีใบเพื่อให้มีคุณสมบัติเหมาะสม
เพียงพอที่เขาจะรับพิจารณา

ส่วนเรื่องการจ้างทำรายงาน จ้างแปลหรือจ้างทำวิทยานิพนธ์
คิดว่าน่าจะมาจากวิธีการวัดผลการศึกษา
ถ้าลองใช้วิธีวัดผลโดยการถามหรือตอบในชั้นเรียนมากกว่าการเขียนรายงาน
จะรู้เลยว่าใครรู้จริงหรือไม่รู้จริง
แต่ก็อีก จุดมุ่งหมายของการทำรายงานคือ ฝึกฝนการเขียนและการวิเคราะห์
แต่นักศึกษาไทย ส่วนใหญ่ทุกระดับจะแค่ลอก
ยิ่งสมัยนี้มีcopy และpaste ไม่ต้องห่วงทำออกมาเร็ว
แต่ไม่ใช่ความคิดตัวเอง

อีกเรื่องหนึ่งที่ควรจะลดลงในระบบการศึกษาคือ
การทำงานกลุ่มในระดับการศึกษาที่สูงกว่าปริญญาตรี
หลายปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์ได้แล้วว่า มันไม่ได้พัฒนาตัวนักศึกษาเลยยิ่งพวกโครงการพิเศษทั้งหลาย



 

โดย: keyzer 27 พฤศจิกายน 2548 15:39:57 น.  

 

หาแฟน หน้าตาดี น่ารัก

 

โดย: cute IP: 58.10.175.162 27 พฤศจิกายน 2548 17:51:50 น.  

 

๑.เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า ซบหน้าติดดินกินทรายฯ
๒.จะเจ็บจำไปถึงปรโลก ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย อย่าหมายว่าจะให้หัวใจฯ
๓.ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์ ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้ ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณฯ
๔.แม้แต่ธุลีมิอาลัย ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตาฯ
๕.ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ

----อังคาร กัลยาณพงศ์---

 

โดย: naigod IP: 203.118.109.2 27 พฤศจิกายน 2548 20:35:03 น.  

 

พวกเค้าไม่ได้ตระหนักคุณค่าของการเล่าเรียน และให้ความสำคัญของการศึกษา

ไม่ว่าจะยุคเก่าเรียนวัด หรือที่บ้านอบมเพาะบ่มมา ตลอดจนสถาบันการศึกษา ล้วนมีจุดประสงค์อย่างเดียวกันคือถ่ายทอดความรู้ ส่วนบุคคลที่จะได้รับการถ่ายทอดและขัดเกลานั้นแหล่ะที่ไม่ตระหนักถึงคุณค่าที่จะได้รับมา และได้ทำการแบบฉาบฉวย กลายเป็นสูตรสำเร็จรูปไป จ้างเรียนมา ก็จ้างทำรายงานต่อ ใบปริญญาเลยมีค่าเป็นกระดาษ A4 สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง (แค่บางส่วนนะครับ)

 

โดย: noom_no1 27 พฤศจิกายน 2548 21:04:22 น.  

 

 

โดย: naigod (naigod ) 2 มกราคม 2549 10:54:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


naigod
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพราะชีวิตมีความฝัน..
..จึงเป็นความงดงามของการมีชีวิต
Friends' blogs
[Add naigod's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.