Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

เครื่องปลูกรองเท้านารี



“ผมได้รองเท้านารีคางกบมาสองต้น ไม่ทราบว่าจะใช้เครื่องปลูกอะไรดีครับ” คำถามยอดฮิต ฟังจนชินหู แต่ตอบยากชะมัด เพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการผสมเครื่องปลูกประการหนึ่งคือ สภาพแวดล้อมที่ปลูกต้นกล้วยไม้นั้นเป็นอย่างไร การผสมเครื่องปลูกให้กล้วยไม้รองเท้านารีที่ปลูกบนดอย ริมทะเล บนดาดฟ้า ข้างโรงรถ ล้วนต้องมีความแตกต่างกัน อีกทั้งรองเท้านารีแต่ละชนิดพันธุ์ก็มีความต้องการเครื่องปลูกบนพื้นฐานธรรมชาติที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น รองเท้านารีอินทนนท์ (Paphiopedilum villosum) และ รองเท้านารีเมืองกาญจน์ (Paphiopedilum parishii) เป็นกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบกึ่งอากาศ ในป่าธรรมชาติเราจะไม่พบกล้วยไม้ทั้งสองชนิดนี้เจริญเติบโตบนพื้นดิน แต่จะพบขึ้นตามต้นไม้ ดังนั้นการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ทั้งสองชนิดนี้จึงไม่ควรใส่ดินเป็นเครื่องปลูก เพราะจะทำให้เน่าง่าย ก่อนปลูกกล้วยไม้ชนิดใด ต้องศึกษานิสัยใจคอของกล้วยไม้ชนิดนั้นก่อนเสมอ นักปลูกกล้วยไม้มือใหม่หลายต่อหลายคนได้เพียรพยายามนำกล้วยไม้ที่อยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นพันๆ เมตร มาปลูกเลี้ยงบนชั้นดาดฟ้าตึกในกรุงเทพมหานคร แต่จะมีกล้วยไม้สักกี่ชนิดที่จะสามารถปรับตัวกับอากาศที่ทั้งร้อนอบอ้าวและความชื้นต่ำตลอดเวลากลางวันในเมืองหลวงได้

1. กาบมะพร้าว มีคุณสมบัติอุ้มความชื้นได้ดี ราคาไม่แพงและหาได้ง่าย เพราะไม้ผลยืนต้นในประเทศไทยมีมากจำนวนต้นมากที่สุดก็คือมะพร้าวนั่นเอง การใช้กาบมะพร้าวเป็นเครื่องปลูกควรเลือกมะพร้าวที่มีอายุแก่จัด นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ และควรนำมาแช่น้ำเสียก่อนหลายๆ คืน ก่อนนำไปใช้ ข้อเสียของกาบมะพร้าวก็คือมีอายุการใช้งานไม่นาน เพราะผุเปื่อยเร็ว และเป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้ดีมาก โดยเฉพาะราในกลุ่ม Fusarium และ Sclerotium
2. ขุยมะพร้าว ได้จากการตีเอาใยมะพร้าวออกไปใช้ทำเบาะ ทำที่นอน ที่เหลือคือขุยละเอียด อุ้มน้ำได้ดีมาก ใส่มากต้องระวังรากเน่า ขุยมะพร้าวที่ไม่ผ่านกระบวนการหมักเลยเป็นพิษกับรากรองเท้านารี ดังนั้นก่อนนำมาใช้เป็นเครื่องปลูกต้องแช่น้ำและตากสักระยะหนึ่งก่อน
3. ทราย ต้องเป็นทรายน้ำจืดหรือทรายแม่น้ำเท่านั้น เพราะถ้าเป็นทรายน้ำเค็มรากกล้วยไม้จะคายน้ำออกตามหลักการทางเคมี อย่างไรก็ตามก่อนการใช้ให้ปลอดภัยไว้ก่อนโดยนำมาแช่น้ำ กวนแล้วเปลี่ยนน้ำใหม่หลายๆ ครั้ง ทรายมีคุณสมบัติร่วนโปร่ง ไม่อุ้มน้ำ แต่ไม่มีธาตุอาหารที่พืชต้องการ
4. หินเกร็ด เป็นหินก่อสร้างที่มีขนาดเล็ก ใช้ผสมให้เครื่องปลูกมีลักษณะร่วน หินใหญ่ๆ ไม่เหมาะที่จะนำมาปลูก เพราะทำให้กระถางหนัก และหากถูกแสงแดดเป็นเวลานานจะดูดความร้อนเป็นอันตรายกับรากกล้วยไม้ได้อีกด้วย
5. หินภูเขาไฟ หรือ Pumice เป็นหินที่เกิดขึ้นหลังจาการเย็นตัวของหินหลอมเหลวใต้พื้นโลกที่เรียกว่า LAVA เนื้อหินจะมีส่วนประกอบหลักคือ SiO2 และ Al2O3 หินภูเขาไฟมีน้ำหนักเบาเพราะภายในมีรูอากาศ ที่ขายตามท้องตลาดมีหลายขนาด ขนาดใหญ่ขนาดประมาณเท่าหัวนิ้วโป้ง ขนาดเล็กขนาดประมาณเมล็ดถั่วเหลือง
6. อิฐมอญ อิฐมอญก่อสร้างแบบสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ชนิดไม่มีรู ทำจากดินเผา นำมาทุบให้เป็นก้อนเล็กๆ เป็นเครื่องปลูกที่ดีทีเดียว อิฐมอญทำให้เครื่องปลูกร่วน น้ำไม่ขัง แต่สามารถอุ้มความชื้นไว้ได้ดี ที่สำคัญคือราคาไม่แพง แต่มีน้ำหนักมาก หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายวัสดุก่อสร้าง อิฐมอญชนิดมีรูและชนิดมีลายมีเนื้อดินละเอียดกว่า ไม่แนะนำให้ใช้เพราะไม่อุ้มน้ำ
7. สแฟกนั่มมอส (Sphagnum moss) ชื่อก็บอกว่าเป็นมอสชนิดหนึ่ง แต่บ้านเรามีไม่พอ ต้องนำเข้า ราคาจึงค่อนข้างสูงถึงกิโลกรัมละประมาณ 600-800 บาท คุณสมบัติที่ดีของสแฟกนั่มมอสคือสะอาด การปะปนของเมล็ดวัชพืชรวมทั้งโรคและแมลงน้อย รักษาความชื้นได้ค่อนข้างดีเพราะสามารถดูดซับความชื้นได้ถึงเกือบ 20 เท่าของตัวมันเอง น้ำหนักเบาโปร่งจึงสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี สำหรับ Peat moss นั่นคือซากของมอสที่ผุผังทับถมมาเป็นร้อยเป็นพันปีภายใต้ภาวะไร้ออกซิเจนจนกลายเป็นอินทรียวัตถุ แต่สภาพทางเคมีที่ค่อนไปทางกรด อาจไม่เหมาะกับรองเท้านารีบางสาย
8. เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) เป็นอินทรียวัตถุที่ได้จากผ่านการสลายตัวมาแล้วเป็นเวลานาน คุณสมบัติคือมีความสะอาดและอุ้มน้ำได้ดี มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน
9. เปลือกถั่วลิสง ได้จากโรงงานกะเทาะเปลือก แต่ก่อนนำมาใช้ควรแช่น้ำนานๆ เป็นเดือนได้ยิ่งดี ก่อนผสมเครื่องปลูกลงกระถางก็ต้องนำมาตากแดดจัดๆ อย่างน้อย 3 แดด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อโรคที่จะทำอันตรายกับกล้วยไม้ของเรา
10. ถ่านไม้ เป็นถ่านไม้อะไรก็ได้ มีข้อดีตรงที่ถ่านไม้ต้องผ่านกระบวนการเผามาอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงไม่มีปัญหาเรื่องเชื้อโรค ถ่านทุบยังช่วยดูดซับสารบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อระบบรากได้ด้วย
11. กะลาปาล์ม เป็นเครื่องปลูกที่หาได้ง่ายทางภาคใต้ของไทย เป็นผลผลิตเหลือใช้จากกระบวนการหีบน้ำมัน กะลาที่ได้ควรนำมาเผาเป็นถ่านจะเป็นเครื่องปลูกที่ดีมาก
12. เปลือกผลก่อ เป็นเครื่องปลูกที่ดีเช่นกันที่เราพบได้ทางภาคเหนือ ก่อเป็นพืชยืนต้นขนาดใหญ่ เป็นไม้ในวงศ์เดียวกับเกาลักและโอ๊ก (Fagaceae) แต่ผลมีขนาดเล็กกว่า เปลือกมีความแข็ง ไม่อุ้มน้ำ
13. เปลือกไม้ ไม้ยืนต้นหลายชนิด เมื่ออายุมากขึ้นจะสามารถลอกเปลือกไม้ออกมาได้เป็นแผ่นๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ผสมเป็นเครื่องปลูกรองเท้านารีได้ดีเช่นกัน เช่นเปลือกของสนสามใบ เปลือกไม้ก้ามปู เป็นต้น ในปัจจุบันนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เปลือกไม้จากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างแพร่หลาย
14. ดินและซากสิ่งมีชีวิตที่ย่อยสลาย กล้วยไม้รองเท้านารีหลายชนิดมีระบบรากดิน (Terrestrial orchid) ดังนั้นเครื่องปลูกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือดิน รองเท้านารีในธรรมชาติมักขึ้นอยู่บนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีสัดส่วนอินทรียวัตถุมากเป็นพิเศษ เราอาจหมักซากพืชใช้เป็นวัสดุปลูกเอง เช่นใบกระถิน ใบก้ามปู หมักให้ผุ ปุ๋ยหมักจากไส้เดือนหรือมูลสัตว์ ก่อนใช้ต้องมั่นใจว่าผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์แล้ว และควรนำไปตากแดดอีกครั้งก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเชื้อโรคและแมลง ที่อาจติดมากับเครื่องปลูก
15. รากเฟินข้าหลวงหลังลาย (Asplenium nidus) รากเฟิร์นที่มีอายุมากๆ มีสีน้ำตาล อัดตัวแน่น นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้เป็นเครื่องปลูกได้ดี รากเฟิร์นอายุน้อยมักเป็นขุยไม่อัดตัวคล้ายขุยมะพร้าว
16. โฟม เป็นวัสดุปลูกยอดนิยมชนิดหนึ่ง โฟมบินำมาใช้เป็นเครื่องปลูกได้ มีความสะอาด โปร่งแต่ไม่อุ้มน้ำ

ยังมีส่วนผสมเครื่องปลูกรองเท้านารีอีกหลายชนิด แต่เอาแค่นี้ก่อนครับ




 

Create Date : 08 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 8 มีนาคม 2553 22:25:18 น.
Counter : 7488 Pageviews.

 

ขบอคุณน้าโหด

 

โดย: binlaman 10 มีนาคม 2553 16:07:15 น.  

 

ที่บ้านเลี้ยงไว้ 1 ต้น ใช้หินแม่น้ำเป็นวัสดุปลูก..แต่คุณ mr.orchid บอกว่า ถ้าจะให้ดี ต้องเปลี่ยนหินให้เล็กลงหน่อย..แต่ยังไม่มีโอกาสได้เปลี่ยน..เด๋วจะลอง..วัสดุที่น้าโหดแนะนำค่ะ..

 

โดย: ภัสสรา 15 มีนาคม 2553 15:37:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.