Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
15 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

โยโกโซ ตอนที่ 2 วัดอาซากุสะ

กลางคืนแม่นอนหลับๆ ตื่นๆ ด้วยนิสัยขี้ระแวงมั้ง แถมทีวีในโรงแรมก็ไม่มีโปรแกรมน่าสนใจ จากแต่แรกที่แม่นึกว่าจะลากนู๋ไปวัดตั้งแต่ตีห้า แม่เลยเปลี่ยนใจ
เอาแบบง่ายๆ สบายๆ ดีกั่วเน๊อะ
โซ้ยอาหารเช้าของโรงแรม ซึ่งเป็นบุฟเฟต์ มีข้าวปั้น และมิโซซุป อร่อยๆ แถมด้วยขนมปังปิ้ง และยังมีอาหารเอเชียอีกสองจาน เรียกชื่อไม่ถูก มีวุ้นเส้นคล้ายๆ อาหารเกาหลี อีกจานเป็นไข่ทรงเครื่อง เห็นไหม คืนละหกพัน คุ้มม่ะละ

จำได้ว่า ตั่วอี๊เคยเล่าความเปิ่นตอนโซ้ยอาหารเช้าที่นี่ เพราะไปหยิบเอาตะเกียบที่เค้าใช้แล้วมา
ทริปนี้ แม่ก็ซ้ำรอยตั่วอี๊ อีย์ แหวะๆๆๆ ที่สุด อยากอ้วกอ่ะ
ต้องโทษคนญี่ปุ่นที่แม้แต่ถาดอาหารที่กินเสร็จ ยังวางเป็นระเบียบ เนี้ยบสวยอ่า

หม่ำเสร็จ เราก็เช็คเอ้าท์ และตรงไปที่วัด โดยมีนู๋บ่นปากเปียกปากแฉะตลอดทาง แม่ต้องคอยหาทั้ง trick และ threathen มาล่อหลอกนู๋
กลับไปงวดนี้ หาร้านอุด้งคุณตาไม่เจอ เลยได้แต่เข้าแถวซื้อ ขนมมันจู ที่เจ๊อ้อกำชับมาว่า ห้ามพลาด ชิ้นนึงก็แพงนะ สองร้อยเยน แม่เลยซื้อมาสิบชิ้น กะฝากน้านุ้ย และให้พวกเราหม่ำเป็นอาหารกลางวันด้วยอ่ะ

สองข้างทาง ของวัดมีแต่ร้านรวง โชคดีที่แม่ยังไม่ทันได้บิวท์อารมณ์ แถมมีนู๋คอยก่อกวน บอกตรงๆ นะนู๋ แม่เซ็งอ่ะ ก็เลยตัดสินใจพานู๋กลับโรงแรม ไปนั่งกินขนมมันจูดีกั่ว ปรากฏว่า มรรคณิชาไม่ชอบ ตายแล้ว กรี๊ดดด แล้วนู๋จะกินอะไรละจ๊ะ แม่ไม่พานู๋กลับไปที่วัดหรอกนะ อ่ะ โชคดี ขนมปังอาม่ายังพอมีเหลือ ให้นู๋กินแก้ขัดกับนมจิตรลดาไปก่อง เฮ้อ

เนื่องจากไม่มีอะไรทำ เลยคิดว่าตรงไปสถานีรถไปดีกั่ว เผื่อมีอะไรตื่นตาตื่นใจให้ทำ แต่แรกนึกว่าจะเรียกแท็กซี่ ซึ่งไม่แพงมากอย่างที่ห่วง จากโรงแรมไปสถานนีรถไฟคงแค่เกือบสองพันเยน แต่ทีนี้ เห็นว่า มีเวลาเหลือมาก ประกอบกับตอนเดินไปวัด แม่ก็สอดส่ายสายตาไว้แล้วอย่างดี เห็นลิฟท์ของสถานนีรถไฟ เลยคิดว่า ลากกระเป๋าไปไม่น่ายาก

และก็ไม่ยากจริงๆ ถึงแม้กระเป๋าจะหนักอึ้ง และมีนู๋คอยช่วยกดน้ำหนักให้หนักยิ่งขึ้นก็เหอะ ฮ่า ฮ่า

สถานนีรถไฟอาซากุสะนี้ เป็นสถานนีเล็กๆ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ซึ่งยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างยิ่ง เราแม่ลูกเลยไปถึงสถานนีอาราชิม่า ไม่ยาก จากสถานนีนี้ต้องไปเปลี่ยนขึ้นเจอาร์ ซึ่งเราก็โชคดีอีกแร้น
ซุมิมาเซ็น ได้สาวญี่ปุ่นคนนึง ใจดีมาก พาเดินต่อรถจนถึงสุดทางเลย ซึ่งเป็นทางไกลมากทีเดียว แถมยังช่วยกดเครื่องซื้อตั๋วอีกต่างหาก

รถไฟฮิการิ ใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมง ป้าเรโกะจองที่นั่งฝั่งขวามือให้ เพื่อจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่ปรากฏว่า ฟ้าปิดคะ ถามสาวญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ ว่า อันไหนฟูจิ ชีก็ทำท่างงๆ เพราะเมฆมากจริงๆ บดบังสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

รวบรัดตัดความ (พิมพ์เหนื่อยแล้วอ่ะ และต้องพานู๋ไปอาบน้ำด้วย) ถึงสถานนีรถไฟเกียวโต เราต้องจับแท็กซี่ไปบ้านน้านุ้ย เพราะน้านุ้ยเปื่อยมาก มารับไม่ได้ แต่ก่อนไป ควรไปถามเจ้าหน้าที่ศูนย์ท่องเที่ยวให้ช่วยเขียนที่อยู่เป็นภาษาญี่ปุ่นให้เราก่อน และควรหาอะไรให้นู๋กินด้วย
การพูดคุยกะเจ้าหน้าที่ลำบากพอควร แม่นึกว่า คนทำงานที่นี่จะเข้าใจภาษาได้ดี แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ทำให้แม่หวั่นไหวพอควร แต่เค้าก็พยายามช่วยเต็มที่ ไปค้นแผนที่บ้านน้านุ้ยมาให้ด้วยแหละ
ได้เอกสารแล้ว เราก็ตรงไปร้านอาหาร ซึ่งไม่รู้มาก่อนว่ามีเยอะมาก แม่เลือกไปที่ชั้นสิบของห้างอิเซตัน เพราะเห็นป้ายอันนี้อันแรก แต่ก็ไม่ผิดหวัง ชั้นนี้เป็นที่รวมของร้านเซียนบะหมี่ราเมง แม่เดินชมหลายๆ ร้านแล้วก็มาลงที่ ร้านบะหมี่หมูน้ำโชยุซึ่งเคี่ยวข้นสะใจ มีรางวัลการันตีมากมาก(มารู้ภายหลังว่า ร้านนี้ ชือ ราเมง โตได) วิธีการสั่งคือ หยอดเหรียญที่ตู้หน้าร้าน โดยมีพนักงานสาวอัธยาศัยดีคอยแนะนำให้ความช่วยเหลือข้างๆ เสียดายจริง ความตั้งใจแต่แรกจะถ่ายรูปบะหมี่มาให้ชม แค่ด้วยความหิว มารู้ตัวอีกที บะหมี่เหลือแต่ซาก
การกินบะหมี่ของคนญี่ปุ่นนี้ก็แปลกๆ บะหมี่เค็มจะตายชัก ยังสาดโชยุเข้าไปอีก และที่ร้านนี้ มีไข่สดวางไว้ให้สาดลงไปในบะหมี่อีกด้วย ซึ่งดีมาก เพราะช่วยลดความเค็มของโชยุ
แต่
แม่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะไข่ดิบที่สาดลงไปในชามบะหมี่ของแม่หรือเปล่า ที่ทำให้คืนนั้น แม่ปวดมวนท้องอย่างหนัก

หม่ำเสร็จก็ไปหาแท็กซี่ ซึ่งโชคดีอีกแระ แท็กซี่มีมือถือ และเค้าโทรคุยกะน้านุ้ยๆ บอกทาง เลยตรงไปที่บ้านได้อย่างไม่มีปัญหา เย้

บ้านน้านุ้ยน่ารักมาก แต่ยุงร้ายกว่าที่กทม อีก เข้าไปถึงก็จูบแม่ที่แก้มเลยอ่า ทุกๆ อย่างในบ้านคนญี่ปุ่นกะทัดรัดไปหมด ตอนนี้ ถึงได้เข้าใจละว่า ทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้ดีไซน์อะไรเล็กๆ ทำไมโซนี่ถึงประสบความสำเร็จ
อือม์ ถ้าไม่ลืม จะต้องถ่ายส้วมของน้านุ้ยเก็บไว้เป็นที่ระลึก แม่ชอบมากเลย เพราะพอกดน้ำปุ๊บ น้ำใหม่ที่จะไหลเข้าแท้งก์ เค้าไม่ทำให้เสียปล่าว มีก๊อกออกมาให้ใช้ล้างมือ ก่อนเข้าสู่แท้งก์




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 2 กันยายน 2553 12:05:25 น.
Counter : 849 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


มรรคณิชา
Location :
Sleepless in Seattle United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีคะ
นู๋ชื่อ มรรคณิชา.... เรียกนู๋เต็ม ๆ นะคะ เพราะนู๋ไม่มีชื่อเล่นคะ ... อยากรู้จักนู๋ ก็ต้องตามไปช่วยอ่าน ช่วยคอมเม้นต์นะคะ แม่นู๋จะได้มีกำลังใจ
แก้ไขเพิ่มเติมคะ....
มีคุณน้า คุณพี่ หลายคนมักถามคุณแม่เสมอๆ ว่า "ชื่อของนู๋ แปลว่าอะไร"
บอกเลย ไม่เล่นตัว...อิอิ
มรรค มาจากคำว่า "มรรค 8" ในศาสนาพุทธไงคะ...คุณแม่คงอยากเห็นนู๋เป็นเด็กดี...แถมเวลาสะกดเป็นภาษาปะกิต คุณแม่ใช้ชื่อคุณพ่อสะกดซะเลย...งานนี้ คุณพ่อหน้าบานคะ
ส่วน ณิชา แปลว่า บริสุทธ์
พอมารวมกะ "มรรค" ชื่อนู๋เลยเก๋กู๊ดซ้า

แก้ไขเพิ่มเติม (อีก 5/29/2011)
แขกเค้ามีดาราหญิงชื่อ มานิชา คล้ายชื่อนู๋มากเลย แรกๆ แม่ก็ปลื้มหรอกนะ แต่หลังๆ ชักหวั่นไหว เพราะเพื่อนร่วมงานของพ่อชื่อนี้เปี๊ยบ เป็นตัวป่วนที่ทำคุณพ่อปรี๊ดส์บ่อยๆ

แม่พบว่า เด๋วนี้ เวลาเรียกมรรคณิชาเต็มๆ คือการทำเสียงเข้ม ในเหตุการณ์ปกติ แม่เรียกนู๋ ว่า "ลูก" "นู๋" หรือ ไม่ก็ "ชิชา" "ชา"
Friends' blogs
[Add มรรคณิชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.