*-* WeLcOmE To BlOgGaNg NaAmZza *-*
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
26 พฤศจิกายน 2551
 
 

ชีวิตประจำวัน


หลายๆคนชอบอ้างคำนี้
เข้ามาเรียนในมหาลัย เอาอะไรออกไปให้ได้มากกว่ากระดาษแผ่นเดียว
คำอ้างคำนี้....เข้าใจมันจริงๆหรือเปล่า
ถ้าคุณเป็นคนนึงที่พูดคำนี้ออกมา คุณพูดคำนี้ เพราะคุณเข้าใจความหมายของมันจริงๆ
หรือว่า เป็นแค่คำอ้างเพื่อปกปิดการเรียนที่ไม่สู้จะดีนักของตัวเอง?

ไม่ค่อยเข้าใจ หลายๆคนมักจะพูดกระแทกกระทันคนที่ได้เกรดดีๆว่าดีแต่เรียน
ก็ไม่เข้าใจว่าพูดเพราะอิจฉาหรือว่าอย่างไร
จริงๆแล้ว ขอบอกว่าสมัยนี้ คนที่เรียนเกรดดีๆ และไม่ได้ดีแต่เรียน มันเยอะมากมายแล้ว
คนสมัยนี้ ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรียนเก่ง ทั้งหน้าตาดี นิสัยดี แถมฐานะดี มีอยู่ดาดดื่น
ไอ้ที่ดีแต่เรียน ไม่เอาเพื่อน ไม่เอาสังคมอะ มันเป็นส่วนน้อยแล้ว ในคณะนึงๆ คงมีอยู่ไม่น่าจะเกินสามคนต่อรุ่น

ทีนี้มาว่ากันว่า ไอ้ อะไรที่มากกว่ากระดาษแผ่นเดียวเนี่ยะ ได้มายังไง
ก็ได้มาจากเวลาที่นอกเหนือจากการเข้าห้องเรียนใช่มั้ย
นั่งลองนึกเล่นๆ วิถีการใช้ชีวิตของเด็กในมหาวิทยาลัยไทย กับมหาวิทยาลัยที่เยอรมันที่เจอ
จะลองเปรียบเทียบให้ดู

กิจกรรมของนักศึกษามหาวิยาลัยไทย
- รับน้อง - 99% ของนักศึกษาทั้งหมด
- ซ้อมเชียร์ -99% ของนักศึกษาทั้งหมด
- เข้าค่ายอาสา - 10%
- เข้าชมรมกีฬา หรือชมรมอื่นๆ - 10%
- หางานพิเศษ - 10%
- กิจกรรมบันเทิงต่างๆ เช่น กินข้าว ดูหนัง โยนโบว์ ช๊อปปิ้ง คาราโอเกะ ตามความชอบส่วนตัว 100%

กิจกรรมของนักศึกษาเยอรมัน
- ทำงานพิเศษ .... 80% คนเยอรมันส่วนใหญ่พอเข้าเรียนมาซักพัก จะหางานเองแล้ว จะอยู่ด้วยเงินตัวเองเป็นส่วนใหญ่ มีขอเงินทางบ้านบ้าง แต่เพียงเล็กน้อย
- เข้าชมรมกีฬา หรือชมรมอื่นๆมากมาย ชมรมที่นี่เยอะมาก มีกิจกรรม active สม่ำเสมอ 30%
- พยายามไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ เช่น อเมริกา หรือประเทศอื่นๆในยุโรป 20%
- กิจกรรมบันเทิงต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นปาร์ตี้ทั้งหลาย แล้วก็ไปเที่ยวต่างประเทศ (เพราะยุโรปมันใกล้ ไปไหนมาไหนได้ง่าย ไม่แพง) นอกจากนั้นคนที่นี่ก็เล่นกีฬากันเป็นประจำแทบทุกคน เรียกว่า 60% ของนักศึกษามหาวิทยาลัย เล่นกีฬาสม่ำเสมอ

(poll การมั่วจากประสปการ์ณที่พบเห็นมาค่ะ)

การเรียนในมหาวิทยาลัย อย่างนึงที่ต่างกันแน่ๆของไทยกับเยอรมันคือ
เยอรมันไม่ได้สนใจ seniority เลย ทุกคนเจอกันก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้สนใจว่าใครเข้ามาก่อนหลัง
คนที่อยากจะรีบจบเร็วๆก็ขยันเรียนแล้วก็จบออกไป คนที่รู้สึกว่ายังไม่ได้อยากรีบจบ
ก็เรียนบ้าง ทำงานบ้าง ไปแลกเปลี่ยนบ้าง ทำกิจกรรมนู่นนี่ ก็จบช้าไป
เพราะว่าคนเยอรมันส่วนใหญ่ใช้เงินของตัวเอง พ่อแม่เขาจึงไม่ได้เดือดร้อนว่าลูกจะจบเร็วจบช้า
การมี seniority ของไทยมันก็มีข้อดีนะ แต่มันก็มีข้อเสีย
เช่น คนที่จบช้า ก็จะรู้สึกอายที่จะต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง รู้สึกกดดัน แล้วก็อายเพื่อนๆที่จบไปก่อนด้วย

อีกอย่าง เรื่องการรับน้อง
มหาวิทยาลัยที่นี่ ไม่มี...แล้วทำไง?
คนเขาไม่รู้จักกันเรอะ?? ก็เปล่าอะ
ที่นี่อาจจะเรียกว่าเป็น freewill
คนที่อยากรู้จักคนอื่นเยอะๆ จะพยายามหากิจกรรมทำ เพื่อจะได้รู้จักคนอื่นๆ
หรือว่าไป party ก็มี
ส่วนคนที่รู้สึกว่า จะรู้จักไปทำไมมากมาย ก็จะไม่ได้ดิ้นรนขวนขวายอะไรนัก
อะไรล่ะที่ต่าง?
-- เมืองไทย เป็นระบบยัดเยียด
ไม่ว่าน้องคนนั้นจะรู้สึกว่าเค้าอยากรู้จักรุ่นพี่หรือไม่ ก็ต้องโดนบังคับให้รู้จัก
ไม่ได้บอกว่าการรับน้องมันไม่ดี แต่จะบอกว่าการบังคับมันไม่ดี
เหมือนๆกับการที่คนไทยสอนลูกด้วยการตี โดยไม่บอกเหตุผลว่าทำไม เลี้ยงลูกด้วยความกลัว
คนไทยมักจะบอกว่า ตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันดี ต่อไปก็จะเข้าใจเอง
แต่ฝรั่งจะพยายามอธิบายเหตุผลให้เข้าใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าทำไมมันไม่ดี จะได้ไม่ทำ ด้วยจิตสำนึกของตัวเอง
อันนี้ขอบอกว่าชอบแนวคิดฝรั่งมากกว่าจริงๆ เคยเห็นเค้าพยายามจะหยุดลูกที่ทำตัวเกเรอยู่
เค้าไม่ตี เค้าอธิบายว่าทำไมสิ่งที่ลูกทำอยู่มันไม่ดี (แต่ก็เหนื่อยเหมือนกันกว่ามันจะหยุด เด็กมันซน)
คนเราถ้ารู้จักผิดชอบชั่วดีโดยสำนึกแล้วล่ะก็ ต่อไปไม่ต้องบังคับ มันก็จะเลือกทางที่ดีเอง
อันนี้คิดว่าพูดได้ เพราะว่า เมืองไทยมีคดีฆาตรกรรม ข่มขืน แทบทุกวัน
แต่ที่นี่ อยู่มาจะสามปีแล้ว ขอบอกว่ามีแค่สองครั้งเท่านั้นที่เห็นในข่าว ข่มขืนเคยได้ยินแค่ครั้งเดียว ชีวิตที่นี่ปลอดภัยมากๆ คิดว่าเรื่องจิตสำนึก น่าจะมีส่วนล่ะ


อีกอย่างที่แปลกคือ
คนเยอรมัน อ่านหนังสือก่อนสอบกันเป็นเดือนๆ
แต่ถึงเค้าจะขยันเรียนกันขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเค้าจะเป็นพวกเอาแต่เรียนกัน
เค้ารู้จักแบ่งเวลา วันนี้อ่านตอนนี้ถึงตอนนี้นะ เป็นอันพอ แล้วที่เหลือเขาก็ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นได้
เด็กไทยน้อยคนจะทำได้ คืนวันก่อนสอบ เด็กไทยส่วนใหญ่จะนั่งอ่านกันจนวินาทีสุดท้าย
คนที่นี่ เค้าขอ relex ก่อนสอบ ไปปาร์ตี้ก็ยังมี เค้าให้เหตุผลว่า อ่านมาเยอะแล้ว วันก่อนสอบ ขอ relex จะได้มีพลังไปสอบเต็มที่

อีกอย่างที่รู้สึกคือ คนที่นี้เค้ามักจะมี hobby หรือกิจกรรมอะไรที่เค้าสนใจเป็นพิเศษของเขาเอง
เช่น เล่นกีฬา เย็นๆที่นี่เห็นคนออกมาวิ่งมากมาย สนามกีฬาที่นี่ ถ้าตกเย็นเต็มตลอด มีกีฬาหลายแบบหลายประเภทให้นักเรียนเลือกเล่น
หรือบางคนไม่ชอบเล่นกีฬาก็เล่นดนตรี หลายๆคนมักจะมีจุดยืนของเขา เช่น หลายคนเป็นพวกมังสวิรัจ (สะกดยังไง?) บางคนชอบท่องเที่ยว back pack
บางคนก็บ้าคอม นั่งทดลอง hack เครื่องที่ตัวเองตั้งขึ้นมา
อ้อ....บางคนบ้าสาว คอยแต่จะจีบสาวตามงาน party
อ้อ ที่นี่ party เยอะมาก..... มีทุกอาทิตย์แหละ
อย่างช่วงนี้หน้าร้อน ตามสวนสาธารณะมักจะมีคนไปนอนอาบแดด แล้วก็กริล grill กัน
แล้วก็มักจะมี party แบบ open air กันช่วงนี้
(แต่ party คนเยอรมัน งั้นๆอะ ไม่ค่อยหนุกหรอก เน้นคุยกับดื่ม คนเยอรมันดื่มเบียร์เป็นน้ำ)

ฝรั่งส่วนใหญ่ มีวิธีชีวิตหลักๆที่ต่างจากคนไทยคือ การพึ่งพาตัวเอง
คนไทยจะมีความรู้สึกต้องเกื้อกูลกันอยู่มาก เช่นพ่อแม่จะส่งลูกจนจบมหาลัย
ผู้ใหญ่ต้องช่วยเหลือเด็ก ซึ่งฝรั่งไม่ค่อยมีตรงนี้
ถามว่าเกื้อกูลกันมันดีมั้ย มันก็มีข้อดี แต่มันก็มีข้อเสีย คือเราจะไม่พยายามพึ่งตัวเองเท่าไหร่
อย่างเช่น ข้อดีของสังคมไทยคือ พ่อแม่พอแก่ก็มีลูกคอยดูแล อบอุ่น ครอบครัวใหญ่
ฝรั่งพอแต่งงานไป ก็คือ ลูกไปมีครอบครัวของตัวเองแล้ว นานๆก็มาเยี่ยมพ่อแม่ที
ค่อนข้างต่างคนต่างอยู่ แต่ถามว่าพ่อแม่ฝรั่งเค้ารู้สึกอะไรไม่ ก็คงไม่ได้อะไรมาก
เพราะว่าเค้าชินกับเรื่องแบบนี้ สังคมเขาเป็นแบบนี้
พอเขาจะเริ่มแก่ เขาก็เริ่มวางแผนการเกษียณตัวเอง อยากจะทำอะไรตอนแก่
อยากไปเที่ยวไหน ข้อดีของฝรั่งแบบนี้คือ เค้าไม่ได้คาดหวังกับลูกของตัวเองว่าจะต้องมาเลี้ยงดู
ดังนั้นเค้าจะไม่ผิดหวังมาก ถ้าลูกมันไม่ค่อยมาสนใจเค้า
การส่งคนแก่เข้าสถาณเลี้ยงดูคนแก่ที่นี่เป็นเรื่องปกติมาก
หลายคนเค้ามองว่า คนแก่จะได้มีเพื่อนวัยเดียวกัน แล้วก็มีพยาบาลคอยดูแลทั้งวัน
ดีกว่าให้ลูกที่ต้องทำงานมาคอยดูแล แล้วลูกก็คอยไปเยี่ยมเอา
แต่ว่าคนไทยพ่อแม่ ร้อยทั้งร้อย ก็หวังว่าจะได้ลูกตัวเองมาคอยเลี้ยงดูตอนแก่ใช่มั้ย
แล้วถ้าลูกมันไม่รักดีล่ะ.....พ่อแม่ก็ได้แต่เสียใจน่ะสิ
ยิ่งถ้าส่งพ่อแม่ไปสถาณเลี้ยงดูคนชรา.......อย่าให้พูด พ่อแม่คงเสียใจมาก แถมคนอื่นก็มองไม่ดีด้วย

เปรียบเทียบมาไม่ได้อยากจะบอกว่าอันไหนดีกว่า
แต่ว่าแต่ละสังคมก็มีข้อดีของเขา


เขียนไปเขียนมา เหมือนพล่ามๆ ไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อเท่าไหร่
จริงๆคือ นอนไม่หลับ ก็เลยมาเขียนอะไรเล่น มันเป็นความคิดที่อยู่ในหัวก่อนนอน

เอาล่ะ พยายามจบให้มันตรงหัวข้อหน่อยก็แล้วกัน

เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย เอาอะไรออกไปได้มากเท่าที่คุณต้องการ
ที่สำคัญ อย่าออกไปโดยลืมกระดาษแผ่นเดียวใบนั้นซะหละ!




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
0 comments
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 14:39:44 น.
Counter : 489 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

naamza
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Click here to get more mini-SharkBreak widgets - www.SharkBreak.com



Compteur.cc Glitter Graphics
Glitter Graphics @ SweetComments.net
Upload Your Photos
http://charyen.com/jukebox/play.php?id=17178
[Add naamza's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com