ตัวของเรา สไตล์ของเรา ทำไมต้องเหมือนใคร
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
สไตล์ของคนที่แตกต่างคนนึง

สวัสดีครับ
ผมเคยบอกว่าทุกวันนี้ผมใช้วิธีร่างตามที่หัวแล่นเรื่องไหนเข้ามาในหัวก็จดไว้ ทำไปเรื่อยๆ จนเสร็จ เรื่องไหนเสร็จก่อนก็อัพก่อน และในที่สุดเรื่องนี้ก็เสร็จก่อนครับ

อย่างที่เคยเล่าไปล่ะครับว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครเขาและผมก็มักจะพูดถึงความเป็นตัวของตัวเองอยู่บ่อยๆ ผมเป็นคนจำพวกที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากทำให้ผมคิดหรือทำอะไรไม่ค่อยจะเหมือนที่ใครๆ เขาทำกัน ความชอบหรือสิ่งที่สนใจก็ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ด้วย

ผมมักจะคอยบอกหลายๆ คนว่าให้เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ ไม่ต้องสนใจสังคมให้มากจนเกินไป คนเราควรจะแตกต่างกันออกไปตามตวามชอบของแต่ละคน บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่าแล้วเราจะแตกต่างได้อย่างไรบ้าง ผมก็เลยคิดว่าลองเริ่มที่การแต่งตัวดูก่อนละกันครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่หลายๆ คนให้ความสนใจกันอยู่แล้ว เพราะงั้นมันคงไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มจากตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย



จากที่ผมเคยสังเกตุ คนไม่น้อยไม่รู้จักสไตล์การแต่งตัวแบบที่อยู่นอกเหนือไปจากแบบที่อยู่ในเทรนด์ของยุคนั้นๆ เช่นยุคนี้พอพูดถึงสไตล์การแต่งตัว ที่ส่วนมากนึกออกกันก็คือเชิ้ตหรือโปโล-ยีนส์ เสื้อยืด-ยีนส์ เชิ้ต-สแล็คหรือชิโน พวกเข้ารูปจัดๆ ทั้งหลาย กางเกงแบบขาลอยอย่างพวกคร็อปแพนท์ กางเกงขาสอบต่างๆ และแนววินเทจ เป็นต้น ทำให้เวลาที่คิดจะหยิบเสื้อ-กางเกงมาใส่ก็นึกออกแต่แนวที่ว่านี้ก็เลยใส่กันอยู่แค่นี้ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันยังมีแนวอื่นๆ ให้เลือกใส่ได้อีกครับ

ด้วยอย่างที่ว่ามาแล้ว วันนี้ผมก็เลยเอาสไตล์การแต่งตัวของผมมาให้ดูกันเผื่อจะเป็นไอเดียให้กับคนอื่นๆ ที่อยากจะลองเปลี่ยนไปใส่อย่างอื่นแต่ก็นึกไม่ออกได้บ้างครับ


ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่แต่งตัวเก่งหรือช่างแต่งตัวหรอกครับ จะเรียกว่าเป็นคนไม่แต่งตัวก็ได้ เพราะผมก็แค่เลือกใช้อะไรที่เป็นสไตล์ของตัวเองแต่งตามแบบของตัวเองโดยไม่สนใจใครไม่ทำตามเสียงส่วนใหญ่เท่านั้นเอง บางคนอาจสงสัยว่าผมไม่ค่อยสนใจการแต่งตัวแล้วมาเขียนเรื่องพวกนี้ได้ยังไง...ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะการ์ตูนครับ การที่ผมเคยทำอนิเมทำให้ผมรู้เรื่องพวกนี้ แต่มันเกี่ยวกันยังไงเอาไว้จะมาเล่าทีหลังครับ



การแต่งตัวของผม....ผมแต่งตามแนวคิดของญี่ปุ่น แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมแต่งตัวตามแฟชั่นหรือเทรนด์ในญี่ปุ่นนะครับ แต่มันคือการแต่งตัวตามแบบฉบับของตัวเองให้เข้ากับตัวเองมากที่สุดนั่นเองครับ คนญี่ปุ่นเองก็มีการแนะนำการแต่งตัวว่าควรจะใส่อะไรยังไงให้ดูดี แต่เมื่อผมลองสังเกตุในทางปฏิบัติจริงแล้ว พบว่าเขาแหกกฏกันทุกข้อห้ามเลย สำหรับการแต่งแบบ Casual นะครับ ซึ่งต่างจากคนไทยที่มักยึดเอาหลักการต่างๆ จนเป็นกฏตายตัว เช่นการใส่เสื้อหรือกางเกงสักตัวต้องเป็น Slim Fit ถึงจะถือว่าดูดี ถ้าหลวมหน่อยอย่าง Regular หลายคนก็มักจะมองว่า ดูไม่ดี เชย ยิ่งถ้า Loose Fit ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะแบบนี้ทำให้คนไทยหันมาใส่เสือหรือกางเกงแบบเข้ารูปหรือรัดรูปกันทั่วบ้านทั่วเมือง (ระยะหลังนี่ซาลงเยอะครับ แต่ก็ยังเห็นได้อยู่) ผมสังเกตุว่าคนญี่ปุ่นเขาจะใส่กันตามคำแนะนำหรือกฏพวกนั้นก็ต่อเมื่อต้องการความเนี้ยบ ความเป็นทางการหรือในโอกาสพิเศษต่างๆ แต่พอเป็น Casual ในวันหยุดเขาก็ใส่กันตามใจชอบสไตล์ใครมันแบบอยากใส่อะไร ยังไงก็ใส่

สรุปคือจากการสังเกตุของผมพบว่ารูปแบบการแต่งตัวของคนญี่ปุ่นก็คือ อยากใส่อะไรก็ใส่แต่ก็ให้เหมาะและเข้ากับตัวเองแล้วมันจะดูดีในแบบของตัวคนนั้นๆ ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่ผมใช้เลือกใส่เสื้อผ้ากางเกงครับ


แล้วสไตล์ที่ผมเลือกใช้เป็นยังไงบ้าง มาดูกันเลยครับ

เสื้อผ้ากางเกงที่ผมใช้จะเป็นพวก Regular Fit จนถึง Loose Fit ครับ สีที่ใช้ก็จะเป็นสีโทนมืดหรือโทนกลางๆ อย่างพวกขาว น้ำเงิน เทา ดำ แดงเข้มแบบไวน์ เขียวเข้ม เทาฟ้า เทาเขียว น้ำตาลเทา(ถ้าน้ำตาลเต็มๆ ก็ไม่ชอบครับ) ไอวอรี่ โบน เบจ เป็นต้นครับ

การจับสีชนกันส่วนใหญ่ผมจะมีสี ดำ เทา น้ำเงิน เป็นตัวยืนพื้น เช่น เทา-ดำ, น้ำเงิน-ดำ, ไวน์-ดำ, ไวน์-เทา, ขาว-น้ำเงิน, ขาว-ดำ, เทา-เขียว, เทา-น้ำเงิน, เทาเขียว-น้ำเงิน, น้ำตาลเทา-ดำ อะไรประมาณนี้

เสื้อที่ใช้ก็มีพวก เสื้อยืด, คัทโซ, เชิ้ต ส่วนกางเกงก็ใช้ คาร์โก้, เพนท์เตอร์, เบคเกอร์, ชิโน, สแล็ค รองเท้าผมก็ใช้พวกเอาท์ดอร์กับพวกสีสันเรียบๆ อย่างดำ เทา หรือสีกลางๆ อื่นๆ แบบซกมกเรดี้ ผมไม่ค่อยชอบรองเท้าขาวสักเท่าไหร่ครับเพราะถ้ามันเลอะแล้วผมขี้เกียจเช็ด


แนวการแต่งตัวของผม ผมคิดว่ามันจะออกสบายๆ มากกว่าจะออกทางหล่อเนี้ยบ ซึ่งมันก็จะมีอยู่ 4-5 แนวนี้ครับ




Workwear
อย่าเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกันกับ Vintage Workwear ที่นิยมกันนะครับ เวิร์คแวร์คือเสื้อหรือกางเกงที่เป็นชุดทำงานเฉพาะแต่ละอาชีพ มักจะเป็นกางเกงซะมากกว่า อย่างเช่น กางเกงเพนท์เตอร์/คาร์เพนเตอร์ ซึ่งเป็นกางเกงของช่างสีหรือช่างไม้ กางเกงเบคเกอร์ ของคนทำเบเกอรี่ เป็นต้นครับ ซึ่งกางเกงพวกนี้จะมีลักษณะเป็นกางเกงที่ทำให้เคลื่อนไหวสะดวกและคล่องตัวครับ




Outdoor
แนวเอาท์ดอร์เป็นแนวประมาณขึ้นเขาเข้าป่าหรือท่องเที่ยว เสื้อผ้ากางเกงแนวนี้มักจะมีดีไซน์เรียบๆ ไม่หวือหวาเน้นการเคลื่อนไหวใช้งานสะดวก เช่นมีการเพิ่มกระเป๋าซิปไว้ให้ใส่เงิน ใส่ของมีค่าของสำคัญที่ต้องพกติดตัวระหว่างท่องเที่ยว อาจจะมีคุณสมบัติต่างๆ เช่นแห้งเร็ว ทำด้วยผ้าเบา ผ้ายืดได้ ไม่เหม็น กันแมลง เป็นต้นครับ รองเท้าอาจจะเป็นบู๊ทหุ้มข้อหรือแบบ Low Cut ปกติก็ได้ รองเท้าเอาท์ดอร์มักจะใส่สบายเท้า มักมีระบบซับแรงกระแทกที่พื้นรองเท้าด้วย ช่วยให้เดินได้อย่างสบายเท้า



แนวเอาท์ดอร์ยังแแตกออกไปเป็นอีกแนวย่อยคือ Urban Outdoor ด้วย เป็นการเอาอุปกรณ์ Outdoor สักชิ้นหนึ่งอย่างเช่นรองเท้าเอาท์ดอร์มาใส่กับเสื้อผ้าแบบปกติ ซึ่งอาจจะเอามาใช้มากกว่า 1 ชิ้นก็ได้ แต่ก็ไม่ต้องจัดเต็มเหมือนเวลาจะไปขึ้นเขาเข้าป่าจริง หรือจะแต่งให้ดูเป็นเอาท์ดอร์โดยไม่ใช้อุปกรณ์เอาท์ดอร์ก็ได้ เช่นใช้สีสไตล์เอาท์ดอร์ ดูแล้วก็จะเหมือนกับว่าเป็นการเอาแนวเอาท์ดอร์มาปรับลดให้เบาลงครับ เหมือนกับว่ากำลังจะออกไปผจญภัยในป่าคอนกรีตนั่นเอง




ชุดพื้นเมือง
แนวชุดพื้นเมือง อย่างเช่น ชุดแบบไทยอย่าง กางเกงไทย เสื้อไทย (ไม่ใช่โจงกระเบนนะครับ กรุณาดูรูปประกอบ) ชุดของญี่ปุ่นอย่างจินเบ เป็นต้นครับ คืออาจจะใส่เป็นชุดทั้งชิ้นบนและล่างหรือเลือกแค่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งมาใส่ชนกับเสื้อหรือกางเกงแบบอื่นๆ ก็ได้




และสุดท้ายก็คือแนวธรรมดาอย่างพวก กางเกงสแล็ค ชิโนกับเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต แต่ผมก็จะเลือกใช้เสื้อกางเกงที่เป็น Regular Fit ถึง Loose Fit เท่านั้นครับ พวก Slim Fit นี่ไม่เอาเลย


ยีนส์ที่หลายคนนิยมกันผมก็ไม่ค่อยนิยมด้วยเท่าไหร่ แต่ก็มีอยู่ตัวนึงครับและแน่นอนว่าเป็น Loose Fit ตอนนั้นผมซื้อมาเพราะว่าผมอยากได้กางเกง Loose Fit ที่ใส่ได้แบบไม่เสียดายไว้สักตัว พวกเพนท์เตอร์ คาร์โก้นี่ผมเสียดายครับ เพราะกว่าจะหาแบบที่เป็นแนวผมได้นี่ยากเหลือเกิน พอเป็นยีนส์ที่ผมไม่รู้สึกชอบมันเป็นพิเศษผมก็รู้สึกเสียดายน้อยลง ใส่ถูลู่ถูกังได้มากกว่า....ในแง่นึงมันก็ใส่ได้สบายใจดีครับ

การใส่เชิ้ตผมก็ไม่พับแขนอย่างที่กำลังนิยมทำกันครับ ถ้าใส่แขนยาวผมจะใช้วิธีถกขึ้นมามากกว่าพับ หรืออย่างมากก็พับแค่ตรงข้อมือให้ตลบกลับขึ้นมาเพื่อให้มันไม่ลงไปที่มือหรือแค่เปิดข้อมือไว้เท่านั้นครับ หรือไม่ก็ปล่อยไว้อย่างนั้นเลย ไม่ติดกระดุมข้อมือด้วย แล้วถ้าอากาศร้อนล่ะ? ถ้าร้อนผมก็เลือกใส่แบบ "Cool Biz"....แขนสั้นสิครับ จะมามัวแขนยาวกันทำไม คิดง่ายๆ ครับ...นอกจากว่าต้องการจะเอาไว้กันแดด


นี่ก็เป็นสไตล์การแต่งตัวในแบบของผม ซึ่งน่าจะพอเป็นไอเดียให้ได้ ถ้าใครสนใจก็ลองมาแต่งกันดูครับ หรือถ้ามีแนวการแต่งตัวแบบอื่นๆ ที่ชอบและไม่ได้อยู่ในเทรนด์ก็อย่ารอที่จะแสดงความเป็นตัวคุณออกมา จะได้มีความหลากหลายมากขึ้นไม่ใช่มีแต่อะไรที่อยู่ในเทรนด์อย่างเดียว เพราะความแตกต่างจะทไให้ชีวิตมีสีสันแต่ความเหมือนกันไปหมดนั่นแหละครับที่ทำให้ทุกอย่างมันน่าเบื่อเพราะงั้นเราต้องแตกต่างกันเข้าไว้ครับ

ใครแต่งแนวไหนที่ไม่ได้ตามเทรนด์จะมาแชร์กันบ้างก็ได้นะครับ ผมสนับสนุนให้คนเราเป็นตัวของตัวเองและแตกต่างกัน อย่ากลัวที่จะแตกต่างครับ


โดย นาย nyo

ภาพประกอบเนื้อหาจากอินเตอร์เน็ต


Create Date : 28 มีนาคม 2556
Last Update : 29 มีนาคม 2556 8:41:17 น. 0 comments
Counter : 7732 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nyo
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ 2539 ห้ามผู้ใดทำการคัดลอก ส่วนใดส่วนหนึ่งของบล๊อกนี้ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อค


ติดต่อผมได้ที่
naai.nyo@gmail.com

____________________

บล๊อกนี้ผมเขียนขึ้นมาจากสิ่งที่ผมไปรู้ไปเห็นมาก็เลยเอามาเล่าต่อเพื่อเป็นการแชร์ความรู้กัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อยครับ


กรูณาใช้ภาษาให้เหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ
Friends' blogs
[Add nyo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.