คุณใช้เหตุผลจริงหรือเปล่า

เป็นที่รู้กันว่าใครๆ ก็ชอบคนมีเหตุผล อยากเป็นคนมีเหตุผล และไม่ชอบไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลใช้แต่อารมณ์

สำหรับหลายคนก็มองว่าการมีเหตุผลเป็นการบอกว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่เพราะเป็นการแสดงออกถึงการมีความคิด พิจารณาสิ่งต่างๆ ได้ ไม่ได้ใช้แต่อารมณ์แบบเด็กๆ

แต่รู้กันหรือเปล่าครับว่าการที่คนเราพยายามใช้เหตุผลกันนั้นมันมีอยู่ 2 แบบ ซึ่งผมขอเรียกเองว่า...
- คนที่ใช้เหตุผลจริง (True Logic)....คือคนที่ใช้เหตุผลแบบเป็นเหตุเป็นผลจริงๆ ไม่ได้ใช้อารมณ์ อารมณ์จะเข้ามามีผลน้อยมาก คนแบบนี้จะมองอะไรอย่างเป็นเหตุเป็นผลจริงๆ คุยด้วยเหตุผลจริงๆ ได้ คนแบบนี้คือคนที่เรียกว่ามีเหตุผลตามคำของมันตรงๆ นั่นล่ะครับ

- คนที่ใช้เหตุผลแบบขึ้นกับอารมณ์ (Emotional Logic)....เป็นคนที่ใช้เหตุผลโดยใช้อารมณ์เป็นพื้นฐาน ในคนกลุ่มนี้อารมณ์จะเป็นตัวกำหนดเหตุผลอีกที เหตุผลที่ใช้จะเป็นการใช้เพื่อสนับสนุนการใช้อารมณ์ของเจ้าตัวเท่านั้น

คนที่ใช้เหตุผลจริงแบบแรกนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอารมณ์ใดๆ เลย เพียงแต่คนแบบนี้จะมีสติอยู่กับเหตุผลได้ยังสามารถพิจารณาและพูดคุยด้วยเหตุผลได้แม้จะเป็นการเถียงกันหรือมีความหงุดหงิดก็ตาม....ส่วนแบบที่สองที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์จะใช้อารมณ์นำเหตุผล สร้างเหตุผลขึ้นจากอารมณ์เพื่อทำให้ความรู้สึกของตัวเองดูมีเหตุผลที่ดีและเมื่อการใช้เหตุผลแบบตื้นๆ นี้ทำไม่สำเร็จก็จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์เต็มๆ แทน


มาดูตัวอย่างกันหน่อยดีกว่า...
พูดถึงการเป็นตัวของตัวเอง คน 2 แบบนี้อาจสอนลูกหลานว่าให้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปตามใครเหมือนกัน แต่พอเด็กเริ่มจะทำอะไรสักอย่าง เช่น จะจัดห้องส่วนตัวแบบนอนกับพื้น คือเอาที่นอนวางพื้นไม่ใช้เตียง คนแบบที่ใช้เหตุผลจริงก็จะมองว่าโอเคมันเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่เสียหายอะไร มันอาจเป็นแบบที่คนไม่ค่อยทำกันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องตามคนอื่น คือจะยึดหลักเหตุผลไว้ได้ แต่คนที่เป็นแบบใช้เหตุผลตามอารมณ์ก็อาจจะไม่ชอบการที่ลูกหลานจะทำแบบนั้นก็จะพูดในประมาณว่าทำแบบนี้ได้ไงมันไม่มีใครเค้าทำกันหรอก ทั้งที่ตอนสอนก็สอนว่าไม่ต้องไปตามใคร แต่พอทำอะไรไม่ถูกใจก็บอกว่าแบบนี้ไม่มีใครทำ หมายความว่าต้องการให้ทำเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งขัดกับสิ่งที่พูดไว้ทีแรก

หรือกรณีที่ 2 ....
บางคนก็บอกว่าเราต้องดูแลพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ ถ้าเป็นคนใช้เหตุผลจริงก็จะทำความเข้าใจได้ว่าแต่ละคนมีการดูแลต่างกัน การดูแลมันก็ต้องมีช่วงที่เราต้องออกไปทำธุระด้วยถ้าเราดูแลไม่ได้ทิ้งๆ ขว้างๆ นั่นก็มากพอแล้ว แต่ถ้าคนที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์ก็อาจจะมองว่าถ้าเราไม่ได้ให้การดูแลเป็นอันดับหนึ่งหรือพูดถึงแต่การดูแลตลอดเวลาแสดงว่าไม่ใส่ใจ ไม่ดูแล

เวลาที่บอกว่าอย่าไปตามใจผู้ใหญ่มากเกินไปเพราะจะทำให้นิสัยเสีย (ผู้ใหญ่ก็นิสัยเสียได้นะครับ ถ้าตามใจมากๆ ซึ่งก็แล้วแต่คน) และเราเองจะเดือดร้อนได้ คนที่ใช้เหตุผลจริงก็จะยึดหลักเหตุไม่ได้ตามใจไปซะทุกอย่าง แต่คนที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์พอเห็นว่าไม่ได้ตามใจก็มองว่าเป็นการดูแลไม่ดีไม่สนใจ

หรืออย่างเรื่องการใส่รองเท้าที่ว่าผู้ใหญ่ควรใส่รองเท้าให้ดีเวลาไปข้างนอกเพราะจะได้เดินได้ดี แต่ถ้าผู้ใหญ่จะใส่แต่รองเท้าแตะไม่ยอมใส่อย่างอื่น พูดก็ไม่ฟังซึ่งปัญหาอยู่ที่ผู้ใหญ่เอง คนที่ใช้เหตุผลจริงก็จะทำความเข้าใจได้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปแล้วปรับด้านอื่น แต่สถานที่ที่ต้องไปมันก็ยังต้องไปเหมือนเดิม แต่คนที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์พอเห็นเวลาไปข้างนอกก็อาจไม่บอกผู้ใหญ่ให้เปลี่ยนรองเท้าเพราะผู้ใหญ่ไม่ยอมเปลี่ยนแต่มาว่าคนอื่นว่าพามาที่แบบนี้ได้ยังไงเพราะผู้ใหญ่เดินได้ไม่คล่องทั้งที่มันก็ต้องไปอยู่แล้ว

สังเกตุว่าคนลักษณะที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์ จะไม่สามารถยึดหลักเหตุผลที่มีอยู่ได้แต่เหตุผลจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์เพื่อสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น เพราะว่าเหตุผลของพวกเขามีอารมณ์เป็นพื้นฐาน เหตุผลจึงเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ซึ่งคนที่เป็นแบบนี้ผมถือว่าเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลและใช้อารมณ์ครับ



ในคน 2 แบบนี้คนที่พูดถึงกันมาแล้ว กลุ่มที่ใช้เหตุผลได้จริงๆ ดูจะดีกว่าใช่มั้ยล่ะครับ แต่น่าเสียดายที่คนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อยกว่ามาก น่าจะแค่ไม่เกิน 20-25% เพราะคนที่ใช้อารมณ์กับคนที่ใช้เหตุผลตามอารมณ์ผมถือว่าเป็นพวกใช้อารมณ์เหมือนกัน


แล้วคุณล่ะเป็นคนแบบไหนกัน

โดย nyo

Create Date : 06 มกราคม 2560		0 comments
Last Update : 6 มกราคม 2560 10:48:19 น.
Counter : 1710 Pageviews.
Share Tweet