~♥~... ปี น ป่ า ย ไ ต่ เ ข าไ ป ด้ ว ย กั น น ะ...~♥~
ภาพนี้จากกูเกิล ให้เห็นลักษณะที่มาของชื่อน้ำตก(ขออนุญาตนำมาใช้นะคะ) บล็อกเมื่อวานชวนเดิน จากชั้นที่หนึ่งของน้ำตกไปยังชั้นที่สองระยะทางแค่ 200 เมตร ทางเดินไม่ชันมากมีขั้นบันไดจากธรรมชาติให้เดินสบายๆ แต่วันนี้จะพาขึ้นไปยังชั้นที่สามของน้ำตก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้"โตนงาช้าง" เค้าว่ากันว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุดของน้ำตกหากมีน้ำเยอะ เนื่องจากสายน้ำจากหน้าผาสองข้างที่ไหลลงมาบรรจบกัน มองดูคล้ายกับงาช้างทำให้เป็นที่มาของชื่อ
การเดินขึ้นไปยังชั้นที่สามต้องใช้พละกำลังพอควร ทั้งปีนป่าย ไต่เขาที่ลาดชัน ด้วยระยะทาง 450 เมตร เรียกว่าเดินห้างยังไกลกว่าเยอะกว่าจะเลือกซื้อของครบ แต่เพราะมันไม่ใช่ห้าง แต่เป็นภูเขา เป็นป่า กว่าจะปีนขึ้นไปถึงชั้นสาม ใช้เวลา 15 นาทีแน่ะ อยากจะถอยกลับเสียหลายรอบแต่เพราะอยากไปเห็นไปถ่ายรูป ก็เลยบอกสู้โว๊ย(เหนื่อยโว๊ย )
ในที่สุดก็ปีนมาถึงจนได้ ด้วยอาการหมดแรง แต่พอเห็นสายน้ำตกตรงหน้าก็ค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย นั่งพักหายเหนื่อยก็จัดการถ่ายรูปก่อนที่จะลงเล่นน้ำ
อากาศข้างบนนี้มันดีจริงๆเลย รอบข้างมีแต่ธรรมชาติ สีเขียวของป่ากับสีฟ้าของท้องฟ้าชื่นใจ
ทีแรกว่าจะเดินไปยังหน้าผาที่น้ำไหลตกลงมา แต่ว่าหินร้อนมากเดินเท้าเปล่าไม่ไหว ยอมแพ้ดีกว่าเลยเก็บภาพมาแต่ไกลๆให้เห็นกัน
ส่วนนี่อ่างน้ำวนชั้นยอด เย็นชื่นใจ หายปวดเมื่อยไปในทันที นั่งเพลินลืมเหนื่อย เพราะมีสายน้ำคอยช่วยนวดบ่าให้
บทสรุปของการปีนขึ้นมาถึงชั้นสาม แม้จะเหนื่อย แม้จะหอบ แต่ก็ยังยิ้มได้
หลังจากที่เล่นน้ำกันจนชื่นใจ มองดูนาฬิกาอีกทีบ่ายสามแล้ว ได้เวลาลงกลับ ด้วยความทุลักทุเลเหมือนตอนปีนขึ้นมาไม่มีผิด แต่ก็คิดไม่ผิดหรอกนะที่อุตส่าห์ปีนไปถึงชั้นสาม เหนื่อยแต่คุ้ม
Create Date : 31 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 11:18:42 น. |
|
13 comments
|
Counter : 680 Pageviews. |
|
|
|
ยิ้มสดใสกันทุกคน
บ่งบอกถึงความสนุกมากๆๆๆเลย