กะลาอักษร
การเขียนมีเวลาเรียนทั้งชีวิต อย่ารีบร้อน อย่าทำเมื่อยังไม่พร้อม คุณจะรู้ตัวเมื่อพร้อมเอง...(วินทร์ เลียววาริณ)
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
ผู้ยิ่งใหญ่ท้ายซอย : บทที่ 1

พวกเขาเรียกบ้านหลังนี้ว่า "บ้านสับปะรังเค" หัวจดหมายที่เขียนถึงญาติพี่น้องมักจะขึ้นต้นว่า

บ้านสับปะรังเค

111/0 ซอยวัดหงส์รัตนารามฯ แขวงวัดอรุณฯ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีบ้านสับปะรังเคกระจายอยู่ทุกชุมชนทั่วกรุงเทพฯ แม้คำว่ากรุงเทพฯจะแปลตามตัวหมายถึงเมืองของกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่พวกเขาก็ตามที เรื่องนี้หอย ทุ่งกุลาฯ เคยอรรถาธิบายให้ไผ่ฟังอย่างยาวเหยียด โดยเล่าเริ่มตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 เรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันที่คณะราษฎร์ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไผ่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเรียน แต่เขาจำไม่ได้ และเรื่องราวที่หอยเล่าให้เขาฟังนั้นก็ไม่เกี่ยวกับบ้านสับปะรังเคในกรุงเทพฯแต่อย่างใด

ในความคิดของไผ่ บ้านสับปะรังเคเกิดจากอำนาจทางเศรษฐกิจ

มันเป็นความโลภอย่างมหันต์ของเจ้าของบ้าน ที่ฉลาดพอที่จะลงทุนซื้อไม้อัดมากั้นห้องแบ่งให้เช่า จากบ้านไม้ 2 ชั้นขนาดกระทัดรัด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ กลายเป็นบ้าน 2 ชั้น 6 ห้องนอน 2 ห้องน้ำรวม

และมันก็เป็นความซวยของคนระดับล่างอย่างพวกเขา ที่ไม่มีปัญญาหาเงินซื้อคฤหาสถ์สไตล์โรมัน ได้แต่ดูรูปตามหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์แล้วแสยะยิ้ม

"ยังไงๆคนรวยก็ไร้สาระอย่างมีระดับเสมอ"

ใช่สิ...ไผ่คิด ความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวย เห็นได้ชัดแม้ในกิจกรรมที่เรียกได้ว่าไร้สาระ

ที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐาน 4 ประการของชีวิต คนที่มีบ้านหลังใหญ่โตเท่าวัง เวลาตายไปก็เหลือพื้นที่แค่กว้างศอกยาววา แต่ไผ่ก็ยังเห็นต่าง เพราะโลงของคนรวย มองยังไงก็ดูดีกว่าโลงของคนจน...



กระจกเงาขนาดหนึ่งตารางคืบเกี่ยวลวดแขวนตะปูอยู่ข้างฝา ภาพดาราฮอลลีวู้ด ดาราไทย และซุปเปอร์สตาร์นักฟุตบอลยุโรปติดหราอยู่เต็มฝาผนัง ไผ่ไม่ใช่คนที่คลั่งดาราหรือนักฟุตบอลเท่าไหร่นัก เขาซื้อภาพเหล่านี้มาแปะไว้เพื่อปิดบังรอยแยกและคราบด่างๆจากน้ำฝน กระจกเงาบานเล็กมัวหม่นเพราะรอยนิ้วมือ มันกำลังสะท้อนภาพใบหน้าคมเข้มของไผ่

คิ้วเข้มตาคมสบตากับเงาตัวเองในกระจก เนิ่นนานและเนิ่นนาน

แวบหนึ่งไผ่นึกถึงคำพูดของหอย "พี่ไผ่เป็นพวกราคะจริต!"

"ยังไงวะ?"

"พวกราคะจริตคือพวกที่หลงรูปตัวเอง"

"โธ่เอ๊ยหอย...." ไผ่จำได้ว่าเขายิ้มร่าขณะพูด "อันรูปของฉันนี้ใครเห็นเป็นต้องหลง ตัวฉันเองส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองทุกวัน แล้วจะเลี่ยงไม่ให้หลงยังไงไหว?"

ไผ่ยิ้มให้ตัวเอง เขาเสมองภาพซุปเปอร์สตาร์บนฝากระดาน เดวิด เบ็คแฮม มิชาเอล บัลลัค แบร๊ด พีท อาร์โนล์ ชวาสเน็กเกอร์(สมัยยังหนุ่ม) ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ หม่ำ จ๊กมก ฟิล์ม รัฐภูมิ ปอยฝ้าย มาลัยพร ศรราม...ฯลฯ ไผ่หันมาสบตาตัวเองในกระจกอีกครั้ง เขายังยิ้ม

"นี่แน่ะเจ้ากระจกวิเศษ...ข้าจะไม่ถามเจ้าหรอกนะว่าบุรุษใดหล่อเลิศที่สุดในปฐพี เพราะข้ารู้คำตอบแล้ว ฮ่าๆๆ"

กว่าครึ่งปีที่ไผ่หนีทุ่งกุลาฯมา เขามีความสุขดีกับวิถีชีวิตของคนชั้นล่างในเมืองใหญ่ งานของไผ่คืองานที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ แต่ก็ยังดีกว่าการที่ต้องคอยหลบตีนและกระสุนปืนของคู่อริที่บ้าน คติประจำใจสำหรับไผ่ไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเกินไปกว่าคำว่า "เอาตัวรอดไปวันๆ" หรือบางทีนึกหมั่นไส้นักการเมืองตอแหล เขาก็เคยขอกระดาษและปากกาจากห้องของหอยมาเขียนข้อความแปะไว้ที่หน้าประตูเป็นคติเตือนใจ

"นักการเมืองตาย ไม่เสียดายเท่าเหล้าหก"

ไผ่รู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คนดีเท่าไหร่นัก ถ้าเทียบกับพระเอกในนิยายเกือบห้าร้อยเรื่องที่หอยเคยอ่าน เขาถือว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอกนิยายเรื่องไหน แต่สำหรับชีวิตจริง ทุกคนต่างเป็นพระเอก-นางเอกในเรื่องราวชีวิตของตน ไผ่ก็เช่นกัน เขาถือว่าทุกย่างก้าวของชีวิตคือการแสดง

ชีวิตคือละคร...ใครก็ไม่รู้เคยว่าไว้

ไผ่ยังจ้องเงาตัวเองในกระจก เขานึกถึงวันแรกที่เจอหอย หัวค่ำวันนั้นเขาหลงทางแถวๆต้นมะขามตรงมุมใดมุมหนึ่งของสนามหลวง หอยข้ามฝั่งมารับเขา หอยเปลี่ยนไปมาก จากเด็กเลี้ยงควายที่ไผ่เคยคิดว่าโง่ดักดานที่สุด กลายเป็นคนที่พูดอะไรบางอย่างออกมาแล้วไผ่ฟังไม่รู้เรื่อง หอยเฉลยให้เขารู้ภายหลังว่าเป็นเพราะอำนาจของวรรณกรรม

"วรรณกรรมมีอำนาจ" หอยว่า

"มอ'ไซต์รับจ้างอย่างแกจะอ่านหนังสือไปทำสวรรค์วิมานอะไร?"

"พี่ไผ่ไม่เข้าใจ...พี่ไผ่ไม่เข้าใจ..."

ห้องของหอยเต็มไปด้วยหนังสือ ไผ่ยังเคยคิดว่าสักวันกองหนังสือมหึมาในห้องแคบๆแห่งนั้นจะต้องพังทะลายลงมา เขาแทบจะไม่อยากนึกสภาพศพของเพื่อนรุ่นน้องที่นอนตายใต้กองหนังสือ

ไผ่สลัดความคิด เขาฟุ้งซ่านมากเกินไปแล้ว

เสียงเคาะประตู

ไผ่เปิดประตู หอยยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่ตรงหน้า ไผ่สะดุ้ง

"ขอโทษว่ะหอย ฉันไม่คิดว่าการที่ฉันแต่งตัวนานกว่าครึ่งชั่วโมง จะเป็นเหตุให้แกต้องเสียน้ำตา..."

หอยส่ายหน้า "มันไม่ใช่ความผิดของพี่ไผ่หรอก" แล้วเขาก็ชูหนังสือให้เพื่อนรุ่นพี่ดู "ขณะรอพี่แต่งตัว ผมอ่านนิยายจบหนึ่งเรื่องพอดี..."

"ขอโทษที่ฉันพิถีพิถันกับหน้าตาตัวเองมากเกินไป ทำไงได้วะ เราอาศัยอยู่ในบ้านสับปะรังเคอย่างนี้ เราก็ควรจะต้องทำตัวให้แตกต่างจากสภาพบ้าน"

ไผ่ชำเลืองสายตาดูหน้าปกหนังสือในมือหอย บนปกมีทั้งคำโปรยตัวพิมพ์และตัวเขียน คำโปรยตัวพิมพ์มีข้อความว่า "ข้างหลังภาพ...ศรีบูรพา"

คำโปรยที่เขียนด้วยลายมือมีข้อความว่า "หนังสือของหอย ซื้อที่ร้านนายอินทร์ ท่าพระจันทร์ 1 พ.ย. 49"

"ตะวันลับฟ้าแล้ว..." หอยกล่าว "ทิวาลาลับ และราตรีกาลกำลังจะมาเยือน ค่ำคืนนี่พี่ไผ่จะพาผมไปฟังพระสวดวัตรเย็นที่ไหน?"

"วัดเรอะ!" ไผ่ขึ้นเสียง "หอยเอ๋ย...หนังสือห้าร้อยเล่มที่แกอ่าน มิได้ช่วยให้แกเข้าใจสัตว์โลกอย่างฉันบ้างเลยหรือ?"

"ผมขอโทษที่แกล้งเข้าใจพี่ผิด" หอยเช็ดน้ำตาแล้วว่าต่อ "จงมีสุขและสวัสดีในวันครบเบญจเพสนะครับพี่ ผมรู้ว่าวันนี้พี่จะพาผมไปเมา แต่พี่ควรจะนึกถึงคำของคนโบราณไว้บ้าง ท่านว่าคนวัยเบญจเพสควรระวังเนื้อระวังตัว"

"หอยเอ๋ย...หนังสือห้าร้อยเล่มที่แกอ่าน มิได้ช่วยให้แกเข้าใจสัตว์โลกอย่างฉันบ้างเลยหรือ?"

"ขอโทษครับพี่ ว่าแต่...แค่เราจะไปกินเหล้าร้านป้าแดงหน้าปากซอยแค่เนี้ย ทำไมต้องแต่งตัวซะหล่อขนาดนี้?"

"หอยเอ๋ย...แกนี่ยิ่งอ่านยิ่งโง่!"

"ครับพี่...เราไปกันเถอะ"






Create Date : 11 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2549 19:06:27 น. 16 comments
Counter : 502 Pageviews.

 
แวะมาบอกว่า นอนหลับฝันดี


โดย: nakwan6 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:12:31 น.  

 
นอนหลับฝันดีเช่นกันครับท่าน nakwan6 ตอนนี้ตื่นแล้ว อยู่ห่างจากบ้านยี่สิบกิโลเมตร






โดย: กบข้างกะลา IP: 124.120.2.203 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:10:29 น.  

 
ตา...

ทั้งหอยและไผ่...มีบุคลิกบางอย่างคล้ายตา..แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

เดาว่า...อาจเพราะจากเรื่อง..จนกว่าชีวาฯ....ทุกคนคิดคล้ายกันหมด...คือ...คุณชีวานี่...อ้ายพุ่มฮักชัดๆ

เรื่องนี้ตาก็เลยพยายามหลีกจุดนั้นหรือเปล่าคะ...(ยายเป็นคนอ่านที่นิสัยไม่ดีน่ะ...ดันไปรู้จักคนเขียนซะนี้...ก็เลยเดาเล่นๆน่ะคะ)

ไม่ต้องมาตอบว่า..เรื่องนี้ผมด้น...ผมมั่วอีกละ...เบื่อแล้วมุขนี้...เอามุขอื่นบ้าง

ราคะจริต..ของไผ่นี่คมคายเสียจริง...คาดว่ามาจากหน้าตาที่หล่อเหลาแน่ๆ...(อ่า! ห้ามเขินจะไผ่)
"นักการเมืองตาย ไม่เสียดายเท่าเหล้าหก"

หอยนี่ยิ่งน่ารักใหญ่...ชอบอ่านนวนิยายเหมือนใครหว่า..อิ อิ

สงสัยว่างๆยายต้องแอบไปมีกิ๊ก...แถวๆซอยวัดหงส์ท่าจะดีเนาะ Ha Ha

นี่ๆ...ตกลงไม่ไปด้วยกันจริงเหรอ...ถ้าไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าขาวนะ...สนเปล่าคะ


โดย: ยายเองจ๊ะ IP: 61.90.241.124 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:46:22 น.  

 

คนโมหจริต มาเยี่ยมคนราคจริตค่ะ ว่าแต่ส่องกระจกเสร็จหรือยังคะ


โดย: แซนด์ซี วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:43:11 น.  

 
ยายจ๊ะ...ไอ้คนที่อยู่ซอยวัดหงส์ก็อยากมีกิ๊กเหมือนกัน สาวปราจีณฯน่ะใช่เลย อิๆๆ ขอบคุณครับ

แซนด์ซีขอรับ... ตอนนี้คนราคะจริตส่องกระจกเรียบร้อยแล้วครับ หล่อพอใช้


โดย: เจ้าของกะลา IP: 58.9.196.176 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:41:08 น.  

 


โดย: nakwan6 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:34:34 น.  

 
"ถือหนังสือ ไปอ่านในวงเหล้านี่ จะโดน Teen ไหม?"

"ไม่หรอก ถ้าหนังสือนั้นมิใช่หนังสือเรื่อง มะเร็งตับ"



โดย: merf1970 IP: 124.120.18.42 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:53:02 น.  

 
ศิษย์เหลนที่เคารพ

ส่งท่านย่ากลับแล้ว
คิดว่าป่านนี้คงถึงชาเล่ท์โดยสวัสดิภาพแล้ว
ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้โพสท์ภาพ เพราะมีแต่ฝน กับ ฝอย (เม้าท์แตกน่ะขอรับ)

อีกอย่างท่านย่าฯว่าจะโพสท์บันทึกการเดินทาง
เอาเป็นว่า ข้าพเจ้าส่งรูปไปให้ท่านย่าฯใช้ประกอบบันทึก
คอยรับชมและรับอ่านขอรับ

ด้วยความเคารพ
ศิษย์หลุน


โดย: ธุลีดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:37:55 น.  

 
ท่าน nakwan6 : มาแบบเงียบๆ ผมไม่ได้ยินว่าท่านกล่าวอะไร เลยไม่รู้จะตอบยังไง อิๆๆ

ท่านเมิร์ฟขอรับ....หนังสือดังกล่าวสามารถนำไปอ่านที่วงเหล้าได้ครับ ที่จริงอ่านได้ทุกประเภทแหละครับ ยกเว้นหนังสือธรรมะ

ศิษย์ทวดที่เคารพ...ฟังน้ำเสียงท่านเหนื่อยมากนะครับ เป็นไงล่ะ เจอฤทธิ์ศิษย์ย่าเข้า นี่ผมจะบอกอะไรให้ ตอนที่ผมโทรไปเช็คว่าแกกลับถึงกรุงเทพฯหรือยัง แกบอกว่ากำลังนั่งรถเมล์จากสายใต้ใหม่เพื่อกลับคอนโดฯ น้ำเสียงยังเจื้อยแจ้วไม่มีแววเหนื่อยเลยสักนิด ตอนนี้ก็คงเตรียวตัวเดินทางไปเมรัยสัญจร ดูเอาสิท่าน ผู้หญิงคนนี้แกร่งชะมัด


โดย: เจ้าของกะลา IP: 61.47.99.134 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:51:28 น.  

 
รูปมาแว้วววว....
เสียงแจ้ว อย่างท่านว่าจริง ๆ นั่นแหละ
ยังแว่วอยู่ในหูนะเนี่ย !! อะไรจะปานน้านนน!!


โดย: ศิษย์หลุน IP: 203.146.63.187 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:58:21 น.  

 
ตาๆ

ปราจีนเด้อ....เด้วก็....ไม่ให้เป็นกิ๊กซะหรอก


โดย: ยาย IP: 124.121.17.185 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:17:37 น.  

 
นินทาผู้หญิงลับหลัง ระวังเหอะ จะโดนดี

แวะมาสวัสดีจ๊ะอ้าย ไม่ได้ยินเสียงอ้ายหนึ่งวันเต็มๆ คิดถึ้ง คิดถึง

ไว้กลับจากทริปจะแวะมาอยู่กะลาด้วยคนนะ อิอิ


โดย: หนุงหนิง IP: 203.113.34.9 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:39:38 น.  

 
เข้ามาด้อมๆมองๆ นึกว่าจะมีตอนใหม่มาให้อ่านกันอีก


โดย: merf1970 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:7:15:17 น.  

 
ขอเอาโชแปงไปเล่นด้วยอีกตัวได้มั๊ยเนี่ย ข้างหลังภาพ...อ่านทีไรเป็นต้อง ทุ๊กทีเหมียนกัลลลลค๊าบ อิอิ เอาชีวิตจริงมาเทียบป่าวหว่า เง้อ...


โดย: ครอบครัวโชแปง (nutuang ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:03:37 น.  

 


พาเปียกปูนมาเที่ยวหาจ้า


โดย: nakwan6 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:26:43 น.  

 

คฤหาสถ์ -- คฤหาสน์

เดี๋ยวไปอ่านต่อท้ายซอย ๒ ครับ ..



โดย: กอฮัก พานกระทิง IP: 61.7.182.200 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:32:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

rintana
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนสิทธิ์ตามกฏหมายในการทำการคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมด ของงานเขียนในบล็อกนี้
ผู้ใดทำการคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมด โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์

Friends' blogs
[Add rintana's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.