|
สลายอัตตาแบบพุทธทาส
คำว่า อัตตา มิใช่คำไทยแท้ แต่เป็นภาษาบาลีที่คนไทยคุ้นหู คุ้นตา และคุ้นปากกันเป็นอย่างดี ใครที่คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองแน่ ตัวเองเป็นหนึ่งในตองอู หรือคิดว่าตูเป็นมืออาชีพ ชอบทำอะไรแบบวันแมนโชว์ ฟังใครไม่เป็น คิดว่าตัวเองถูกอยู่คนเดียว เราเรียกคนประเภทนี้ว่า คนมีอัตตา ถ้าจะให้ทันสมัยหน่อยก็เรียกว่าคนมีอีโก้สูง อัตตา อีโก้ อหังการ
ที่นำมาใช้ในภาษาไทยมีความหมายแตกต่างกันเฉพาะตัวอักษร หากความหมายเหมือนกันคือผู้คนคิดว่าตนเองคือศูนย์กลางของโลก ศูนย์กลางของความเก่ง ศูนย์กลางความเลิศเลอเพอร์เฟ็คท์ หรือเลิศสะแมนแตนไปเสียทุกเรื่อง คนที่มีอัตตา อีโก้ อหังการมาก ก็ทุกข์มาก มีน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่มีเลยก็ไม่ทุกข์ ทั้งๆ ที่อัตตาเป็นรากฐานแห่งความทุกข์ทั้งปวง คนเราก็หาได้พยายามลดละอัตตากันไม่ ตรงกันข้าม กลับแสดงออกซึ่งอัตตาของตนอยู่ทุกหนทุกแห่ง ศิลปินแสดงอัตตาของตนผ่านผลงาน ลายเซ็น คำพูด หรือท่วงท่าลีลาที่แสดงออกต่อสาธารณะ นักการเมืองแสดงอัตตาของตนด้วยการมีรถนำขบวนหลายคันหรือการมีบ้านโตๆ มีบริวารมากๆ พระเกจิอาจารย์บางรูปแสดงอัตตาด้วยการไปไหนช้ากว่าเวลานัดหมายเพื่อให้คนอื่นรอนานๆ จะได้เห็นว่าตนเป็นคนสำคัญ ซูเปอร์สตาร์บางคนแสดงอัตตาผ่านท่วงท่าลีลาการแสดงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จนไม่สนใจวัฒนธรรมของคนดู ดังเช่น ไมเคิล แจ็คสัน กับท่วงท่ามหัศจรรย์ของเขา ที่ใครเห็นก็ต้องเบือนหน้าหนี แต่เขากลับชอบ สะใจ และมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น น่าสังเกตว่าคนที่มีอัตตาสูง และพยายามแสดงอัตตาของตนล้วนเป็นคนเก่ง แต่ยิ่งเก่ง บางทียิ่งทุกข์ เข้าทำนองเก่งมากก็ทุกข์มาก เพราะอัตตาที่เขาหรือเธอแสดงออกไปกดข่มอัตตาของคนอื่นเข้านั่นเอง ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่มีใครอยากเป็นคนต่ำต้อย ทุกคนอยากได้รับการยอมรับกันทั้งนั้น พอมีคนเก่งเกินหน้าเกินอัตตาของตน ก็เลยถูกหมั่นไส้ชิงชังเป็นธรรมดา ทางโลกเห็นว่าการมีอัตตาเป็นของดี เพราะมันบอกอยู่ในทีว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่ทางธรรมท่านสอนให้ปล่อยละวางอัตตา เพราะอัตตาคือที่มาของความทุกข์พื้นฐานทั้งหมดในชีวิตมนุษย์ ท่านพุทธทาสภิกขุสอนเรื่องอัตตา(ตัวกู- ของกู) และการละอัตตาโดดเด่นที่สุดในประเทศไทย จนลือกันว่าวิธีการสลายอัตตาของท่านนั้นชะงัดนัก ชะงัดอย่างไร ลองอ่านจากตัวอย่างดังต่อไปนี้ เศรษฐินีคนหนึ่งเคยบริจาคเงินร่วมทำบุญกับท่านพุทธทาส หลังจากห่างหายไปนานหลายปี หล่อนพร้อมคณะจึงมีเวลาแวะเวียนไปนมัสการท่าน ท่านพุทธทาสนั่งต้อนรับอยู่ที่ม้ายาวบริเวณหน้ากุฏิ หล่อนเชื่อมั่นว่าท่านเจ้าสำนักแห่งสวนโมกข์คงจะจำตนได้เป็นอย่างดี เพราะเคยเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของสวนโมกข์มาก่อนแล้วหลายต่อหลายครั้ง มาคราวนี้หล่อนแอบหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าจะต้องหาทางแสดง ความสำคัญของตน (อัตตา)ให้เป็นที่ปรากฎต่อหน้าธารกำนัลเสียหน่อย หลังจากกราบแล้วจึงนมัสการถามท่านพุทธทาสที่นั่งสงบอยู่ตรงหน้าว่า หลวงพ่อจำดิฉันได้มั้ยเจ้าค่ะ ท่านพุทธทาสยิ้มก่อนตอบเรียบๆ ตามสไตล์ของท่านว่า จำไม่ได้หรอกโยม
Create Date : 26 เมษายน 2552 |
Last Update : 26 เมษายน 2552 12:12:35 น. |
|
1 comments
|
Counter : 270 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 26 เมษายน 2552 เวลา:13:48:03 น. |
|
|
|
| |
|
|