|
18 กรกฏาคม 2554
|
|
|
|
มุมมอง MAJOR กับช่วงเวลาที่ดีที่สุด
บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
ประกอบธุรกิจ ประกอบธุรกิจธุรกิจโรงภาพยนตร์ในแนว (Entertainment Complex) คือ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ ธุรกิจจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจให้เช่าพื้นที่
โครงสร้างรายได้ของบริษัท 1.รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ (ประมาณ 49%) 2.รายได้จากจัดจำหน่าย VCD และลิขสิทธิ์ (ประมาณ 14%) 3.รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม (ประมาณ 12%) 4.รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา (ประมาณ 9%) 5.รายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ (ประมาณ 9%) 6.รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริการ (ประมาณ 7%)
ฐานลูกค้าบริษัท ผู้บริโภคภาพยนตร์ทุกประเภท และทุกวัย
ทุนจดทะเบียน 882 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นใหญ่ ตระกูลพูลวรลักษณ์ 40% STATE STREET BANK 4% NVDR 6%
กำไรต่อหุ้น ปี 2551 = 0.71 ปี 2552 = 0.38 ปี 2553 = 0.57 Q1.2554 = 0.23
ปัจจัยเด่น - ราคาตั๋วเฉลี่ยปรับขึ้นจากปี 2553 - ผลประกอบการของบริษัทย่อย MPIC มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง และมีแนวโน้มล้างขาดทุนสะสมหมดแล้วจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะทำให้ MAJOR ได้รับเงินปันผลจาก MPIC - ธุรกิจสื่อโฆษณาคือตัวทำเงินที่ดี ซึ่งปีนี้ เศรษฐกิจเติบโต การบริโภคเพิ่มขึ้น จะทำให้มีความต้องการในการโฆษณามากขึ้น - ภาพยนตร์ช่วงกลางปีนี้ ทำเงินหลายเรื่อง ตั้งแต่ มีนาคม ซึ่งที่ผ่านมา ช่วงเดือน เมษายน ปีที่แล้วจะซบเซา แต่ปีนี้มีเรื่อง สมเด็จพระนเรศวร ฉายตอนสิ้นเดือนมีนาคม ทำให้รายได้จะแสดงเข้ามาในงบ Q2.2554 นี้ - SFX Central ลาดพร้าว ปิด จะทำให้กลุ่มลูกค้าไปชมภาพยนตร์ที่สาขารัชโยธินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลถึงงบ Q2.2554 นี้เช่นกัน - ราคาอ่อนตัวลง น่าเก็บลุ้นงบ Q2.2554 ซึ่งคาดว่าจะออกกลางเดือนหน้าครับ
By...//www.karnnewsupdate.blogspot.com
Create Date : 18 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2554 13:59:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 366 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
planplan66 |
|
|
|
|