Love is all around....We believe in destiny...
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
แกงค์ล้วงกระเป๋า ที่ BTS CHIDLOM สถานีรถไฟฟ้า ชิดลม ห้างโลตัส อ่อนนุช

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2010 (2553) เวลาประมาณ 15.30 - 16.00 น. เราได้เดินทางไปที่ BTS สาขาชิดลมเพื่อแลกเงิน กับบริษัท superrich (1965) ซึ่งปกติ เราจะไปแลกที่สาขาถนน ราชดำริ 1 ซึ่งจะมีหลายร้านให้แลก แต่ความที่เราไม่แน่ใจว่าจะไปทันหรือไม่ ก่อนร้านปิด และไม่ทราบแน่ว่าร้านปิด 16.00 หรือ 18.00 น เราจึงตัดสินใจแลกเงินที่ สาขา BTS สาขาชิดลม เป็นเงินค่อนข้างมากพอสมควร เพราะว่าเราจะเดินทางไปภูเก็ต 12 กันยายน 2553 เพื่อขึ้นเครื่องกลับเพิร์ท ออสเตรเลียวันที่ 13 กันยายน 2553 (เราอาศัยอยู่ที่เพิร์ท) และเงินนี้ที้แลกเพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวที่เมืองไทย พ่อเพิ่งตรวจพบมีนิ่วในไต 2 ก้อน น้องสาวกำลังเรียนป.โท ตั้งใจว่าจะช่วยค่าเทอมน้อง และมีค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นรออยู่

เราแลก 11500 ดอลล่าออสเตรเลีย คุณสามีนับได้ตามนั้น แต่พอยื่นเงินให้พนักงานเพื่อแลกเงิน เธอนับได้ 11300 เหรียญ ซึ่งเราก็ไม่ได้เอะใจจะนับอะไร เพราวะว่าก็เกรงภัยมิจฉาชีพอยู่ด้วย ซึ่งเรทวันที่ 11 กันยา 2553 ขณะที่เราแลกได้ 28.45 บาท

ขณะที่เราแลกเงิน พนักงานผู้หญิงคนนั้น ได้ใช้โทรศัพท์ในร้าน โทรไปที่แห่งหนึ่ง เพื่อแจ้งจำนวนและจองการแลกเงินของเรา ซึ่งเธอบอกว่า จะเปลี่ยนเรทต่ำลงในอีกไม่กี่นาที ซึ่งเธอได้กดเครื่องคำนวณ และให้เราถือไว้ ว่าเราได้เรท 28.45

หลังจากแลกเงิน คุณสามีได้เอาเงินใส่กระเป๋ากางเกง ซึ่งมีกระเป๋าแบบข้างตัว ฝาปิดเป็นแบบลอก เราเห็นแล้วก็ถามว่า จะให้เราถือไว้บ้างไม๊ จะได้ช่วยกัน เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าหากเราถือว่า เราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ พวกมิจฉาชีพ อาจจะกระชากกระเป๋า และอาจจะทำร้ายเราได้ เราก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก เค้าเอาเงินใส่กระเป๋าทั้งหมด 3 มัด มัดละ 1 แสนบาท ส่วนเศษที่เกินที่ได้รับจากการแลกเงิน เค้าเอาใส่กระเป๋าเงินเค้าไว้

เราเองก็รู้สึกกังวลอยู่มาก เพราะขณะที่เค้าเอาเงินใส่กระเป๋ากางเกง คนอื่นอาจมองเข้ามาในจุดที่แลกเงิน และจะเห็นได้ แต่เราก็โมโหตัวเองเหลือเกิน ว่าทำไมไม่ยืนยัน ยืนกราน จะเก็บเงินไว้กับเราบางส่วน

พอได้เงินเสร็จ ก็มองลงไปข้างล่างบีทีเอส เห็นห้างสรรสินค้าแห่งหนึ่งใหญ่ๆ นึกอยากเข้าไปหาธนาคาร เพื่อเอาเงินเข้า แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในห้างนั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลาเดินหานาน เพราะว่าตั้งใจจะกลับไปบ้าน เพื่อทำงานที่บ้านบางอย่าง เลยตัดสินใจขึ้นบีทีเอส ไปที่โลตัส สาขาอ่อนนุช เพื่อหาธนาคาร และนัดกับน้องสาวไว้ เพื่อขึ้นรถน้อง กลับบ้านด้วยกัน

พอไปถึงอ่อนนุช ก็เดินเข้าไปในห้างโลตัส ขึ้นไปชั้นสอง จากสะพานเชื่อมบนบีทีเอส แล้วก็ตรงไป ตรงส่วนที่ห้างซุปเปอร์มาเกต โลตัส นึกขึ้นมาได้ ว่าต้องการซื้อของบางอย่าง ก็เลยเดินกันเข้าไป เพื่อซื้อของ เสร็จออกมา ก็ลงบันไดเลื่อน เป็นแบบที่รถเข็นขึ้นได้ด้วย ไม่ใช้แบบขั้นบันได

ปกติเราจะยืนข้างๆ สามี แต่ว่าวันนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไม เราเดินลงไปรอสามีข้างด้านล่างก่อน พอสามีใกล้จะถึงจุดด้านล่างบันได ก็มีผู้ชายวัยไม่สูง ประมาณ 20-25 ปีประมาณนั้น หยุด กระทันหัน ตรงตีนบันได แล้วก็ก้มหยิบ ก้มหยิบของ ซึ่งเราไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เค้าก้มหลายครั้งๆ สุดท้ายก็เห็นโบชัวร์ โฆษณาสินค้า ยังตกเกลื่อนอยู่ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้าทำอะไรของเค้า

เรายังไม่รู้กันว่าเงินหายไปตอนนี้ สามีบอกว่า น่าจะเป็นตอนนี้ เพราะว่าเค้ามานึก และจำได้ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งวัยประมาณ 45-50 ปี อยู่ด้านหน้าเค้า และก็รู้สึกเหมือนมีคนเบียดเข้ามามาก น่าจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 3-4 คน

จากนั้นเราก็ข้ามไปหาน้องสาวที่ฝั่งตรงข้ามห้าง มีซื้อน้ำดื่ม แต่ไม่มีใครเข้ามาใกล้

จากนั้นก็เดินไปที่รับฝากจอดรถ ที่น้องจอดไว้ asia อะไรสักอย่าง ที่น้องจอดรถไว้

เราก็เดินไป แล้วก็มีคนขายตระกร้าหวาย สามีก็นึกว่าสวยดี อยากได้ ก็เลยหยุดซื้อ พอซื้อเสร็จ ก็เดินตามน้องไป เราเดินหน้า ก็มีผุ้ชายคนนึง ถือแก้วน้ำ ดูดน้ำ อยู่ๆ เค้าก็หยุดกระทันหัน (ซึ่งเรามานึกได้ตอนหลังว่า ถ้าเป็นแกงค์เดียวกัน คงต้องการจะล้วงให้ได้อีก)

เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถ น้องขับรถไปเซนทรัลบางนา เพราะว่าเรายังไม่เจอธนาคารเลย

ก็เข้าไปจอดรถที่ชั้น B 1/2 LADY PARKING FLOOR ในเซนทรัล ซึ่งน้องบอกว่า จอดเฉพาะผู้หญิงที่ชั้นนี้

ก็เข้าไปในห้าง เราค่อนข้างจะสับสน เพราะว่าปกติจะมารถแทกซี่กัน เดินเข้าด้านหน้า แต่วันนี้มารถน้อง เดินเข้าด้านหลัง รู้สึกเหมือน มันกลับด้าน up side down อะไรประมาณนั้น ก็ยืนงงๆ อยู่พัก แล้วเราก็เดินเข้าร้าน watson ซื้อของบางอย่าง เสร็จแล้วเราก็ไปเข้าห้องน้ำ กลับมา ก็เดินไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เอาเงินเข้าให้น้องส่วนนึง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่ อย่างที่พูดไว้ตอนแรกว่า เงินมัดละ 1 แสน เราต้องการเอาเงินเข้าบัญชีน้องแค่ 6 หมื่น ก็เลยเอาเงินออกมานับแค่ 6 หมื่น แล้วเข้าไปที่เคาเตอร์ (คือว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนแรกคิดว่า จะเอาไปให้พนักงาน บอกเค้าให้นับแค่ 6 หมื่น แล้วเอาเข้าบ้ญชี ก็ยังไงอยู่ ก็เลยนับเองที่ธนาคาร จริงๆ แล้วไม่ควรทำ เพราะว่าเราไม่รูว่ามีใครมองอยู่ เค้าจะเห็นว่าเรายังมีเงินสดเหลืออยู่อีก อาจตามเราไป แล้วล้วง ขโมยเอาไปได้ แต่เราก็ทำไปแล้ว แต่สามีบอกว่า ไม่น่าจะใช่ที่เซนทรัล น่าจะเกิดขึ้นที่ห้างโลตัส อ่อนนุชมากกว่า)

พอออกจากธนารไทยพาณิชย์ เราก็หวังจะเอาเงินที่เหลือ อีก 2 แสน เข้าที่ธนาคารยูโอบี ซึ่งเป็นบัญชีของเราเอง แล้วก็จะเอาเงินอีกส่วนกลับไป เพราะว่าต้องใช้ ก็เลยเขียนใบฝาก 2 แสน แต่พอจะหาเงิน มีแค่ 1 แสนเอง หายไป 1 มัด ตอนนั้น รู้สึกเหมือนร่างกายมันหยุดทำงานเลย เงิน 1 แสน หายไป เราสองคนสามีภรรยา ใช้เงินระมัดระวัง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย เก็บหอม รอมริบ แต่นี่เงินหายไป 1 แสนบาท ช๊อคมาก ทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ ก็บอกตัวเองว่า โอเค เอาเงินเข้าบัญชีก่อนตอนนี้ พอเสร็จจากธนาคาร ตอนนั้นอยู่ที่ชั้นล่าง บริเวณห้าง TOP จะมี food court ก็เดินไปหาโต๊ะว่าง ถามสามีว่า จะนั่งหน่อยไม๊ สามีบอกว่า ไม่หรอก เรากลับไปที่รถน้อง แล้วหา เพื่อจะตกอยู่ แต่เรารู้อยู่ในใจ ว่าไม่มีหรอก มีคนเอาไปแล้ว

จากนั้นก็โทรหาน้อง ให้มาเจอกัน (เพราะว่าแยกกันเดินในห้าง) จะได้ไปขึ้นรถ กลับบ้าน

เราไม่สามารถจะปกปิดได้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ น้องสาวก็ถามสามีเรา ว่ามีอะไรเหรอ เค้าเป็นห่วง เราสองคนไม่อยากบอก เพราะว่ารูว่าเค้าจะเสียใจ และเป็นห่วงเรา แต่สุดท้าย ก็บอกน้องไป เพราะว่าไม่รุ้จะบอกว่ายังไง

น้องก็ตกใจมาก ๆ แต่ก็พยายามปลอบใจเรา แต่ว่าเงินจำนวนนี้ ก็จำนวนมาก สำหรับคนจำนวนมากมาย รวมทั้งเราและครอบครัวเรา บอกน้องว่าอย่าบอกพ่อกับแม่นะ เพราะว่าแกคงช๊อคกัน

เราเองใจไม่มีใจจะทำอะไรเลย มันรู้สึกล้า ไปหมด แต่ว่าบอกตัวเองว่า กลับไปถึงบ้าน ต้องแพคกระเป๋า เตรียมตัวเดินทาง ไปภูเก็ตวันรุ่งขึ้น วันที่ 12 กันยา 2510 เพื่อไปขึ้นเครื่องกลับออสเตรเลียวันที่ 13 กันยายน เพระว่าทริปนี้ เราบินไปภูเก็ตก่อนไปกรุงเทพ เพราะว่าสามีนัดกับเพื่อนสมัยเรียน จะช่วยเป็นไกด์ให้ที่ภูเก็ต เพื่อนเค้าเพิ่งจะมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก แล้วเราก็แยกไปกรุงเทพฯ เพื่อไปบ้าน และเยี่ยมครอบครัว

พอน้องขับรถไปถึงบ้าน เราเองก็รวบรวมพลัง แพคกระเป๋า และทำสิ่งที่ต้องทำ มันผ่านไปแล้ว เกิดขึ้นแล้ว เราต้องเดินหน้าต่อไป ก็แพคกระเป๋า เตรียมเครียร์โน่น นี่ ที่บ้าน แล้วก็เข้านอน ประมาณเที่ยงคืน

เรากับสามี ก็นอนกลับกันดี พอสมควร สำหรับตื่นมาเข้าห้องน้ำประมาณ 6 โมง ต้องออกจากบ้านประมาณ 8 โมงเช้า เพราะว่าเครื่องออกประมาณ 11 โมงกว่าๆ

เราตื่นมา ก็สวดมนต์ นึกถึงพระคุณเจ้า บอกท่านว่า เราสองคน ก็เป็นคนดี มีน้ำใจ ไม่เคยทำร้ายใคร และเราถูกทำร้าย ถูกคนไม่ดี มิจฉาชีพ ขโมยของเราไป เราไม่ได้หวังจะแช่งชัก หักกระดูกอะไรเค้า แต่เราขอให้พระคุณเจ้า พระพุทธเจ้าของเรา ช่วยประทานโชคดีให้เราสองคน ให้เราได้สิ่งอื่นมาทดแทน สิ่งที่เราเสียไป ด้วยเถิด

มันช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังไม่วาย ทุกครั้งที่นึกถึง มันเจ็บแปลบในใจ

น้องสาวเพิ่งจะซื้อบ้าน เราเอาเงินนี้ ให้น้องไปจ่ายค่าบ้านยังจะดีกว่าอีก ให้ใครก็ไม่รู้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใจร้าย คนไม่ดี เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ เอาไป เค้าไม่สมควรได้รับ

นึกว่าจะโทรไปแจ้งตำรวจดีไม๊ เพราะว่าธนบัตร อาจจะ run number แต่ว่าสามีบอกว่าไม่น่านะ เพราะว่าดูแล้วไม่ได้เป็นธนาบัตรใหม่ ก็เลยไม่ได้ทำอะไร

สงสารสามีจับใจ เพราะว่าเค้าทำงานหนัก กว่าจะได้เงินมา สงสารตัวเอง ที่เวลาใช้จ่าย จะประหยัด ไม่ใช้เงินมือเติบ แล้วนี่มีคนมาเอาของเราไป พี่น้องในครอบครัว เรายังไม่เคยให้เงินมากขนาดนี้ ในคราวเดียวกันเลย

ก็พยายามทำใจ และคิดไปในทางบวก สามีบอกว่า เราไม่ได้เจ็บตัว ไม่มีใครเป็นอะไร ก็ดีแล้ว เราเองก็พยายามคิดไปว่า อาจจะเป็นการฟาดเคราะห์ก็ได้ เพราะว่ามันเกิดเรา เพิ่งจะผ่านไป เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และอีกอย่างพ่อก็เพิ่งจะไปตรวจสุขภาพ ขาบวม เท้าบวม พบว่าพ่อมีนิ่วในไต 2 ก้อน กำลังจะทำการรักษา ตอนนี้รอให้ไต พร้อมกว่านี้ ทาง รพ.จะฉีดสี เพื่อดูขนาดนิ่ว ** เราขอภาวนาให้การรักษา ผ่านไปด้วยดี และให้จบเท่านี้ *** ให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข สุขภาพดีทั้งกายและใจ และให้คนที่ขโมยจากเราไป เค้าพาความโชคร้ายๆ ต่างๆ ไปกับเค้าด้วย และเราขอภาวนาให้เราเจอกับโชคดี ในอนาคตอันใกล้

ตอนเช้าตื่นมา น้องขับรถไปส่งที่สนามบินสุวรรณภุมิ เราไปถึงภูเก็ต ก็เข้าโรงแรม เอา pass sport ไปฝากไว้ในเซฟโรงแรม ไม่มีอะไรมากให้ใครมาขโมยอีกแล้วตอนนี้ ต้องรักษา pass sport ให้ปลอดภัยก่อน

ก็เดินไปหาอาหารกลางวันทาน ซื้อของบางส่วน ขณะที่จ่ายเงินซื้อของ ก็อดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเงินที่ถูกขโมยไป

ชีวิตนี้คงไม่ลืม ที่ว่าไม่ลืม คือจะเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าไม่ควรประมาท careless ที่ผ่านมา เรารอดปากเหยี่ยว ปากกา มาได้ เพราะว่าเราไม่ประมาท มาครั้งนี้เราประมาท มันก็เกิดขึ้นทันที

คนพวกนี้ คอยมอง คอยจ้อง จับตา ดูพวกเรา คนทำมาหากิน เมื่อเค้าสบโอกาส เค้าทำทันที

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เริ่มที่ความประมาทของเรา ต้องมีสติ อยู่ตลอด ทุกครั้ง

ขอให้เราทุกคน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ขอให้ดูเราสองคน ไว้ เป็นสิ่งเตือนใจ เราไม่เคยประมาท จนมาหนึ่งครั้งนี้ ที่เราประมาท แล้วมันเกิดขึ้น*****

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เกิดเหตุการสูญเสียแบบนี้ เกิดขึ้นกับเรา

ครั้งที่ 2 หลังจากงานแต่งงาน (5ปี ที่แล้ว)เราลืมกระเป๋าเป้ จริง ๆ เป็นของสามี เค้ากำลังจะเดินทางกลับออสเตรเลีย เรายังรอวีซ่าอยู่ ในกระเป๋านั้นไม่มีอะไรมาก แต่มีวีดีโอ การแต่งงานของเรา ในตอนเช้า เป็นพิธีไทย และซีดี รูปถ่าย ที่เราถ่ายชุดแต่งงานที่ สตูดิโอ ยังโชคเข้าข้างอยู่บ้าน เราให้อัลบัมรูป ให้เพื่อนทีทำงานเก่า ยืมไปดู เราก็เลยยังมีรูปเหล่านี้ เอาไป scan ทำ files ใหม่ได้ อ้อ แล้วก็มีมงคล สวมศรีษะ ตอนรดน้ำสังข์ เราก็บอกกับตัวเองตอนนั้นว่า ไม่เป็นไร ถือว่าเค้าเอาไป ก็คือเอาไปเก็บรักษาให้เรา และสิ่งสำคัญอยุ่ที่ใจของเราสองคน

และครั้งที่ 1 พี่ชายที่แสนดี แสนรัก (เป็นพี่ชายเลี้ยง ที่เป็นลูกติด แม่เลี้ยงเรา เรารักกันเหมือนพี่น้อง เรามีกัน 5 คน รวมทั้งลูกติด พ่อเรา คือน้องสาว และน้องสาวอีกคน คือน้องที่เกิดใหม่) พี่ชายเรียนพาณิชย์นาวี ที่ซอยวัดบางนางเกรง แถวพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ พี่ใกล้จะเรียนจบแล้ว จนกระทั่งปีสุดท้าย พี่ไปฝึกงานบนเรือ เดินทะล คิดว่าน่าจะเป็นเรือขนส่งสินค้า ชื่อเรือ สวยมาก ๆ เพชรชมพู PINK DIAMOND ถ้าจำไม่ผิด น่าจะไประมาณ 3-4 เดือน หรือมากกว่านั้น ใกล้กำหนดที่พี่จะกลับ ครอบครัวเราก็รอคอยการกลับมาของพี่ และแล้วเราก็ได้รับข่าวร้ายเหลือเกิน ว่าเรือเพชรชมพู ได้หายสาบสูบไป ทางบริษัทเรือ และทางโรงเรียนพาณิชย์นาวี ได้ติดตาม ใช้เฮลิคอปเตอร์ ออกไปสำรวจ หาคราบน้ำมัน แต่ว่าไม่พบอะไรเลย จนทุกวันนี้ ผ่านไป น่าจะใกล้ 20 ปีแล้ว นี่เป็นการสูบเสียครั้งใหญ่หลวงที่สุด ที่ผ่านมา ของครอบครัวเรา

พี่เป็นคนดี พี่ชายที่แสนดี เรียนเก่ง รักครอบครัว พี่คงหมดกรรม และถ้าหากพี่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว พี่คงไปเป็นเทวดา ที่แสนดี คอยดูแล คนดีทุกคน แต่เราคิดว่า พี่คงจะงานยุ่งมาก เลยมาไม่ทันช่วยเรา และสามี เลยถูกคนใจร้ายขโมยเงินไป แต่ไม่เป็นไร พี่คงให้โชคอย่างอื่นแก่เราสองคนแทน





Create Date : 14 กันยายน 2553
Last Update : 15 กันยายน 2553 14:02:58 น. 11 comments
Counter : 1946 Pageviews.

 
ขอบคุณนะคะ ที่เอาประสบการณ์มาแบ่งปัน เข้าใจหัวอก คนหาเงิน ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองมาก ๆ ค่ะ



เกมส์แต่งตัว


โดย: bobocnx วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:12:07:33 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวที่มีประโยชน์ที่นำมาแบ่งปัน ก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองคุณและครอบครัวให้เจอสิ่งดีๆนะคะ


โดย: momnic IP: 125.26.157.103 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:13:03:55 น.  

 
เอาใจช่วยนะคะ ขอให้มีกำลังใจที่ดีต่อไป


โดย: Cutetetsu วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:13:37:39 น.  

 
เงินทองหาใหม่ได้ค่ะ ไม่ต้องคิดมากแล้วนะคะ ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ดีดีค่ะ ทำให้คนอย่างเราคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างค่ะ และสุดท้าย เสียใจด้วยจริง ๆ นะคะ เรื่องพี่ชาย


โดย: piggy IP: 124.120.111.97 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:16:55:26 น.  

 
พี่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ก็รู้สึกว่าฟ้ากับสามีก็ระมัดระวังตัวอยู่พอสมควรนะจ๊ะ แต่ก็นั่นแหละพวกมิจฉาชีพมืออาชีพ(คนชั่ว)มันมักจะไวกว่า/เหนือกว่าคนปกติอย่างเราๆก้าวหนึ่งเสมอ เป็นอุทาหรณ์ที่ดีมากเลยจ้ะฟ้า

พี่จะให้สามีพี่ได้อ่านด้วย(ให้เขาใช้เว็บกูเกิ้ลแปลเอาเองแบบคำต่อค่ำ) เพราะสามีพี่ก็เป็นคนดื้อ เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป พูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง เราเป็นคนไทยเราย่อมรู้เช่นเห็นชาติพวกมิจฉาชีพในบ้านเรามากกว่าเขาเนอะ

อย่าว่าแต่เงินแสนบาทเลย เงินร้อยเงินพันเงินหมื่นก็มีค่าสำหรับพี่และครอบครัวพี่มากมายนัปคณาเหมือนกันจ้ะฟ้า ทำงานกว่าจะได้มาอ่ะนะ

แต่ก็นั่นแหละเมื่อเสียมันไปแล้ว เราก็ต้อง"ทำใจ"อย่างเดียวเลย จะมัวไปหมกมุ่นคิดถึงและเสียดายเงินนั้นมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากรังแต่จำทำให้เราเคียดแค้น ห่อเหี่ยว และเจ็บปวดกระดองใจไปเปล่าๆ ถือเสียว่าเราคงเคยไปเอาของเขาไว้เมื่อชาติที่แล้ว เรียกว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา เขาจึงตั้งใจมาทวงเอากลับคืน ถือว่าหมดเวรหมดกรรมกันไปเนาะ

สมบัติผลัดกันชม จริงๆเลยเนอะ

คิดถึงนะ ฟ้าหายไปซะนานเลย พี่ดีใจที่ฟ้ากลับมาอย่างปลอดภัย


โดย: พี่ตา (เกลือหนึ่งกำน้อย ) วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:22:52:05 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ คนค่ะ สำหรับกำลังใจ ฟ้ากำลังพยายามค่ะ คิดว่าฟ้าคงยืนได้อีกครั้ง อย่างมั่นคง กว่าเดิม แต่สัญญากับตัวเองว่า จะไม่ลืม เพื่อเอาไว้เตือนให้ตัวเองและสามี ไม่ประมาทแม้แต่วันเดียว ในโลกใบนี้

ขอให้ทุกคนปลอดภัย แข็งแรงทั้งกาย และใจ นะคะ เพื่อที่จะได้อยู่ในโลกใบนี้ อย่างมีความสุขมากๆ และปลอดภัย

ฟ้าค่ะ


โดย: นางฟ้าของผม วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:9:53:55 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ตาคนดี ของฟ้า (ขอยืมหน่อยนะ เอ แต่ว่า น้องตัวเล็ก ของพี่ตา ชื่ออะไรหว่า ไม่รู้ง่ะ)

ขอบคุณพี่ตา มากมายค่ะ สำหรับกำลังใจที่แสนหวาน ฟ้ารู้สึกแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่บางทีขอมีเวลาที่เราหยุดคิดเรื่องอื่น มันก็ตื่นขึ้นมาทำร้ายฟ้าอีก เป็นครั้งคราวค่ะ

ฟ้าเห็นด้วยค่ะ คุณๆ สามี เนี่ย เค้าจะมั่นใจกันมาก บางทีออกไปทางมากเกินไป หรือดื้อ อย่างที่พี่ตาว่าแหละค่ะ
อย่างกรณีของฟ้า ตอนที่สามีฟ้าได้รับเงิน จากพนักงาน Super Rich / สาขา BTS ชิดลม * ฟ้าหยิบกระเป๋า แบบที่สำหรับใส่เอกสาร พวกพาสปอร์ต อะไรเนี่ย ของฟ้าขึ้นมา เปิดขึ้น และถามว่า คุณจะเอาใส่กระเป๋านี่ ให้ฉันถือบ้างไม๊ เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร น่าจะโอเค เค้ามีกางเกงอีกแบบนึง ฝาปิดเป็นแบบกระดุมค่ะ กางเกงขาสั้นกว่าตัวที่ใส่ไปวันเกิดเรื่อง เค้าใส่ตัวขาสั้นกว่านี้ คราวที่แล้วที่เราแลก แต่คราวนั้นเงินไม่มากเท่าวันนี้ และวันนั้นแลกที่สำนักงานใหญ่ ร้านก็ปกปิดมิดชิดกว่า คนข้างนอกไม่เห็นว่าเค้าเอาเงินใส่ไว้ที่ใหน ตรงนี้สำคัญนะคะ (มีอีกเรื่องอยากบอกค่ะ เมื่อก่อนเราจะแลกที่ธนาคาร UOB สาขาเซนทรัลบางนา เพราะว่าสำหรับเงินออสเตรเลียเรา ในบรรดาธนาคารทั้งหลาย ธนาคาร uob จะให้เรทสูงกว่าเพื่อน และเราสามารถแลกเงิน แล้วเอาฝากเข้าบัญชีได้เลย ไม่ต้องถือเงิน เดินไปทั่ว เพื่อหาธนาคารเอาเงินฝาก แต่ว่าอยู่มาวันนึง เพื่อนคนไทย คนหนึ่ง ที่อยู่ที่เพิร์ทนี่ เค้าบอกว่า เค้าไปแลกที่ super rich เรทดีกว่า เพราะว่าเค้าเป็นเอกชน ต้องแข่งขันกับ
ธนาคาร และฟ้าถามว่า ความปลอดภัยล่ะ เค้าบอกเค้ามีพนักงานรักษาความปลอดภัย มี guard เรียกรถแทกซี่ให้ด้วย ฟ้ากับสามีก็เลยลองไป ใช้บริการที่นี่มาได้ประมาณ 1 ปีมั่งค่ะ แต่อย่างที่บอก ว่าระมัด ระวัง กันตลอด ฟ้าก็เลยอยาก บอกว่า ถ้าหากจะให้แน่ใจ เรื่องความปลอดภัย แลกที่ธนาคารก็ดีเหมือนกันค่ะ ได้น้อยกว่า แต่ว่าปลอดภัย- และวันที่เกิดเรื่อง ฟ้าก็ไม่เข้าใจ ว่าอะไรดลใจเค้า ให้เค้าคว้าเงินเงินมัดใหญ่ๆ แบบนั้น ใส่กระเป๋ากางเกง ขาสั้น 3 มัด เลย ฟ้ามองตาม ถึงได้ตามว่า จะให้ฉันถือไว้บ้างไม๊ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ไว้ใจฟ้านะคะ ฮ่า ฮ่า แต่ว่าเค้าบอกว่า ฟ้าตัวเล็ก (คนเอเชียเรา ตัวเล็กกว่าผู้หญิงฝาหรั่งไงค่ะ) คนก็อาจจะกระชากไปได้ และอาจจะทำร้ายฟ้าได้อีก เลยอดถือ (วันที่เกิดเรื่อง สวมสั่นแค่เข่า และฝาเป็นแบบลอกน่ะค่ะ เลยง่ายเลย)
แต่เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร น่าจะโอเค

ตัวฟ้าเอง ฟ้าเสียตรงจุดหนึ่งค่ะ (จริงๆ มีเสียเยอะแยะค่ะ เอาจุดนี้ก่อน แหะ แหะ) คือว่า สามีฟ้าเค้าจะเทคแคร์ทุกสิ่งทุกอย่าง จนฟ้าเคยตัว และเชื่อมั่นเค้า ไว้ใจเค้า ว่าเค้ารู้ เค้าถูก เค้าทำได้ ตลอดเวลา (ซึ่งมันเป็นการ ไม่ fair สำหรับเค้า ซึ่งเค้าไม่รู้ตัวค่ะ)

ฟ้าเคยฮึดปรับใหม่ อยู่บ้าง แต่มันก็กลับไปเป็นงี้อีก บางครั้ง ตามใจเค้า เชื่อมั่นเค้ามากไป

ฟ้าไม่ได้โทษเค้าหรอกค่ะ เราผิดด้วยกัน ทั้งคู่ คือประมาท ตัวนี้ตัวเดียว

พี่ตาให้สามีพี่ตา อ่านเถอะค่ะ หรือว่าถ้าเราได้คุยกันมากกว่านี้ ให้เค้าติดต่อกันทางอีเมล์ หรือโทรคุยกัน ก็ดีนะคะ ฟ้าเองก็อยากรู้จัก พี่ตาของฟ้า มากกว่านี้อยู่เหมือนกัน แล้วแต่พี่ตานะคะ

***พี่ตาคิดว่าจะกลับไปอยู่เมืองไทย ของเราสักวันหนึ่งมั้ยค่ะ วันข้างหน้า

***สำหรับฟ้า และสามี เคยคุยกันไว้นานแล้วค่ะ ว่าคงไม่กลับไปแบบ อยู่ถาวรณ์เลย แต่เราอยาก อยู่ทั้งสองที่ **ที่เพิร์ทนี่ ก็สบายใจดีค่ะ สงบ ไม่ต้องอะไรมาก สังคมง่ายๆ ไม่ต้องระวังตัวมาก ฟ้าเคยบอกกับสามีเวลาเราไปเมืองไทย พอขึ้นเครื่องบินได้ ฟ้าก็บอกว่า เฮ้อ we are safe now, do not have to be so careful แต่ฟ้าไม่ได้หมายความว่า ที่อื่น ๆ ไม่ต้องระวังนะคะ เคยไป bali, penang หรือที่อื่นๆ ก็ต้องระวังเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับที่เพิร์ทนี่ ไม่ต้องระวังมากนักเท่าที่บ้านเราเท่านั้นเอง เพราะว่าคนบ้านเราเยอะค่ะ ยุ่ง busy คนแน่นทุกที่ที่ไป

***คงเหมือนคนมังคะ ที่ว่า nobody perfect ก็คงไม่มีที่ใดในโลก perfect เช่นกัน ฟ้ากับสามี ชอบเมืองไทย สำหรับฟ้าคงต้องบอกว่ารักเมืองไทย เพราะว่าเป็นแดนเกิดของเรา เราไปเมืองไทยปีละหลายครั้งค่ะ (ไปตอนช่วง low season และไปครั้งละไม่นาน แค่พอให้หายคิดถึง อาหารการกิน ความสะดวกสะบายต่างๆ สามีฟ้าชอบดำน้ำด้วยค่ะ แต่ไม่ได้ดำมานานแล้ว เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา

***ที่ไป 2 ครั้งก่อนโน่น ก็ไม่ได้ไปเที่ยวอะไรมาก ไปเรื่องซื้อบ้าน เงินที่หายไปนี่ก็ตั้งใจจะเอาไปจ่ายค่าบ้านส่วนหนึ่ง ฟ้ากับสามีต้องจ่ายอีกประมาณ 3.5 แสนบาทค่ะ ส่วนครึ่งของเรา อีกครึ่งน้องสาวฟ้ากู้ธนาคาร นี่ก็เลยหายไป 1 แสนเลย (อดไม่ได้ ขอโทษค่ะ)

***แต่ว่าคงต้องใช้เงินเยอะ ถ้าเราจะอยู่ทั้งสองที่แบบนั้น ก็เลยพยายามเก็บหอมรอมริบค่ะ

***มีคนหลายคนบอกว่า ถ้าเรายังมีแรง มีลมหายใจ เราก็ยังหาได้ใหม่อีกเงินทอง

ฟ้าจะสู้ต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะพี่สาว ที่อยู่ไกล


โดย: นางฟ้าของผม วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:10:43:52 น.  

 
เป็นกำลังใจให้นะคะ
คิดเสียว่า เราอาจจะเคยขโมยเงินเค้าไป มันสำควรแล้วที่เป็นแบบนี้
คิดแบบนี้แล้วสบายใจขึ้นนะคะ
เราจะพยายามปลอบใจตัวเองแบบนี้ตลอด เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจะเจอแต่โชคร้ายๆ มาตลอด จะได้ไม่เสียใจมากนัก
แต่ก็ยากเหมือนกันค่ะ
ขอให้คุณพระคุ้มครองคุณฟ้า และครอบครัวนะคะ
และขอให้คุณพ่อหายป่วยโดยเร็ววันค่ะ
บุญรักษาค่ะ
^^


โดย: ResidentBeauty วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:12:03:32 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณฟ้า นางฟ้าของพีช อุปส์

ขอบคุณนะคะที่เข้าไปทักทาย ทำให้มีเพื่อนน่ารักๆเพิ่มขึ้นอีกคน

อ่านแล้วก็เสียดายเหมือนกันนะคะ เงินตั้งแสน จะไทยหรือฝรั่งก็ถือว่าเยอะนะคะ เพราะเราทำงานแลกมา ส่วนคนที่เอาไปก็เนอะ ไม่รู้ว่ามันใช้จ่ายกันแบบสบายใจหรือเปล่า เกลียดจริงๆคนประเภทนี้

คุณฟ้าอยู่ออสเตรเลียเหรอคะ หาของไทยทานง่ายมั้ยคะ ความจริงน้องสาวพีชอยู่ซิดนีย์ค่ะ ส่วนมากพวกไตปลา กับสะตอกระป๋อง จะได้เค้าเป็นคนส่งมาให้นะคะ เพราะที่นี่ไม่มี

คุณฟ้าเป็นแฟนกระเป๋าผ้า น่าจะลองหัดทำดูนะคะ พีชเองก็ไม่เก่งอะไรหรอกค่ะ เพิ่งจะหัดเย็บก็ตอนมาเล่นบล็อกนี่หล่ะค่ะ ในบล็อกมีคนเก่งๆเยอะ เราเลยได้ความรู้ไปด้วย

พล่ามมาซะยาวเลย ยินดีที่ได้รู้จักคุณฟ้านะคะ ว่างๆก็ไปคุยนอกเรื่องได้ตามสบายเลยค่ะ ด้วยความยินดี


โดย: somjaidean100 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:19:19:55 น.  

 
เสียใจด้วยนะค่ะ อ่านเเล้วเข้าใจวามรู้สึกเลยค่ะ เพราะทริปที่ผ่านมา เราเเค่ทำมือถือหาย + ตกเครื่องบิน เรายังเซ็งเเละเสียดายเงินเลยค่ะ

เเต่พยายาม คิดๆซะว่า เงินทองหาใหม่ได้ เรามัวเเต่เศร้าสร้อยมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา คิดเเบบนั้นเสร็จ 5 นาทีหายเซ็ง ไปเที่ยวต่อเลยค่ะ


โดย: ellie@aggie วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:10:06:22 น.  

 
พี่เราก็อยู่บนเรือเพชรชมพูเหมือนกัน บังเอิญว่าเราอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเรือที่หายไป เลยลองค้นทางเน็ตดู ไม่คิดว่าจะมีคนสูญเสียพี่เหมือนกัน แต่เรายังหวังว่าพี่เรายังมีชีวิตอยู่นะ


โดย: Finding Pink Diamond IP: 124.122.63.19 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:20:54:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางฟ้าของผม
Location :
Perth Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงใจดี อีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้สะได้สวย ไม่ได้รวยความสามารถ เหมือนใครๆ ซึ่งวันนี้ได้เป็นนางฟ้าประจำใจ ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีความรักให้อย่างฟุ่มเฟือย เต็มหัวใจ ***แต่ก็ยังมีมิตรภาพ เหลือเฟือ ที่จะแบ่งปัน ให้กับใคร ๆ ที่ผ่านมา และมีมิตรภาพที่ว่านี้ มาแลกกัน
Friends' blogs
[Add นางฟ้าของผม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.