Love is all around....We believe in destiny...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 

แกงค์ล้วงกระเป๋า ที่ BTS CHIDLOM สถานีรถไฟฟ้า ชิดลม ห้างโลตัส อ่อนนุช

สวัสดีค่ะ ตอนนี้ฟ้ารู้สึกดีขึ้นมาก แข็งแรงขึ้นมาก เพราะว่าได้รับกำลังใจที่ดี จากคุณสามี จากเพื่อนๆ ทั้งที่เพื่อนที่จับต้องได้ ตลอดจนมิตรภาพที่อยู่ไกล ฟ้าซาบซึ้งและขอบคุณมากเหลือเกินค่ะ

วันนี้ขอตั้งบล๊อกนี้อีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งฟ้าหวังว่า จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราบ้างนะคะ อยากให้เราชาวคนดี ระวังตัว ไม่ประมาท จะได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ อย่างมีความสุข และปลอดภัยค่ะ

*******************
แกงค์ล้วงกระเป๋า ที่ BTS CHIDLOM สถานีรถไฟฟ้า ชิดลม ห้างโลตัส อ่อนนุช

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2010 (2553) เวลาประมาณ 15.30 - 16.00 น. เราได้เดินทางไปที่ BTS สาขาชิดลมเพื่อแลกเงิน กับบริษัท superrich (1965) ซึ่งปกติ เราจะไปแลกที่สาขาถนน ราชดำริ 1 ซึ่งจะมีหลายร้านให้แลก แต่ความที่เราไม่แน่ใจว่าจะไปทันหรือไม่ ก่อนร้านปิด และไม่ทราบแน่ว่าร้านปิด 16.00 หรือ 18.00 น เราจึงตัดสินใจแลกเงินที่ สาขา BTS สาขาชิดลม เป็นเงินค่อนข้างมากพอสมควร เพราะว่าเราจะเดินทางไปภูเก็ต 12 กันยายน 2553 เพื่อขึ้นเครื่องกลับเพิร์ท ออสเตรเลียวันที่ 13 กันยายน 2553 (เราอาศัยอยู่ที่เพิร์ท) และเงินนี้ที้แลกเพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้ครอบครัวที่เมืองไทย พ่อเพิ่งตรวจพบมีนิ่วในไต 2 ก้อน น้องสาวกำลังเรียนป.โท ตั้งใจว่าจะช่วยค่าเทอมน้อง และมีค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นรออยู่

เราแลก 11500 ดอลล่าออสเตรเลีย คุณสามีนับได้ตามนั้น แต่พอยื่นเงินให้พนักงานเพื่อแลกเงิน เธอนับได้ 11300 เหรียญ ซึ่งเราก็ไม่ได้เอะใจจะนับอะไร เพราวะว่าก็เกรงภัยมิจฉาชีพอยู่ด้วย ซึ่งเรทวันที่ 11 กันยา 2553 ขณะที่เราแลกได้ 28.45 บาท

ขณะที่เราแลกเงิน พนักงานผู้หญิงคนนั้น ได้ใช้โทรศัพท์ในร้าน โทรไปที่แห่งหนึ่ง เพื่อแจ้งจำนวนและจองการแลกเงินของเรา ซึ่งเธอบอกว่า จะเปลี่ยนเรทต่ำลงในอีกไม่กี่นาที ซึ่งเธอได้กดเครื่องคำนวณ และให้เราถือไว้ ว่าเราได้เรท 28.45

หลังจากแลกเงิน คุณสามีได้เอาเงินใส่กระเป๋ากางเกง ซึ่งมีกระเป๋าแบบข้างตัว ฝาปิดเป็นแบบลอก เราเห็นแล้วก็ถามว่า จะให้เราถือไว้บ้างไม๊ จะได้ช่วยกัน เค้าบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าหากเราถือว่า เราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ พวกมิจฉาชีพ อาจจะกระชากกระเป๋า และอาจจะทำร้ายเราได้ เราก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก เค้าเอาเงินใส่กระเป๋าทั้งหมด 3 มัด มัดละ 1 แสนบาท ส่วนเศษที่เกินที่ได้รับจากการแลกเงิน เค้าเอาใส่กระเป๋าเงินเค้าไว้

เราเองก็รู้สึกกังวลอยู่มาก เพราะขณะที่เค้าเอาเงินใส่กระเป๋ากางเกง คนอื่นอาจมองเข้ามาในจุดที่แลกเงิน และจะเห็นได้ แต่เราก็โมโหตัวเองเหลือเกิน ว่าทำไมไม่ยืนยัน ยืนกราน จะเก็บเงินไว้กับเราบางส่วน

พอได้เงินเสร็จ ก็มองลงไปข้างล่างบีทีเอส เห็นห้างสรรสินค้าแห่งหนึ่งใหญ่ๆ นึกอยากเข้าไปหาธนาคาร เพื่อเอาเงินเข้า แต่ว่าไม่เคยเข้าไปในห้างนั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลาเดินหานาน เพราะว่าตั้งใจจะกลับไปบ้าน เพื่อทำงานที่บ้านบางอย่าง เลยตัดสินใจขึ้นบีทีเอส ไปที่โลตัส สาขาอ่อนนุช เพื่อหาธนาคาร และนัดกับน้องสาวไว้ เพื่อขึ้นรถน้อง กลับบ้านด้วยกัน

พอไปถึงอ่อนนุช ก็เดินเข้าไปในห้างโลตัส ขึ้นไปชั้นสอง จากสะพานเชื่อมบนบีทีเอส แล้วก็ตรงไป ตรงส่วนที่ห้างซุปเปอร์มาเกต โลตัส นึกขึ้นมาได้ ว่าต้องการซื้อของบางอย่าง ก็เลยเดินกันเข้าไป เพื่อซื้อของ เสร็จออกมา ก็ลงบันไดเลื่อน เป็นแบบที่รถเข็นขึ้นได้ด้วย ไม่ใช้แบบขั้นบันได

ปกติเราจะยืนข้างๆ สามี แต่ว่าวันนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไม เราเดินลงไปรอสามีข้างด้านล่างก่อน พอสามีใกล้จะถึงจุดด้านล่างบันได ก็มีผู้ชายวัยไม่สูง ประมาณ 20-25 ปีประมาณนั้น หยุด กระทันหัน ตรงตีนบันได แล้วก็ก้มหยิบ ก้มหยิบของ ซึ่งเราไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เค้าก้มหลายครั้งๆ สุดท้ายก็เห็นโบชัวร์ โฆษณาสินค้า ยังตกเกลื่อนอยู่ ก็ไม่เข้าใจว่าเค้าทำอะไรของเค้า

เรายังไม่รู้กันว่าเงินหายไปตอนนี้ สามีบอกว่า น่าจะเป็นตอนนี้ เพราะว่าเค้ามานึก และจำได้ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งวัยประมาณ 45-50 ปี อยู่ด้านหน้าเค้า และก็รู้สึกเหมือนมีคนเบียดเข้ามามาก น่าจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 3-4 คน

จากนั้นเราก็ข้ามไปหาน้องสาวที่ฝั่งตรงข้ามห้าง มีซื้อน้ำดื่ม แต่ไม่มีใครเข้ามาใกล้

จากนั้นก็เดินไปที่รับฝากจอดรถ ที่น้องจอดไว้ asia อะไรสักอย่าง ที่น้องจอดรถไว้

เราก็เดินไป แล้วก็มีคนขายตระกร้าหวาย สามีก็นึกว่าสวยดี อยากได้ ก็เลยหยุดซื้อ พอซื้อเสร็จ ก็เดินตามน้องไป เราเดินหน้า ก็มีผุ้ชายคนนึง ถือแก้วน้ำ ดูดน้ำ อยู่ๆ เค้าก็หยุดกระทันหัน (ซึ่งเรามานึกได้ตอนหลังว่า ถ้าเป็นแกงค์เดียวกัน คงต้องการจะล้วงให้ได้อีก)

เสร็จแล้วก็ไปขึ้นรถ น้องขับรถไปเซนทรัลบางนา เพราะว่าเรายังไม่เจอธนาคารเลย

ก็เข้าไปจอดรถที่ชั้น B 1/2 LADY PARKING FLOOR ในเซนทรัล ซึ่งน้องบอกว่า จอดเฉพาะผู้หญิงที่ชั้นนี้

ก็เข้าไปในห้าง เราค่อนข้างจะสับสน เพราะว่าปกติจะมารถแทกซี่กัน เดินเข้าด้านหน้า แต่วันนี้มารถน้อง เดินเข้าด้านหลัง รู้สึกเหมือน มันกลับด้าน up side down อะไรประมาณนั้น ก็ยืนงงๆ อยู่พัก แล้วเราก็เดินเข้าร้าน watson ซื้อของบางอย่าง เสร็จแล้วเราก็ไปเข้าห้องน้ำ กลับมา ก็เดินไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เอาเงินเข้าให้น้องส่วนนึง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่ อย่างที่พูดไว้ตอนแรกว่า เงินมัดละ 1 แสน เราต้องการเอาเงินเข้าบัญชีน้องแค่ 6 หมื่น ก็เลยเอาเงินออกมานับแค่ 6 หมื่น แล้วเข้าไปที่เคาเตอร์ (คือว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนแรกคิดว่า จะเอาไปให้พนักงาน บอกเค้าให้นับแค่ 6 หมื่น แล้วเอาเข้าบ้ญชี ก็ยังไงอยู่ ก็เลยนับเองที่ธนาคาร จริงๆ แล้วไม่ควรทำ เพราะว่าเราไม่รูว่ามีใครมองอยู่ เค้าจะเห็นว่าเรายังมีเงินสดเหลืออยู่อีก อาจตามเราไป แล้วล้วง ขโมยเอาไปได้ แต่เราก็ทำไปแล้ว แต่สามีบอกว่า ไม่น่าจะใช่ที่เซนทรัล น่าจะเกิดขึ้นที่ห้างโลตัส อ่อนนุชมากกว่า)

พอออกจากธนารไทยพาณิชย์ เราก็หวังจะเอาเงินที่เหลือ อีก 2 แสน 4 หมื่น เข้าที่ธนาคารยูโอบี ซึ่งเป็นบัญชีของเราเอง แล้วก็จะเอาเงินอีกส่วนกลับไป เพราะว่าต้องใช้ ก็เลยเขียนใบฝาก 2 แสน แต่พอจะหาเงิน มีแค่ 1 แสนเอง หายไป 1 มัด ตอนนั้น รู้สึกเหมือนร่างกายมันหยุดทำงานเลย เงิน 1 แสน หายไป เราสองคนสามีภรรยา ใช้เงินระมัดระวัง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย เก็บหอม รอมริบ แต่นี่เงินหายไป 1 แสนบาท ช๊อคมาก ทำอะไรไม่ถูก พอตั้งสติได้ ก็บอกตัวเองว่า โอเค เอาเงินเข้าบัญชีก่อนตอนนี้ พอเสร็จจากธนาคาร ตอนนั้นอยู่ที่ชั้นล่าง บริเวณห้าง TOP จะมี food court ก็เดินไปหาโต๊ะว่าง ถามสามีว่า จะนั่งหน่อยไม๊ สามีบอกว่า ไม่หรอก เรากลับไปที่รถน้อง แล้วหา เพื่อจะตกอยู่ แต่เรารู้อยู่ในใจ ว่าไม่มีหรอก มีคนเอาไปแล้ว

จากนั้นก็โทรหาน้อง ให้มาเจอกัน (เพราะว่าแยกกันเดินในห้าง) จะได้ไปขึ้นรถ กลับบ้าน

เราไม่สามารถจะปกปิดได้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ น้องสาวก็ถามสามีเรา ว่ามีอะไรเหรอ เค้าเป็นห่วง เราสองคนไม่อยากบอก เพราะว่ารูว่าเค้าจะเสียใจ และเป็นห่วงเรา แต่สุดท้าย ก็บอกน้องไป เพราะว่าไม่รุ้จะบอกว่ายังไง

น้องก็ตกใจมาก ๆ แต่ก็พยายามปลอบใจเรา แต่ว่าเงินจำนวนนี้ ก็จำนวนมาก สำหรับคนจำนวนมากมาย รวมทั้งเราและครอบครัวเรา บอกน้องว่าอย่าบอกพ่อกับแม่นะ เพราะว่าแกคงช๊อคกัน

เราเองใจไม่มีใจจะทำอะไรเลย มันรู้สึกล้า ไปหมด แต่ว่าบอกตัวเองว่า กลับไปถึงบ้าน ต้องแพคกระเป๋า เตรียมตัวเดินทาง ไปภูเก็ตวันรุ่งขึ้น วันที่ 12 กันยา 2510 เพื่อไปขึ้นเครื่องกลับออสเตรเลียวันที่ 13 กันยายน เพระว่าทริปนี้ เราบินไปภูเก็ตก่อนไปกรุงเทพ เพราะว่าสามีนัดกับเพื่อนสมัยเรียน จะช่วยเป็นไกด์ให้ที่ภูเก็ต เพื่อนเค้าเพิ่งจะมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก แล้วเราก็แยกไปกรุงเทพฯ เพื่อไปบ้าน และเยี่ยมครอบครัว

พอน้องขับรถไปถึงบ้าน เราเองก็รวบรวมพลัง แพคกระเป๋า และทำสิ่งที่ต้องทำ มันผ่านไปแล้ว เกิดขึ้นแล้ว เราต้องเดินหน้าต่อไป ก็แพคกระเป๋า เตรียมเครียร์โน่น นี่ ที่บ้าน แล้วก็เข้านอน ประมาณเที่ยงคืน

เรากับสามี ก็นอนกลับกันดี พอสมควร สำหรับตื่นมาเข้าห้องน้ำประมาณ 6 โมง ต้องออกจากบ้านประมาณ 8 โมงเช้า เพราะว่าเครื่องออกประมาณ 11 โมงกว่าๆ

เราตื่นมา ก็สวดมนต์ นึกถึงพระคุณเจ้า บอกท่านว่า เราสองคน ก็เป็นคนดี มีน้ำใจ ไม่เคยทำร้ายใคร และเราถูกทำร้าย ถูกคนไม่ดี มิจฉาชีพ ขโมยของเราไป เราไม่ได้หวังจะแช่งชัก หักกระดูกอะไรเค้า แต่เราขอให้พระคุณเจ้า พระพุทธเจ้าของเรา ช่วยประทานโชคดีให้เราสองคน ให้เราได้สิ่งอื่นมาทดแทน สิ่งที่เราเสียไป ด้วยเถิด

มันช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังไม่วาย ทุกครั้งที่นึกถึง มันเจ็บแปลบในใจ

น้องสาวเพิ่งจะซื้อบ้าน เราเอาเงินนี้ ให้น้องไปจ่ายค่าบ้านยังจะดีกว่าอีก ให้ใครก็ไม่รู้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนใจร้าย คนไม่ดี เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ เอาไป เค้าไม่สมควรได้รับ

นึกว่าจะโทรไปแจ้งตำรวจดีไม๊ เพราะว่าธนบัตร อาจจะ run number แต่ว่าสามีบอกว่าไม่น่านะ เพราะว่าดูแล้วไม่ได้เป็นธนาบัตรใหม่ ก็เลยไม่ได้ทำอะไร

สงสารสามีจับใจ เพราะว่าเค้าทำงานหนัก กว่าจะได้เงินมา สงสารตัวเอง ที่เวลาใช้จ่าย จะประหยัด ไม่ใช้เงินมือเติบ แล้วนี่มีคนมาเอาของเราไป พี่น้องในครอบครัว เรายังไม่เคยให้เงินมากขนาดนี้ ในคราวเดียวกันเลย

ก็พยายามทำใจ และคิดไปในทางบวก สามีบอกว่า เราไม่ได้เจ็บตัว ไม่มีใครเป็นอะไร ก็ดีแล้ว เราเองก็พยายามคิดไปว่า อาจจะเป็นการฟาดเคราะห์ก็ได้ เพราะว่ามันเกิดเรา เพิ่งจะผ่านไป เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และอีกอย่างพ่อก็เพิ่งจะไปตรวจสุขภาพ ขาบวม เท้าบวม พบว่าพ่อมีนิ่วในไต 2 ก้อน กำลังจะทำการรักษา ตอนนี้รอให้ไต พร้อมกว่านี้ ทาง รพ.จะฉีดสี เพื่อดูขนาดนิ่ว ** เราขอภาวนาให้การรักษา ผ่านไปด้วยดี และให้จบเท่านี้ *** ให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข สุขภาพดีทั้งกายและใจ และให้คนที่ขโมยจากเราไป เค้าพาความโชคร้ายๆ ต่างๆ ไปกับเค้าด้วย และเราขอภาวนาให้เราเจอกับโชคดีบ้าง ในอนาคตอันใกล้

ตอนเช้าตื่นมา น้องขับรถไปส่งที่สนามบินสุวรรณภุมิ เราไปถึงภูเก็ต ก็เข้าโรงแรม เอา pass sport ไปฝากไว้ในเซฟโรงแรม ไม่มีอะไรมากให้ใครมาขโมยอีกแล้วตอนนี้ ต้องรักษา pass sport ให้ปลอดภัยก่อน

ก็เดินไปหาอาหารกลางวันทาน ซื้อของบางส่วน ขณะที่จ่ายเงินซื้อของ ก็อดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเงินที่ถูกขโมยไป

ชีวิตนี้คงไม่ลืม ที่ว่าไม่ลืม คือจะเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ว่าไม่ควรประมาท careless ที่ผ่านมา เรารอดปากเหยี่ยว ปากกา มาได้ เพราะว่าเราไม่ประมาท มาครั้งนี้เราประมาท มันก็เกิดขึ้นทันที

คนพวกนี้ คอยมอง คอยจ้อง จับตา ดูพวกเรา คนทำมาหากิน เมื่อเค้าสบโอกาส เค้าทำทันที

เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เริ่มที่ความประมาทของเรา ต้องมีสติ อยู่ตลอด ทุกครั้ง

ขอให้เราทุกคน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ขอให้ดูเราสองคน ไว้ เป็นสิ่งเตือนใจ เราไม่เคยประมาท จนมาหนึ่งครั้งนี้ ที่เราประมาท แล้วมันเกิดขึ้น*****

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เกิดเหตุการสูญเสียแบบนี้ เกิดขึ้นกับเรา

ครั้งที่ 2 หลังจากงานแต่งงาน (5ปี ที่แล้ว)เราลืมกระเป๋าเป้ จริง ๆ เป็นของสามี เค้ากำลังจะเดินทางกลับออสเตรเลีย เรายังรอวีซ่าอยู่ ในกระเป๋านั้นไม่มีอะไรมาก แต่มีวีดีโอ การแต่งงานของเรา ในตอนเช้า เป็นพิธีไทย และซีดี รูปถ่าย ที่เราถ่ายชุดแต่งงานที่ สตูดิโอ ยังโชคเข้าข้างอยู่บ้าน เราให้อัลบัมรูป ให้เพื่อนทีทำงานเก่า ยืมไปดู เราก็เลยยังมีรูปเหล่านี้ เอาไป scan ทำ files ใหม่ได้ อ้อ แล้วก็มีมงคล สวมศรีษะ ตอนรดน้ำสังข์ เราก็บอกกับตัวเองตอนนั้นว่า ไม่เป็นไร ถือว่าเค้าเอาไป ก็คือเอาไปเก็บรักษาให้เรา และสิ่งสำคัญอยุ่ที่ใจของเราสองคน

และครั้งที่ 1 พี่ชายที่แสนดี แสนรัก (เป็นพี่ชายเลี้ยง ที่เป็นลูกติด แม่เลี้ยงเรา เรารักกันเหมือนพี่น้อง เรามีกัน 5 คน รวมทั้งลูกติด พ่อเรา คือน้องสาว และน้องสาวอีกคน คือน้องที่เกิดใหม่) พี่ชายเรียนพาณิชย์นาวี ที่ซอยวัดบางนางเกรง แถวพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ พี่ใกล้จะเรียนจบแล้ว จนกระทั่งปีสุดท้าย พี่ไปฝึกงานบนเรือ เดินทะล คิดว่าน่าจะเป็นเรือขนส่งสินค้า ชื่อเรือ สวยมาก ๆ เพชรชมพู PINK DIAMOND ถ้าจำไม่ผิด น่าจะไประมาณ 3-4 เดือน หรือมากกว่านั้น ใกล้กำหนดที่พี่จะกลับ ครอบครัวเราก็รอคอยการกลับมาของพี่ และแล้วเราก็ได้รับข่าวร้ายเหลือเกิน ว่าเรือเพชรชมพู ได้หายสาบสูบไป ทางบริษัทเรือ และทางโรงเรียนพาณิชย์นาวี ได้ติดตาม ใช้เฮลิคอปเตอร์ ออกไปสำรวจ หาคราบน้ำมัน แต่ว่าไม่พบอะไรเลย จนทุกวันนี้ ผ่านไป น่าจะใกล้ 20 ปีแล้ว นี่เป็นการสูบเสียครั้งใหญ่หลวงที่สุด ที่ผ่านมา ของครอบครัวเรา

พี่เป็นคนดี พี่ชายที่แสนดี เรียนเก่ง รักครอบครัว พี่คงหมดกรรม และถ้าหากพี่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว พี่คงไปเป็นเทวดา ที่แสนดี คอยดูแล คนดีทุกคน แต่เราคิดว่า พี่คงจะงานยุ่งมาก เลยมาไม่ทันช่วยเรา และสามี เลยถูกคนใจร้ายขโมยเงินไป แต่ไม่เป็นไร พี่คงให้โชคอย่างอื่นแก่เราสองคนแทน




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553
3 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2553 20:55:53 น.
Counter : 1125 Pageviews.

 

ผมอ่านแล้วครับ โอ เห็นใจครับ

 

โดย: yyswim 10 ตุลาคม 2553 21:39:36 น.  

 

สวัสดีค่ะ

เข้าใจความรู้สึกมากค่ะเพราะเคยโดนเหมือนกัน เป็นการโดนคนทำงานบ้านลักขโมยเงินไปน่ะค่ะ จำนวนประมาณซื้อบ้านที่บ้านนอกได้หลังนึง..

มันเป็นเหมือนฝันร้ายที่แย่จริงๆ ติดอยู่ในความรู้สึกมาตลอด แม้จะพยายามทำใจปล่อยวาง ให้อภัยใดๆแล้วก็ตาม เลยเข้าใจความรู้สึกคุณดีค่ะว่าเป็นยังไง ใหม่ๆ มันก็จะแย่แต่ต่อไปก็จะจางลงๆ แต่ก็จะไม่ลืมหรอกนะคะ

ขอส่งกำลังใจให้คุณผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้เร็วๆค่ะ

 

โดย: ป้าโซ 10 ตุลาคม 2553 23:19:50 น.  

 

อ่านแล้วตกใจเลยค่ะ แต่ไม่เคยแลกเงินแบบเยอะๆซักที เต็มที่แค่3หมื่น ถ้าต้องการแบบเป็นแสน จะไปที่ธนาคารเลยค่ะ เอาออกจากบัตร เพราะกลัวเหมือนกัน
อาจจะแสดงความเห็นช้าไป เพราะไม่ได้เข้ามานานมาก แต่ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ คนดี ซักวันจะเจอสิ่งดีๆค่ะ อดทนนะค่ะ ดิฉันฟังแล้วคุณฟ้าเป็นคนรักครอบครัว คุณฟ้ากตัญญู จะต้องมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นค่ะ

 

โดย: ดอกโสนบานที่ทาสแมเนีย 14 ตุลาคม 2553 6:54:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นางฟ้าของผม
Location :
Perth Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงใจดี อีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้สะได้สวย ไม่ได้รวยความสามารถ เหมือนใครๆ ซึ่งวันนี้ได้เป็นนางฟ้าประจำใจ ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีความรักให้อย่างฟุ่มเฟือย เต็มหัวใจ ***แต่ก็ยังมีมิตรภาพ เหลือเฟือ ที่จะแบ่งปัน ให้กับใคร ๆ ที่ผ่านมา และมีมิตรภาพที่ว่านี้ มาแลกกัน
Friends' blogs
[Add นางฟ้าของผม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.